ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - บทที่ 4780 ออกเดินทางตอนนี้เลย 2
ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน บทที่ 4780 ออกเดินทางตอนนี้เลย 2
“ส่งรูป?” นางาฮิโกะ อิโตะปฏิเสธออกมาโดยสัญชาตญาณทันที “ไม่ได้! ไม่ได้เด็ดขาด! พ่อไม่มีทางยอมให้สื่อเอารูปพ่อนั่งบนวีลแชร์ปล่อยออกไปหรอก ต่อให้ถ่ายติดแค่ครึ่งตัวก็ไม่ได้”
อิโตะ นานาโกะยิ้มแล้วกล่าวอย่างจริงจังว่า “ท่านพ่ออย่าลืมสิคะว่าพ่อคือนางาฮิโกะ อิโตะผู้ยิ่งใหญ่ วัยรุ่นญี่ปุ่นมากมายต่างมองท่านพ่อเป็นแบบอย่าง มีคนจำนวนไม่น้อยรู้ว่าวันนี้คือวันเกิดของท่านพ่อแถมยังโพสต์คำอวยพรในอินเตอร์เน็ตให้ท่านพ่อด้วย พวกเขาอยากเห็นชีวิตดีๆ ของท่านพ่อหลังจากตัดขาเพื่อเป็นแรงบันดาลใจ ในช่วงเวลาแบบนี้ท่านพ่อจะทำให้พวกเขาผิดหวังไม่ได้นะคะ”
ระหว่างที่กล่าวอิโตะ นานาโกะก็ถอนใจแล้วกล่าวปลอบใจเขาต่อไป “พ่อลองคิดดูนะคะ ถ้าวันนี้พวกเขาไม่ได้เห็นรูปใหม่ของท่านพ่อ หนูคิดว่าพวกเขาคงคิดว่าชีวิตของท่านพ่อตกต่ำไปแล้ว แล้วถ้าพวกเขาโพสต์ข้อความปลอบใจถึงนางาฮิโกะ อิโตะ บอกให้นางาฮิโกะ อิโตะสู้ๆ แบบนี้ล่ะคะ ถึงตอนนั้นถ้าพ่อเห็น พ่อจะยิ่งไม่รู้สึกเจ็บปวดหรือคะ”
นางาฮิโกะ อิโตะได้ยินถึงตรงนี้ก็ทำท่าครุ่นคิดพลางกล่าวว่า “ไปบอกให้คนเอาขาเทียมของพ่อมา พ่อจะยืนถ่ายรูป!”
อิโตะ นานาโกะแอบยิ้มแล้วรีบพูดต่อไปว่า “อย่างนั้นท่านพ่อรอสักครู่ เดี๋ยวหนูจะไปสั่งให้คนเตรียมให้เดี๋ยวนี้เลย”
กล่าวจบก็รีบออกจากห้องไปทันที
ที่ผ่านมานางาฮิโกะ อิโตะต่อต้านขาเทียมมาตลอด เหตุผลหลักก็เป็นเพราะว่าต้นขาของเขาถูกตัดไปแล้ว แถมยังตัดเกือบชิดขาหนีบ เมื่อตัดขาออกไปมากขนาดนี้ ต่อให้ขาเทียมดีแค่ไหนก็ยากที่จะควบคุม ประสบการณ์ในการใช้ขาเทียมก็จะยิ่งแย่มากขึ้นเท่านั้น
หากถูกตัดขาท่อนล่าง ท่อนขาเหนือหัวเข่าขึ้นมายังพอออกแรงได้ตามปกติ การใช้ขาเทียมจะทำให้สามารถเดินได้อย่างปกติและบางคนอาจจะวิ่งได้ด้วยซ้ำ แต่ของนางาฮิโกะ อิโตะกลับถูกตัดเกือบชิดโคนขา เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว การใช้ขาเทียมจะทำให้เดินได้เพียงช้าๆ เท่านั้น และเนื่องจากเข้าใกล้โคนขามากก็จะยิ่งทำให้เจ็บปวดและไม่ถนัดมากยิ่งขึ้น เวลานั่งก็จะไม่สามารถนั่งอย่างถนัดได้ ใช้ได้ไม่ถึงสิบนาทีก็จะรู้สึกเจ็บและชาขึ้นมา
ดังนั้นส่วนมากนางาฮิโกะ อิโตะจึงชอบที่จะนั่งบนรถเข็นมากกว่า และไม่ยอมใส่ขาเทียมเลย
แต่ตอนนี้เมื่อโดนอิโตะ นานาโกะปลุกใจขึ้นมา เขาก็ไม่ได้รู้สึกตกต่ำเหมือนเมื่อก่อนและไม่ได้รู้สึกไม่ชอบขาเทียมขนาดนั้น
อิโตะ นานาโกะรีบวิ่งออกจากห้องไปแล้วรีบไปตามพ่อบ้านให้มาช่วยพ่อเปลี่ยนชุดรวมทั้งช่วยใส่ขาเทียมด้วย
เมื่ออิโตะ นานาโกะสั่งการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว คนรับใช้คนหนึ่งก็ถือมือถือวิ่งเข้ามาหาอย่างรีบร้อน และรายงานอิโตะ นานาโกะว่า “คุณหนู โทรศัพท์ของคุณหนูค่ะ!”
อิโตะ นานาโกะพยักหน้าแล้วรับโทรศัพท์มาดู ทันใดนั้นเธอก็ดีใจลิงโลดขึ้นทันที
เพราะตัวอักษรในโทรศัพท์มือถือปรากฎคำว่า เย่เฉินซัง
เธอรีบรับโทรศัพท์ทันทีแล้วรีบเดินไปยังมุมที่ไ่ม่ค่อยมีคน เธอถามออกไปอย่างตื้นตัน “เย่เฉินซัง คุณไม่ได้อยู่ที่อเมริการหรือคะ ทำไมถึงโทรมาที่นี่ได้”
เย่เฉินอมยิ้มแล้วตอบว่า “นานาโกะ ผมมีเรื่องสำคัญที่จะต้องคุยกับคุณ”
อิโตะ นานาโกะรีบตอบกลับไปทันที “เย่เฉินซังพูดมาได้เลย”
เย่เฉินกล่าวเสียงเข้ม “ตอนนี้คุณต้องทิ้งเรื่องทุกอย่างเอาไว้ก่อน แล้วพาพ่อของคุณกับทานากะ โคอิจิมาพบผมที่นิวยอร์ค ยิ่งเร็วเท่าไหร่ก็ยิ่งดี”
“ห๊ะ?” อิโตะ นานาโกะกล่าวออกไปด้วยความประหลาดเจือความยินดี “ให้ฉันพาท่านพ่อและทานากะซังไปพบคุณที่นิวยอร์ก ตอนนี้??”
“ใช่แล้ว” เย่เฉินกล่าว “เส้นทางยาวไกล จะดีที่สุดถ้าคุณออกเดินทางไปสนามบินตอนนี้เลย สัมภาระไม่ต้องเอามา ยิ่งเร็วเท่าไหร่ก็ยิ่งดีเท่านั้น”
อิโตะ นานาโกะอยากจะถามว่า คืนนี้เป็นวันเกิดของท่านพ่อ ขอเวลาสักสองชั่วโมงก่อนได้หรือไม่ อย่างน้อยๆ ให้ท่านพ่อได้กินข้าวก่อนแล้วค่อยออกเดินทาง