ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - บทที่ 4776 ยาก่อใหม่ 3
ทว่าตั้งแต่ที่นางาฮิโกะ อิโตะตัดขาทั้งสองข้างแล้ว เขาก็ไม่โปรดปรานสถานที่ที่มีคนเยอะเสียงดังอีกต่อไป ดังนั้นงานเลี้ยงวันเกิดปีนี้ เขาจึงเลือกที่จะเลี้ยงขอบคุณแขกเป็นการส่วนตัว โดยมีลูกสาว น้องสาวรวมทั้งทานากะ โคอิจิกินข้าวด้วยกันที่บ้าน นี่ก็นับว่าเป็นการฉลองวันเกิดสำหรับเขาแล้ว
แต่ตอนที่อิโตะ นานาโกะเข้ามา ท่านอาเอมิ อีโตะก็ได้จัดคนรับใช้มารออยู่ตรงกลางโถงและได้เตรียมอาหารมารอเอาไว้เต็มโต๊ะ แถมยังเตรียมเหล้าสาเกหลงฉวนชั้นยอดสิบสี่สมัยสองขวดเอาไว้ให้นางาฮิโกะ อิโตะโดยเฉพาะ
เมื่อเห็นอิโตะ นานาโกะกลับมา เอมิ อีโตะจึงยิ้มทักทายขึ้นว่า “นานาโกะ ไปตามพ่อออกมาจากห้องเร็วเข้า อาหารทุกอย่างเตรียมเอาไว้เรียบร้อยแล้ว หนูก็กลับมาแล้ว ตอนนี้จึงเริ่มงานได้เลย”
“ได้ค่ะอา” อิโตะ นานาโกะพยักหน้าเบาๆ จากนั้นจึงกล่าวถามเสียงเรียบว่า “อาคะ ตอนนี้อารมณ์ของท่านพ่อดีไหมคะ”
“ก็ดีนะ” เอมิ อีโตะอมยิ้มเล็กน้อย “ตอนเที่ยงอารมณ์ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่ตอนบ่ายทานากะกลับมาป้อนปลาคราฟ์ให้เขา หลังจากนั้นก็เล่นปิงปองด้วยกัน ดูท่าอารมณ์น่าจะดีขึ้นมากแล้ว เมื่อกี้นี้บอกว่ารู้สึกเหนื่อยเลยขอกลับไปพักผ่อนที่ห้องก่อน และสั่งเอาไว้ว่าถ้าหนูกลับมาแล้วค่อยไปตามเขา”
“ได้ค่ะ” อิโตะ นานาโกะตอบรับเสียงเบา “อย่างนั้นหนูจะไปตามพ่อออกมาเดี๋ยวนี้เลยค่ะ”
เอมิ อีโตะจึงกล่าวขึ้นมาว่า “ อย่าลืมเปลี่ยนไปใส่ชุดกิโมโนก่อน อย่าลืมสิว่าพ่อของหนูนิสัยเป็นยังไง ตอนนี้คนทั้งบ้านเปลี่ยนไปใส่ชุดของฤดูใบไม้ร่วงกันหมดแล้ว”
อิโตะ นานาโกะตบหน้าผากฉาด “เกือบลืมไปเลย……เดี๋ยวหนูจะไปเปลี่ยนชุดก่อนเลยค่ะ”
คนชาวญี่ปุ่น นับว่าเป็นคนที่มีความขัดแย้งกันสุดขั้วในทุกๆ ด้าน
ในทวีปเอเชีย ประเทศญี่ปุ่นนับว่าเป็นประเทศที่ซึมซับวัฒนธรรมตะวันตกลึกซึ้งที่สุด คนทำงานของประเทศนี้ ไม่ว่าจะฤดูใดก็ตาม ไม่ว่าอากาศจะร้อนขนาดไหนก็ตาม พวกเขาก็ยังคงให้ความสำคัญกับวัฒนธรรมที่ปฏิบัติสืบต่อกันมาเสมอ
เช่นเดียวกับนางาฮิโกะ อิโตะ ไม่ว่าเขาจะไปปรากฏตัวตามที่สาธารณะที่ใดก็ตามเขาก็มักจะใส่ชุดสูทเสมอ แถมบางครั้งยังให้ความสำคัญกับวัฒนธรรมตะวันตกมากกว่าคนอังกฤษแท้ๆ ด้วยซ้ำ แต่เมื่อใดก็ตามที่เขาไม่ได้อยู่ในที่สาธารณะ เขาก็มักจะชอบอาศัยอยู่ในสวนสไตล์ญี่ปุ่นเสมอ อีกทั้งเมื่อถึงเทศกาลสำคัญ เขาก็มักหยิบชุดยูกาตะมาสวมใส่ในบ้านเสมอ
ชุดยูกาตะมีความคล้ายคลึงชุดกิโมโนของผู้หญิง ซึ่งนับว่าเป็นชุดของญี่ปุ่นขั้นสูงที่สุดที่สืบทอดต่อกันมา
เมื่อก่อนไม่ว่านานาโกะจะเรียนหนังสือ แข่งขัน หรือว่าจะเป็นตอนนี้ก็ตามที่เธอทำงานแล้ว ส่วนมากเธอก็มักจะแต่งตัวแบบสากลเสมอ แต่เนื่องจากวัฒนธรรมของบ้านที่สืบตามกันมา เมื่อถึงเทศกาลสำคัญของบ้านก็มักจะต้องเปลี่ยนมาใส่ชุดกิโมโนเพื่อให้ความสำคัญกับวัฒนธรรมของบ้าน
เมื่อเข้าไปในห้องของตัวเอง นานาโกะก็เลือกชุดกิโมโนสีขาวบริสุทธิ์ชุดหนึ่ง โดยมีสาวใช้คนสนิทสองคนคอยช่วยจัดชุดให้เรียบร้อยและจัดแต่งเครื่องประดับ
เนื่องจากในญี่ปุ่นแห่งนี้ ยามาโตะนาเดชิโกะถือว่าเป็นหญิงงามอันดับหนึ่ง แต่หลังจากที่นานาโกะใส่ชุดกิโมโนญี่ปุ่นเข้าไปแล้ว ก็สามารถทัดเทียมกับยามาโตะนาเดชิโกะที่ขึ้นชื่อว่างามและเพียบพร้อมด้วยกิริยาไร้ผู้ใดเทียมได้
สาวใช้ที่ช่วยนางผูกเอวอยู่นั้นก็อดไม่ได้ที่จะทอดถอนใจ “คุณหนูสวมชุดกิโมโนสวยมากเลย หากวันหน้าใส่ชุดกิโมโนแต่งงาน จะต้องสวยสะเทือนทั้งญี่ปุ่นอย่างแน่นอน”
อิโตะ นานาโกะมองตนเองในกระจก อดไม่ได้ที่จะกล่าวอย่างเขินอายออกไปว่า “ทำไมต้องใส่ชุดกิโมโนแต่งงานด้วย”
สาวใช้กล่าวอย่างประหลาดใจว่า “คุณท่านออกจะเคร่งครัดกับวัฒนธรรมขนาดนี้ หากคุณหนูไม่ใส่ชุดกิโมโนแต่งงาน คุณท่านจะต้องโกรธมากแน่ อีกอย่างหนูคิดมาตลอดเลยว่าผู้หญิงญี่ปุ่นใส่ชุดกิโมโนสวยกว่าชุดเจ้าสาวสีขาว เพราะนี้คือชุดที่พวกเราสืบต่อกันมา ไม่เพียงแสดงความเป็นตัวตนของพวกเราเท่านั้น แต่ยังเหมาะกับสไตล์ผู้หญิงญี่ปุ่นอย่างพวกเราด้วย”
อิโตะ นานาโกะหน้าแดงพลางกล่าวว่า “เธอรู้ไหมว่าหัวเซี่ยมีชุดแต่งงานประเภทหนึ่งที่เรียกว่าชุดหลงเฟิ่ง แบบนั้นก็สวยมากเหมือนกัน”