ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - บทที่ 4799 เพราะว่าผมไม่อยากรู้จัก2
ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน บทที่ 4799 เพราะว่าผมไม่อยากรู้จัก2
ตอนนั้นอานโฉงชิวเคยบอกเขาว่า ในงานประมูลลึกลับครั้งหนึ่ง อานโฉงชิวยอมควักเงินสามพันล้านดอลล่าห์เพื่อซื้อยาอายุวัฒนะนี้ แต่สุดท้ายก็โดนอีกฝ่ายหนึ่งปฏิเสธ
อานโฉงชิวบอกเขาว่า ยาอายุวัฒนะนั้นไม่เพียงแค่รักษาโรคได้มากมาย แต่ยังทำให้คนอายุยืนมากขึ้นถึงสิบยี่สิบปี
ความคิดแรกของหลี่ญ่าหลินนั่นคือไม่เชื่อ
แต่หลังจากที่ได้ฟังอานโฉงชิวอธิบาย แม้ว่าเขาจะรู้สึกพิศวงอยู่บ้าง แต่ด้วยความเชื่อที่มีต่อเพื่อนสนิท ทำให้เขาเลือกที่จะเชื่อเพื่อน
ตอนนั้นเขาแอบคิดในใจว่า “หากบนโลกนี้มียาวิเศษที่ทำให้คนอายุน้อยลงยี่สิบปีได้ การที่จะมียาที่สามารถทำให้เขาก่อร่างขึ้นมาใหม่ได้นั้นก็คงไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้……
เมื่อคิดถึงตรงนี้ เขาอดไม่ได้ที่จะเอ่ยว่า “ยาที่คุณพูด เป็นประเภทเดียวกับยาอายุวัฒนะในตำนานหรือไม่”
เย่เฉินยิ้ม “โอ้โห ที่แท้คุณก็เคยได้ยินเรื่องยาอายุวัฒนะเสียด้วย ได้ยินมาจากน้าชายใหญ่ของผมล่ะสิ”
“น้าชายใหญ่ของนาย……” หลี่ญ่าหลินชะงักไปเล็กน้อย จากนั้นจึงนึกว่าตอนที่ตนเองเพิ่งจะฟื้นขึ้นมานั้น เย่เฉินได้แนะนำตัวเองไปแล้ว ตอนนั้นจึงรู้สึกประหลาดใจมากจนพูดโพล่งออกไปทันที “โฉงชิวเป็นคนพูดกับฉันเองจริงๆ……”
เย่เฉินพยักหน้าแล้วถามพร้อมรอยยิ้ม “ในเมื่อเขาเคยพูดเรื่องยาอายุวัฒนะกับคุณ แสดงว่าเขาจะต้องพูดเรื่องงานประมูลยาอายุวัฒนะด้วย ที่เขาโดนเจ้าของไล่ออกจากงานใช่ไหม?”
หลี่ญ่าหลินเบิกตากว้างและตอบไปว่า “นาย……รู้ได้ยังไง?!”
“ผมต้องรู้แน่นอนอยู่แล้ว” เย่เฉินยิ้ม “เพราะว่ายาอายุวัฒนะก็เป็นยาของผมเหมือนยาก่อใหม่ ในงานประมูลครั้งนั้น คนที่เป็นเจ้าภาพงานก็คือผมเอง และตอนนั้นในงานประมูลผมเองที่ส่งคนไปไล่เขาออกไป”
หลี่ญ่าหลินตกตะลึงอย่างมากก่อนจะเอ่ยออกไปว่า “ในเมื่อเขาเป็นน้าชายของนาย แล้วทำไมนายยังไล่เขาออกไปอีกล่ะ”
เย่เฉินกล่าวอย่างเฉยชา “ตอนที่ผมไล่เขาออกไป ผมไม่รู้ฐานะที่แท้จริงของเขา เพราะตอนนั้นเขาใช้นามแฝง”
เย่เฉินกล่าวต่อไปว่า “แต่ต่อให้ผมรู้ว่าเขาคือน้าใหญ่ของผม ผมก็คงไล่เขาออกไปอยู่ดี เพราะเขาทำลายแผนของผมที่วางเอาไว้แล้ว ก่อนที่จะเริ่มงานประมูลผมก็ได้ส่งคนออกไปย้ำหลายครั้งแล้วว่า ไม่ว่าใครก็ตามที่ประมูลได้ยาอายุวัฒนะ จะต้องกินเลยในสถานที่ประมูล ห้ามเอาออกไปด้านนอกโดยเด็ดขาด แต่เขาก็พยายามใช้เงินเพื่อท้าทายกฎของผม ดังนั้นผมจึงต้องไล่เขาออกไป”
หลี่ญ่าหลินอดไม่ได้ที่จะถอนใจ “พูดอย่างนี้ แสดงว่าฉันยังไม่ตายจริงๆ ใช่ไหม?!”
เมื่อนึกได้ดังนี้ เขาก็ถอนใจอีก “ฉันยังมีอีกคำถามหนึ่ง ถ้านายเป็นลูกชายของอานเฉิงซีจริง ในเมื่อนายรู้ฐานะที่แท้จริงของตัวเอง แล้วทำไมหลายปีที่ผ่านมานี้ถึงไม่ไปทำความรู้จักกับตายายของนายล่ะ”
เย่เฉินยิ้มเล็กน้อยแล้วถามว่า “ทำไมหรือ ตอนนี้คุณยังสงสัยในฐานะของผมอยู่อีกหรือ”
หลี่ญ่าหลินค่อยๆ ลุกขึ้นมานั่งแล้วมองไปทางเย่เฉินพร้อมกล่าวอย่างจริงจังว่า “ฉันก็แค่รู้สึกว่าเรื่องนี้แปลกมากเท่านั้นเอง หากนายเป็นเย่เฉินคนนั้นจริงๆ ตระกูลอานพยายามอย่างเต็มความสามารถในการตามหาตัวนาย คงเป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะตามหาไม่เจอ ฉันจำได้ว่าตอนที่นายหายตัวไปอายุเพิ่งจะแปดขวบ ต่อให้นายมีความสามารถมากแค่ไหน ก็คงไม่มีทางที่จะหลบการตามหาของตระกูลอานได้……”
เย่เฉินยิ้มอย่างไร้อารมณ์ “ที่พวกเขาหาผมไม่พบ ไม่ได้เป็นเพราะว่าผมซ่อนตัวดีหรอก แต่เป็นเพราะว่าทุกคนที่ออกตามหาผมตามหาผิดทาง ทุกคนรู้ว่าผมหายตัวไปในที่เมืองจินหลิง จึงคิดว่าผมได้ออกไปจากจินหลิงตั้งนานแล้ว แต่พวกเขาไม่รู้เลยว่าจริงๆ แล้วตลอดยี่สิบปีที่ผ่านมานี้ ผมอยู่ที่เมืองจินหลิงมาตลอด สงสัยจะเป็นอย่างคำที่ว่าเส้นผมบังภูเขาล่ะมั้ง”
เย่เฉินยังกล่าวต่อไปว่า “ส่วนเรื่องที่คุณถามผมเมื่อกี้ที่ว่าทำไมไม่กลับไปทำความรู้จักกับตายายนั้น คำตอบง่ายมาก เป็นเพราะไม่อยากรู้จัก”