ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - บทที่ 4779 ออกเดินทางตอนนี้เลย 1
ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน บทที่ 4779 ออกเดินทางตอนนี้เลย 1
เพียงแค่ตอนนี้ชุดยูกาตะพวกนี้ ไม่ว่าจะมองอย่างไรก็ชอบไม่ลง
เหตุผลนั้นเรียบง่าย เขาไม่เหลือขาทั้งสองข้างแล้ว ชุดแบบนี้ไม่ว่าจะใส่อย่างไรก็ไม่สามารถได้อรรถรสแบบเดิมที่ควรจะเป็นได้อีกแล้ว
นางาฮิโกะ อิโตะถึงขั้นคิดว่าตนเองในตอนนี้ไม่เหมาะสมกับชุดยูกาตะที่ประณีตแบบนี้ เขาคิดว่าหากตนเองใส่ชุดยูกาตะชุดนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับฝรั่งร่ำรวยที่ใส่ชุดสูทเพียงครึ่งตัวบน ส่วนด้านล่างใส่แค่กางเกงชั้นในตัวเดียวที่ดูตลกและเสียมารยาท
ดังนั้นถึงแม้ว่าตอนนี้เขาจะรู้แล้วว่าถึงเวลาที่เขาจะต้องเปลี่ยนชุดเพื่อไปร่วมงานฉลองวันเกิดแล้ว เขาก็ยังคงไม่อยากให้คนรับใช้มาเปลี่ยนชุดให้เขา
เขานั่งอยู่บนวีลแชร์คนเดียวและมองชุดยูกาตะชุดนั้นพลางร้องไห้
ในตอนนั้นเอง เขาก็ได้ยินเสียงเคาะประตูเบาๆ และก็มีเสียงผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้นมา “ท่านพ่อ นานาโกะมาพบท่านพ่อค่ะ พ่อสะดวกให้เขาไปไหมคะ”
นางาฮิโกะ อิโตะรีบเช็ดน้ำตา จากนั้นใช้มือหมุนล้อรถวีลแชร์เพื่อให้วีลแชร์เปลี่ยนทิศทางหันหลังให้ชุดยูกาตะที่แขวนอยู่บนกำแพงนั้น จากนั้นจึงกล่าวเสียงเรียบเฉยว่า “อ่า นานาโกะเองหรือ เข้ามาสิ”
อิโตะ นานาโกะเปิดประตูเบาๆ และถอดรองเท้าเอาไว้ด้านนอกแล้วเดินเข้ามาด้านใน
นางาฮิโกะ อิโตะเห็นอิโตะ นานาโกะแต่งตัวเต็มรูปแบบราวกับเทพธิดาเช่นนี้ เขาจึงกล่าวออกมาด้วยความรู้สึกภูมิใจ “นานาโกะ พ่อทนรอวันที่จะได้เห็นลูกแต่งงานไม่ไหวแล้ว ลูกจะต้องสวยกว่านี้แน่ เกรงว่าในตอนนั้นคนทั่วทั้งญี่ปุ่นจะต้องตกตะลึงในความงามของลูก!”
อิโตะ นานาโกะยิ้มเล็กน้อยแล้วอมยิ้มกล่าวว่า “ท่านพ่อคะ หนูยังไม่ได้คิดเรื่องแต่งงานเลยค่ะ”
“อ้อ……” นางาฮิโกะ อิโตะตอบรับแล้วถอนใจเอ่ยว่า “ในใจของลูกยังไม่ลืมเย่เฉินสินะ”
อิโตะ นานาโกะก็ไม่ปิดบัง กล่าวอย่างจริงจังว่า “ตอบท่านพ่อ ในใจของลูกใช่ว่ายังไม่ลืมเย่เฉินซัง แต่นอกจากเขาแล้วไม่มีที่ว่างสำหรับคนอื่นแล้ว ต่อให้ลืมเขาได้ก็ไม่ได้หมายความว่าลูกจะมีคนอื่น”
นางาฮิโกะ อิโตะตะลึงไปพักหนึ่งก่อนจะกล่าวอย่างปวดใจ “นานาโกะ แน่นอนว่าเย่เฉินเป็นคนดี แต่ไม่รู้ว่าลูกจะต้องรอเขาถึงเมื่อไหร่ ช่วงเวลาที่ดีที่สุดของผู้หญิงคือช่วงเวลาสั้นๆ อายุยี่สิบปีถึงสามสิบปี ตอนนี้ลูกอายุยี่สิบสามปีแล้ว หากผ่านเวลาทองนี้ไปแล้ว ลูกคงต้องนอนกอดตัวเองไปตลอดแล้วล่ะ”
อิโตะ นานาโกะยิ้มพลางเอ่ยว่า “จะเป็นอย่างนั้นได้ไงคะ ช่วงเวลาทองของผู้หญิงไม่ได้มีแค่นั้น ไม่ว่าจะแต่งงานหรือไม่แต่ง ทุกช่วงเวลาก็ยังเป็นช่วงเวลาทอง ถึงแม้ว่าหนูจะไม่ได้แต่งงานในช่วงเวลาทองนี้ แต่หนูก็จะใช้ชีวิตในช่วงเวลานี้อย่างมีความสุข ท่านพ่อไม่ต้องเป็นห่วงหฯุนะคะ”
อิโตะ นานาโกะยังพูดต่ออีกว่า “ยังไงท่านพ่อก็คงไม่อยากเห็นหนูแต่งงานในช่วงเวลาทองนี้กับคนที่หนูไม่ได้รักแน่ หลังจากนั้นพ่อก็จะไม่ได้เห็นรอยยิ้มของหนูแต่กลับเห็นหนูแอบร้องไห้อยู่คนเดียว”
นางาฮิโกะ อิโตะพยักหน้าอย่างหนักแน่น “ลูกพูดถูก ไม่ว่ายังไง พ่อก็อยากเห็นลูกใช้ชีวิตทุกวันอย่างมีความสุขมากกว่า”
อิโตะ นานาโกะยิ้มอย่างจริงใจ เมื่อหันไปเห็นชุดยูกาตะที่แขวนอยู่บนกำแพงก็อมยิ้มขึ้นอีกแล้วกล่าวว่า “ท่านพ่อคะ แม้ว่าชีวิตของเราจะขาดครึ่งชีวิตของเราไปแล้ว แต่ขอแค่เราสามารถจัดการอารมณ์ความรู้สึกได้และจัดลำดับชีวิตให้ดี เราก็จะใช้ชีวิตอย่างมีความสุขได้ อันที่จริงแล้วเรื่องนี้ก็ไม่ต่างกับเรื่องที่ท่านพ่อเสียขาทั้งสองข้างไป ขอเพียงแค่พ่อจัดการกับความคิดให้ดี ท่านพ่อก็ยังคงใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขได้นะคะ”
จากนั้นยังกล่าวต่ออีกว่า “ชุดยูกาตะชุดนี้ของท่านเป็นชุดที่ดีที่สุดแล้วตั้งแต่ที่หนูเคยเห็นมา แม้ว่าทื่านพ่อจะเสียขาไปแล้ว แต่หนูเชื่อว่าท่านพ่อใส่ออกมาก็จะยังคงดูสง่างามเหมือนเดิม ถ้าพ่อเปลี่ยนมาใส่ชุดยูกาตะนี้แล้วหนูยังอยากถ่ายรูปคู่กับท่านพ่อสักใบและส่งให้กับนักข่าวที่ชอบทำข่าวตระกูลอิโตะของเราเลยค่ะ”