ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - บทที่ 4794 เวร……ฟื้นแล้วหรือ? 1
ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน บทที่ 4794 เวร……ฟื้นแล้วหรือ? 1
แต่เย่เฉินกลับมองเห็นการเปลี่ยนแปลงทุกอย่างของหลี่ญ่าหลิน จึงแอบถอนใจ “ยาก่อใหม่เหมาะสมกับคำว่าก่อใหม่จริงๆ หากแก้วที่ตกลงมาจากที่สูงจนแตกกระจายกลายเป็นเศษเล็กเศษน้อย หากเอาเศษแก้วที่แตกแต่ละชิ้นเอามาติดเข้าด้วกัน เช่นนั้นคงไม่เรียกว่าก่อใหม่ แต่จะต้องเป็นการทำให้แก้วที่แตกกลับไปสู่สภาพเหมือนอย่างก่อนหน้า โดยไม่มีรอยแตกหลงเหลืออยู่เลยแม้แต่รอยเดียวต่างหากถึงจะเรียกว่าก่อใหม่!”
“ส่วนที่เสียไปแล้ว มันสามารถซ่อมให้ใหม่ได้ ส่วนที่สูญเสียไปแล้ว มันสามารถทำให้มันงอกออกมาใหม่ได้ ยาชนิดนี้เป็นที่หนึ่งไม่เป็นสอง!”
ในตอนนี้ อวัยวะ แขนขาและเลือดของหลี่ญ่าหลินกลับมาอยู่ในระดับที่แข็งแรงเหมือนอย่างแต่ก่อนแล้ว หลังจากที่เลือดกลับมาจนมีปริมาณเท่าเดิมเหมือนปกติแล้ว หัวใจของเขาก็ยิ่งเต้นแรงมากขึ้นเรื่อยๆ
ในเวลาเดียวกันนั้นเอง เขาก็เริ่มกลับมาหายใจเองได้อีกครั้ง
ส่วนคนอื่นๆ นั้นก็เริ่มเห็นได้ด้วยตาตัวเองแล้วว่าหน้าอกของเขามีการกระเพื่อมขึ้นลง
เฟ่ยเข่อซินรู้สึกราวกับโดนฟ้าผ่าจึงเอ่ยอย่างตกใจสุดขีด “คุณเย่……หลี่…..หลี่ญ่าหลินฟื้นแล้ว?!”
เย่เฉินพยักหน้าแล้วกล่าวเรียบๆ ว่า “น่าจะฟื้นขึ้นมาแล้วล่ะ”
สิ้นเสียง หลี่ญ่าหลินก็ค่อยๆ ลืมตาขึ้น!
ตอนนั้นหลี่ญ่าหลินถอยหลังไปโดยสัญชาตญาณ หัวใจของเธอเต้นระส่ำ
แม้ว่านางจะพอเดาออกว่าเย่เฉินจะต้องมีหนทางในการช่วยหลี่ญ่าหลินให้ฟื้นขึ้นมาอย่างแน่นอน แต่นางก็คิดไม่ถึงว่ารวดเร็วและง่ายดายเช่นนี้ ยาเพียงเม็ดเดียว แต่สามารถทำให้หลี่ญ่าหลินฟื้นขึ้นมาได้อย่างรวดเร็วขนาดนี้
ก่อนหน้านี้เขาอยู่ในอุณหภูมิที่ต่ำกว่าติดลบสองร้อยองศาเป็นเวลาหลายวัน อย่าว่าแต่ช่วยชีวิตเขาเลย ลำพังแค่ละลายน้ำแข็งยังต้องใช้เวลาหลายชั่วโมง แต่จู่ๆ เขากลับฟื้นขึ้นมาง่ายๆ เช่นนี้?!
หงห้ารู้สึกช็อกยิ่งกว่า เขาอดไม่ได้ที่จะอุทานออกมา “แม่งเอ๊ย……ฟื้นจริงๆรึ? เมื่อกี้นี้ยังเป็นก้อนน้ำแข็งอยู่เลย จู่ๆ แม่งก็ฟื้นขึ้นมาเฉย?!”
ตอนนี้หลี่ญ่าหลินกำลังกะพริบตาปริบๆ เนื่องจากตอนนี้ประสาทสัมผัสของเขายังไม่สามารถรับแสงได้ทันที เขาจึงรู้สึกเพียงความจ้าตาและยังมองเห็นอะไรไม่ชัดเจน
สำหรับหลี่ญ่าหลินนั้น เขารู้สึกราวกับเข้าไปอยู่ในฝันที่ไม่มีที่สิ้นสุด
หากบอกเขาว่าความฝันนี้ของเขากินเวลาถึงหนึ่งร้อยปี เขาก็คงจะไม่รู้สึกสงสัยแต่อย่างใด เพราะว่าความฝันของเขานั้นยาวนานจริงๆ
และในความฝันนี้ สติสัมปชัญญะของเขาเต็มไปด้วยลางเลือน
เขายิ่งรู้สึกว่าตัวเองเข้าไปอยู่ในโลกของหนังเรื่องinception ที่เขาไปอยู่ในความฝันที่ดำดิ่งลงไปเรื่อยๆ ยิ่งเข้าไปลึกมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งห่างจากความจริงมากขึ้นเท่านั้น
อีกอย่างยิ่งลงไปลึกเท่าไหร่ ก็ยิ่งไม่รู้วันคืนมากขึ้นเท่านั้น ราวกับไทม์ไลน์ยิ่งกว้างออกไปเรื่อยๆ วันเวลาที่เขาหมดสติไปหนึ่งวัน เมื่ออยู่ในวังวนที่เลือนลางเช่นนั้นก็ยิ่งรู้สึกว่าเวลาหนึ่งวันไม่ใช่หนึ่งวันอีกต่อไป และไม่ใช่หนึ่งปี แต่เป็นความยาวนานราวศตวรรษ
และสิ่งที่เขาไม่รู้เลยก็คือ ในระดับความหนาวยะเยือกเช่นนั้น สมองของเขายังคงมีชีวิต แต่เป็นเพราะอยู่ในอุณหภูมิที่หนาวเหน็บทำให้กระบวนการเมตาบอริซึมดำเนินไปอย่างเชื่องช้า
การแช่แข็งก็คือการขยายไทม์ไลน์ของร่างกายเขาให้ยาวนานยิ่งขึ้น
เมื่อร่างกายของมนุษย์อยู่ในสภาวะเช่นนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับเนื้อก่อนหนึ่ง หากไม่แช่แข็งก็จะเก็บไว้ได้อย่างมากที่สุดแค่สามวันหลังจากนั้นก็จะเน่า แต่หากอยู่ในอุณหภูมิหนาวเย็น ไม่ว่าจะเป็นสามปี สามสิบปีหรือว่าสามร้อยปีก็ไม่มีทางเน่าเปื่อย
และเพราะไทม์ไลน์ที่ยาวนานไม่มีที่สิ้นสุดนี้เอง ทำให้ความทรงจำลางเลือนสับสน
เวลานี้แม้ว่าเขาจะลืมตาแต่เขายังคงรู้สึกว่า ตนเองเหมือนอยู่ในความฝันอันไร้ที่สิ้นสุดนั้น