ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - บทที่ 4778 ตาแก่2
ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน บทที่ 4778 ตาแก่2
นางเข้าใจพ่อของนางดี เขามีนิสัยดื้อ แข็งกระด้างและหยิ่งผยองในตัวเองมากที่สุด
ในญี่ปุ่นไม่มีใครรู้จักเขา และมีคนจำนวนมากที่ยกย่องเอาเขาเป็นแรงบันดาลใจ เพราะเขาเป็นคนที่สร้างตระกูลอิโตะให้กลายเป็นตระกูลอันดับต้นๆ ของญี่ปุ่น อีกอย่างวัยห้าสิบปีเป็นช่วงอายุที่ดีที่สุด เดิมทีควรจะเป็นวัยที่แสดงความทะเยอทะยานเต็มที่ แต่ในช่วงเวลาเช่นนี้กลับสูญเสียขาทั้งสองข้างของตัวเองไปกลายเป็นคนพิการที่ต้องอยู่ติดบ้านและมีคนคอยดูแลตลอดเวลา เวลาที่จะออกจากบ้านก็ต้องนั่งรถเข็น ช่องว่างในจิตใจนี้ของเขาคงยากที่จะเติมเต็มภายในสามถึงห้าปีนี้ได้
นางเลยพูดกับทานากะ โคอิจิว่า “ทานากะซัง พรุ่งนี้ช่วยเชิญบริษัทที่ผลิตโต๊ะปิงปองมาที่บ้านด้วยนะคะ ให้พวกเขาลองช่วยคิดดูว่าพอจะมีวิธีใดหรือไม่ที่จะทำให้โต๊ะนี้ปรับระดับได้ เพื่อให้เหมาะสมกับสถานการณ์ของท่านพ่อตอนนี้มากที่สุด อย่างเช่นสามารถทำให้มันสูงขึ้นได้หรือไม่ ขาโต๊ะสามารถย้ายเข้าไปด้านในให้มากที่สุดได้หรือไม่ จะได้ไม่กระแทกเข้ากับขาโต๊ะ สรุปแล้วก็คือต้องหาวิธีให้ท่านพ่อไม่ได้รับผลกระทบจากการใช้รถเข็นให้ได้มากที่สุด”
ระหว่างที่กล่าว นางก็คิดบางอย่างขึ้นมาได้จึงรีบกล่าวเสริมว่า “อ่อจริงสิ ช่วยเชิญบริษัทผลิตรถเข็นไฟฟ้ามาด้วยนะคะ ตอนนี้ผลิตภัณฑ์พลังงานไฟฟ้าพัฒนาไปอย่างรวดเร็วมาก หุ่นยนต์ดูดฝุ่นสามารถหลบเลี่ยงสิ่งกีดขวางได้แล้ว รถเข็นไฟฟ้าก็น่าจะทำได้เช่นกัน อยากให้ใส่เทคโนโลยีเข้าไปให้มากหน่อยเพื่อให้รถเข็นไฟฟ้าปะทะเข้ากับสิ่งรอบตัวน้อยที่สุด และอยากให้ปรับระดับความเร็วการเคลื่อนที่ของรถเข็นได้ด้วย เวลาที่ท่านพ่อเล่นปิงปองคงจะต้องการอะไรแบบนี้”
“ได้ครับ!” ทานากะ โคอิจิตอบออกมาอย่างไม่พิจารณาใดๆ ทั้งสิ้น “พรุ่งนี้เช้าผมจะจัดกาเรื่องนี้ทันทีครับ”
อิโตะ นานาโกะพยักหน้าเล็กน้อยแล้วถอนใจเบาๆ “อันที่จริงเย่เฉินซังก็ช่วยจัดการธุระได้หลายเรื่องแล้ว แม้ว่าทานากะซังและท่านพ่อจะกลับไปเป็นอย่างคนปกติไม่ได้แล้ว แต่อย่างน้อยๆ ร่างกายฟื้นฟูดีขึ้นมากแล้ว ที่เหลือก็เหลือเพียงเรื่องปรับตัวให้คุ้นชินเท่านั้น”
“ถูกต้อง” ทานากะ โคอิจิอดไม่ได้ที่จะถอนใจ “ตอนที่ตัดสินใจกระโดดลงมาจากสะพาน ผมก็ไม่ได้คิดว่าตัวเองจะมีชีวิตรอด ตอนนั้นคิดแค่ว่าขอแค่เอาชีวิตรอดได้ไม่ว่าสภาพจะย่ำแย่แค่ไหนก็รับได้ แต่พอมาคิดดูตอนนี้ก็ต้องขอบคุณคุณเย่มากๆ นอกจากเรื่องที่เสียขาไปแล้ว เรื่องอื่นๆ นับได้ว่าแทบไม่ต่างอะไรกับเมื่อก่อนเลย แถมสุขภาพตอนนี้ยังดีขึ้นกว่าแต่ก่อนด้วย”
ระหว่างที่พูดสีหน้าของเขาก็เศร้าหมอง “หัวใจของผมถูกรักษาอย่างรวดเร็ว เพียงแต่คุณท่าน…….คุณหนูก็รู้ว่าคุณท่านเป็นคนแข็งแกร่งมาตลอด คงไม่สามารถปรับตัวได้ภายในระยะเวลาอันสั้นนี้แน่……”
อิโตะ นานาโกะพยักหน้าเบาๆ พลางกล่าวว่า “หนูจะพยายามช่วยท่านพ่อเดินออกมาจากจุดนั้นให้ได้เร็วที่สุด เรื่องนี้คงต้องขอรบกวนทานากะซังด้วยอีกแรง”
ทานากะ โคอิจิกล่าวอย่างนอบน้อมว่า “คุณหนูโปรดวางใจ ทานากะจะต้องทำให้สุดความสามารถ!”
อิโตะ นานาโกะอมยิ้มแล้วกล่าวต่อไปว่า “ขอบคุณทานากะซังมากเลยค่ะ หนูขอตัวเข้าไปพบท่านพ่อก่อนนะคะ”
ในตอนนั้นนางาฮิโกะ อิโตะกำลังนั่งอยู่บนรถเข็นตามลำพัง โดยหยุดอยู่ระหว่างห้องนอนและห้องทำงาน
ห้องของนางาฮิโกะ อิโตะเป็นห้องชุดที่มีห้องนอนและห้องทำงานอยู่ด้วยกัน การตกแต่งภายในเป็นการตกแต่งแบบมีเอกลักษณ์และดูอบอุ่นเพราะตกแต่งห้องทั้งห้องโดยใช้โทนสีครีม
บนกำแพงมีชุดยูกาตะแบบใหม่แขวนอยู่ นี่คือชุดที่เขาให้ช่างช่วยตัดเอาไว้ให้เมื่อปีที่แล้วสำหรับใช้ในการฉลองวันเกิด
ในตอนนั้นเขาให้ช่างตัดเย็บไว้ทั้งหมดสองชุด ชุดหนึ่งเป็นชุดที่เตรียมเอาไว้สำหรับฉลองวันเกิดห้าสิบปี ส่วนอีกชุดหนึ่งเป็นชุดที่เตรียมไว้สำหรับงานแต่งงานของนานาโกะลูกสาวของเขา
สำหรับผู้ชายที่เคร่งครัดในประเพณีญี่ปุ่นอย่างนางาฮิโกะ อิโตะแล้ว เขารักในชุดยูกาตะมากกว่าคนอังกฤษที่โปรดปราณในชุดสูทเสียอีก