ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - บทที่ 4777 ตาแก่1
ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน บทที่ 4777 ตาแก่1
“ชุดหลงเฟิ่ง?” สาวใช้ส่ายหน้าและทำสีหน้าว่างเปล่า “เหมือนไม่เคย……ได้ยินมาก่อนเลยค่ะคุณหนู……”
อิโตะ นานาโกะยิ้มพลางกล่าวว่า “ชุดหลงเฟิ่งเป็นชุดประเภทหนึ่งที่สตรีหัวเซี่ยสืบทอดต่อกันมา โดยทั่วไปแล้วมักจะเป็นสีแดงหรือไม่ก็สีทอง และมักจะปักลายฉลุงามวิจิตรไว้ด้านบน ทั้งหรูหราและสวยงามมาก และเมื่อเร็วๆ นี้ยังมีชุดอีกเป็นชุดซิ่วเหอแบบปรับให้ดีขึ้น ชนิดนี้ก็สวยมากเช่นกัน ใส่แล้วดูยิ่งใหญ่มาก”
สาวใช้กล่าวด้วยสีหน้าว่างเปล่า “คุณหนู เวลาที่สตรีญี่ปุ่นแต่งงาน……ไม่จำเป็นต้องใส่ชุดแต่งงานของหัวเซี่ยก็ได้กระมัง……มันออกจะดูแปลกไปหน่อย……”
อิโตะ นานาโกะส่ายหน้าอย่างทะเล้นพลางกล่าวอย่างเขินอาย “หากแต่งงานกับคนญี่ปุ่น ก็ต้องใส่ชุดกิโมโนอยู่แล้ว แต่ถ้าแต่งงานกับคนหัวเซี่ยก็ต้องใส่ชุดของคนหัวเซี่ยถึงจะเหมาะสม อีกอย่างคำสุภาษิตโบราณก็กล่าวเอาไว้ว่าเข้าเมืองตาหลิ่วต้องหลิ่วตาตาม แน่นอนว่าเราก็ต้องปรับตัวตามประเพณีของฝ่ายชาย”
“ห๊า?!” สาวใช้ตกใจจนแทบจะพูดไม่ออก “คุณหนู คุณท่านอนุรักษ์นิยมขนาดนั้น หากคุณหนูแต่งงานกับคนหัวเซี่ย คุณท่านคงโกรธคุณหนูมากแน่”
ระหว่างที่กล่าว สาวใช้ก็รู้สึกว่าตัวเองน่าจะพูดอะไรบางอย่างผิดไปจึงรีบตบปากตัวเองพลางกล่าวโทษตัวเอง “ขอโทษค่ะ ขอโทษ หนูก็แค่เปรียบเทียบเท่านั้น…….”
อิโตะ นานาโกะอมยิ้มแล้วกล่าวอย่างจริงจังว่า “ถ้าเราได้แต่งงานกับคนที่เราอยากแต่งงานด้วย ท่านพ่อจะต้องดีใจมากกว่าเราแน่นอน”
สาวใช้อดไม่ได้ที่จะถามออกไปว่า “คุณหนู……พูดแบบนี้ แสดงว่ามีคนในใจแล้วใช่หรือไม่คะ”
อิโตะ นานาโกะเหล่มองนางแล้วกล่าวว่า “อย่ามาเดาส่งๆ น่า มีเวลาว่างก็ไปเรียนรู้วัฒนธรรมของชาวหัวเซี่ยเอาไว้บ้าง วันหน้าอาจจะมีประโยชน์บ้าง”
สาวใช้รีบพยักหน้าทันที “ได้ค่ะคุณหนู หนูจะต้องไปเรียนรู้ให้มากๆ……”
อิโตะ นานาโกะยิ้มพลางเงยหน้าขึ้น เมื่อเห็นว่าตนเองแต่งตัวเรียบร้อยแล้ว ก็หันไปกล่าวกับนางและสาวใช้อีกคนหนึ่งว่า “พวกเธอออกไปช่วยงานที่ห้องโถงด้านหน้าเถอะ เดี๋ยวเราจะไปเรียกท่านพ่อ”
สาวใช้ทั้งสองถอยออกไปอย่างนอบน้อม อิโตะ นานาโกะเดินเข้าไปในห้องตามลำพังเพื่อเข้าไปทำความเคารพท่านพ่อ
ภายในครอบครัวชั้นสูงของชาวญี่ปุ่นโบราณ กฎระเบียบระหว่างเด็กและผู้ใหญ่นั้นเข้มงวดมาก เวลาที่อิโตะ นานาโกะจะเดินเข้าไปในห้องของพ่อก็จะต้องทำความเคารพอย่างนอบน้อม ไม่สามารถที่จะเดินบุ่มบ่ามเข้าไปเสียงดังโวยวายเข้าไปเคาะประตูเลยได้
ตอนที่นางมาถึงห้องของพ่อก็เห็นว่าทานากะ โคอิจิที่นั่งอยู่บนรถเข็นกำลังเฝ้าอยู่บริเวณระเบียงทางเข้าไม่ไกลนัก เขากำลังเช็ดถูไม้ตีสนุ๊กที่งดงามมากอันหนึ่งอยู่
เมื่อเห็นอิโตะ นานาโกะเข้ามา เขาก็รีบยืดตัวขึ้นแล้วกล่าวอย่างนอบน้อมว่า “คุณหนู”
อิโตะ นานาโกะรีบทำมือสั่งให้เขาห้ามส่งเสียงดัง แล้วก้าวเข้าไปกล่าวเบาๆ ว่า “ทานากะซัง ท่านพ่ออยู่ด้านในใช่ไหมคะ”
ทานากะ โคอิจิจึงพยักหน้าอย่างนอบน้อม “เมื่อครู่นี้คุณท่านรู้สึกเหนื่อยก็เลยขอตัวกลับมาพักผ่อนที่ห้องก่อนครับ”
อิโตะ นานาโกะถามเขาว่า “ได้ยินคุณอาบอกว่าทานากาซังเล่นปิงปองเป็นเพื่อนท่านพ่อใช่ไหมคะ เหมือนว่าท่านพ่อจะไม่ได้จับไม้นานแล้ว เป็นอย่างไรบ้างคะ ยังเล่นสนุกอยู่ไหม”
ทานากะ โคอิจิยิ้มเฝื่อนๆ พลางตอบว่า “ตอนแรกก็ดีอยู่หรอก แต่พอเล่นไปได้สักพักท่านก็พูดออกมาว่าใช้รถเข็นอัตโนมัติวิ่งอ้อมโต๊ะไปมามันดูตลกมาก จึงไม่อยากเล่นต่ออีกแล้ว”
ระหว่างที่พูดเขาก็ยกไม้ปิงปองขึ้นมาแล้วกล่าวอย่างลำบากใจ “คุณท่านยังโยนไม้ปิงปองที่ตอนเองรักมากที่สุดทิ้ง โชคดีที่ไม่หัก ยี่ห้อนี้เลิกผลิตไปตั้งนานแล้ว”
อิโตะ นานาโกะพยักหน้าเบาๆ แล้วทอดถอนใจ “ตอนนี้ท่านพ่อกลายเป็นคนแก่ที่มีอารมณ์แปรปรวณไปเสียแล้ว ทั้งๆ ที่วันนี้เขาเพิ่งจะอายุครบ 50 ปีเต็ม……”