ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - บทที่ 4781 ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป หนูใหญ่ที่สุด1
ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน บทที่ 4781 ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป หนูใหญ่ที่สุด1
แต่เธอฟังน้ำเสียงของเย่เฉินออก ถึงแม้ว่าเธอจะไม่รู้ว่าที่เย่เฉินรีบร้อนขนาดนี้ด้วยเรื่องอะไร แต่ก็ฟังความหมายในน้ำเสียงของเขาออก ว่าเวลาทุกนาทีมีค่า
ด้วยเหตุนี้เอง อิโตะ นานาโกะจึงรีบตัดสินใจอย่างเด็ดขาด : ไม่ต้องกินข้าวแล้ว ออกเดินทางตอนนี้เลย
เมื่อนึกถึงตรงนี้ นางก็กล่าวกับเย่เฉินอย่างไม่ลังเล “ตกลง เย่เฉินซัง เดี๋ยวฉันจะรีบไปจัดรถและเครื่องบินรอบที่เร็วที่สุด”
เย่เฉินกล่าวอีกว่า “อ่อจริงสิ พยายามพาคนมาที่นี่ด้วยน้อยที่สุด ยิ่งน้อยเท่าไหร่ก็ยิ่งดี”
อิโตะ นานาโกะรีบเอ่ยปากว่า “อย่างนั้นฉันพาอากับพ่อบ้านไปด้วยได้ไหม พ่อกับทานากะซังพิการไปแล้ว เลยจำเป็นต้องมีคนคอยช่วยดูแล”
“ได้” เย่เฉินตอบรับแล้วเอ่ยว่า “ก่อนที่เครื่องบินจะออก บอกเลขเที่ยวบินกับผมก่อน เดี๋ยวผมจะจัดคนไปรับที่สนามบิน”
“ได้ค่ะเย่เฉินซัง!”
เย่เฉินอมยิ้ม “เจอกันที่นิวยอร์กนะ”
“ได้ค่ะ เจอกันที่นิวยอร์ก”
เมื่อวางสายแล้ว อิโกะนานาโกะก็รีบโทรหาผู้ช่วยของตนเองทันทีแล้วสั่งให้นางเตรียมเครื่องบินโบอิ้งไว้ให้พร้อมสำหรับเดินทางไปนิวยอร์ค
ในเวลาเดียวกันนั้นก็สั่งให้เธอนำเฮลิคอปเตอร์ที่ใช้เดินทางบ่อยที่สุดของอิโตะกรุ๊ปย้ายมาที่นี่ นางวางแผนว่าจะให้ทุกคนออกเดินทางจากบ้านไปสนามบินด้วยเฮลิคอปเตอร์ เพราะจะช่วยประหยัดเวลาเดินทางไปได้มาก เพราะในเวลานี้เป็นช่วงเวลาของการใช้ชีวิตยามค่ำคืนของเมืองโตเกียว การจราจรจึงติดขัดมาก
แม้ว่าผู้ช่วยจะไม่รู้ว่าทำไมจู่ๆ เธอถึงอยากไปอเมริกา แต่ก็ไม่กล้าทำให้เสียเวลาการเดินทาง และรีบไปจัดการธุระทุกอย่างให้เรียบร้อย
นานาโกะไม่ได้ไปแจ้งพ่อของเธอ แต่กลับมาหาทานากะ โคอิจิแล้วบอกกับเขาว่า “ทานากะซัง พวกเราต้องออกเดินทางไปอเมริกาตอนนี้เลย เย่เฉินซังให้คุณไปด้วย คุณมีอะไรต้องเตรียมก่อนไหมคะ”
ทานากะ โคอิจิชะงักแล้วรีบกล่าวว่า “ผม……ผมไม่มีอะไรต้องเตรียม……แต่ปุบปับขนาดนี้……พวกเราจะไปทำอะไรที่อเมริกากันหรือ”
“หนูก็ยังไม่แน่ใจเหมือนกัน” นานาโกะตอบอย่างร้อนใจ “ในเมื่อทานากะซังไม่มีอะไรต้องเตรียมแล้ว อย่างนั้นหนูขอไปแจ้งคุณอาก่อนนะคะ และเดี๋ยวค่อยมาแจ้งท่านพ่อเป็นคนสุดท้าย กว่าเขาจะตกลงยอมเปลี่ยนชุดไม่ใช่เรื่องงานเลย ให้เขาเปลี่ยนชุดให้เสร็จก่อน ถึงเวลาค่อยออกเดินทาง”
กล่าวจบ เธอก็รีบเดินจากไป
ทานากะได้สติจึงตามไปข้างหลังแล้วถามว่า “คุณหนู แล้วงานเลี้ยงวันเกิดล่ะครับ”
นานาโกะก็ตอบโดยไม่หยุดเดิน “ไม่กินแล้ว หนูให้คุณอาเอาเค้กไปด้วย ไปกินกันบนเครื่องบิน”
หลังจากนางาฮิโกะ อิโตะเปลี่ยนไปใส่ขาเทียมอย่างไม่ค่อยพอใจเรียบร้อยแล้ว คนรับใช้ชายก็ช่วยเขาเปลี่ยนมาใส่ชุดยูกาตะ
เขายืนอยู่ตรงนั้น สวมใส่ชุดยูกาตะชุดใหม่ ดูแล้วคล้ายฟื้นฟูกลับมามีพลังมากกว่าหลายวันก่อนหน้า
ทว่าความเจ็บปวดในใจมีเพียงเขาคนเดียวเท่านั้นที่รู้
หลังจากที่สวมใส่ชุดเสร็จแล้วและยืนอยู่ตรงนั้นเป็นเวลาสองสามนาที เขาก็รู้สึกว่าร่างกายของเขาบริเวณที่สัมผัสกับขาเทียมทั้งเจ็บทั้งชาแถมยังคันอีกด้วย
เขาอยากจะถอดขาเทียมโยนทิ้งออกไปเสียเดี๋ยวนี้แล้วกลับไปนั่งบนวีลแชร์เช่นเดิม แต่เมื่อนึกถึงที่ลูกสาวพูดว่าจะถ่ายรูป เขาก็พยายามอดทนอดกลั้นเอาไว้ได้
ตอนแรกเขาตั้งใจว่าจะเดินออกไปเอง แต่เนื่องจากการใช้ขาเทียมเดินนั้นไม่ค่อยสะดวกนัก เขาพยายามลองเดินสองสามก้าวแต่ก็พบว่าเดินได้อย่างยากลำบาก จึงได้แต่ต้องให้คนรับใช้ช่วยพยุงเขาเดินออกไปจากห้อง
ทว่าเขาไม่รู้ว่าเวลานี้ทั้งตระกูลอิโตะ ไม่มีใครสนใจเรื่องงานวันเกิดของเขาแล้ว เพราะทุกคนต่างกำลังยุ่งอยู่กับการเตรียมตัวสำหรับการเดินทางไปนิวยอร์ก
เอมิ อีโตะกำลังสั่งการแล้วถือโอกาสตอนที่เฮลิคอปเตอร์ยังไม่ถึง รีบเอาอาหารทุกอย่างใส่ลงไปในกล่องข้าวไม้แบบดั้งเดิม และยังเตรียมห่อเค้กที่อิโตะ นานาโกะตั้งใจเตรียมไว้ให้นางาฮิโกะ อิโตะด้วย