ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - บทที่ 4805 ละครที่ยาวนาน 19 ปี 1
ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน บทที่ 4805 ละครที่ยาวนาน 19 ปี 1
ในทวีปยุโรปและอเมริกา ทรัสต์ครอบครัวเป็นการเก็บทรัพย์สินที่ปลอดภัยมากวิธีหนึ่ง
ในหัวเซี่ยเล่ากันว่าครอบครัวจะมั่งคั่งอยู่ได้ไม่เกินสามรุ่น สาเหตุหลักก็เป็นเพราะ รุ่นพ่อแม่จะเป็นรุ่นบุกเบิกหาเงิน ส่วนรุ่นลูกหลานจะเป็นรุ่นของการถลุงเงิน มีรสนิยมสูงแต่ไร้ความสามารถ ไม่มีความสามารถในการบริหาร ทำให้ครอบครัวล้มละลายเอาได้ง่ายๆ ช่วงเวลาเพียงคืนเดียวก็สามารถทำให้พวกเขากลับไปสู่จุดเดิมได้
และสาเหตุที่แท้จริงมาจากการที่ความสามารถและศีลธรรมของรุ่นหลานนั้นไม่สามารถควบคุมได้ เมื่อใดก็ตามที่ความสามารถและศีลธรรมของพวกเขาบกพร่อง ตระกูลก็ต้องมุ่งหน้าสู่ความตกต่ำในที่สุด
ยิ่งไม่ต้องพูดถึง ภัยจากคนและภัยจากเหตุการณ์รอบตัวอีก
ทว่าทรัสต์ครอบครัวจะสามารถกำจัดปัญหาภัยจากคนและภัยจากเหตุการณ์รอบตัวได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เมื่อนำเงินของตนเองใส่ไว้ในทรัสต์ โดยความหมายแล้วก็หมายความตนเองยอมสูญเสียอำนาจในการครอบครองเงินก้อนนี้แล้ว มีเพียงรุ่นทายาทหรือคนที่เป็นเจ้าตระกูลคนถัดไปเท่านั้น ที่จะเอาเงินจากทรัสต์ออกมาได้หากเป็นไปตามเงื่อนไข
ดังนั้นแม้ว่าในอนาคตตนเองจะต้องเจอปัญหาใหญ่ขนาดไหน หรือแม้กระทั่งเป็หนี้กันทั้งครอบครัวจนเจ๊งและล้มละลายไปในที่สุด รัฐบาลรวมทั้งเจ้าหนี้ก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะเข้ามาจัดการทรัสต์ครอบครัวได้
นั่นคือเหตุผลที่ว่าทำไมตระกูลเก่าแก่จำนวนมากในยุโรปและอเมริกา สามารถรักษาความมั่งคั่งของตระกูลเอาไว้ได้หลายรุ่นต่อหลายรุ่น
แม้ว่าตอนนี้ตระกูลต่งจะหายตัวไปแล้ว แต่ได้เอาเงินใส่เข้าไปในทรัสต์ครอบครัวแล้ว นี่เป็นวิธีการที่แน่นอนและไม่มีทางผิดพลาดได้ ไม่ต้องกลัวว่าเมื่อหายตัวไปแล้วจะสูญเสียอำนาจในการควบคุมกิจการ และไม่ต้องกังวลว่าทรัพย์สินจะเกิดการเสื่อมมูลค่าหรือว่าเกิดเรื่องเหนือความคาดหมาย
เมื่อนำเงินก้อนนี้ใส่เข้าไปในกองทรัสต์แล้ว ไม่เพียงแค่เงินไม่ลดลงเท่านั้น แต่ยังเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ อีก ต่อให้เป็นรัฐบาลก็ไม่สามารถเอาเงินก้อนนี้ไปไได้
การลงมือเช่นนี้ก็เป็นเครื่องบ่งบอกว่าตระกูลต่ง หรือองค์กรลึกลับอยู่เบื้องหลังตระกูลต่ง
การที่คนหายตัวไปนั้นก็เป็นเพียงแค่การแอบหนีไปซ่อนตัวชั่วคราวเท่านั้น วันข้างหน้าพวกเขาจะต้องกลับมาแก้แค้นอย่างแน่นอน
ตอนนี้สีหน้าของคุณท่านเคร่งเครียด “การเคลื่อนไหวทั้งหมดทั้งมวลของตระกูลต่งนี้ เป็นการกระทำที่เด็ดขาด ฉันคิดว่าพวกเขาคงไม่ได้ถูกองค์กรลึกลับนั้นบังคับขู่เข็ญเอากลางทางแน่ แต่เป็นไปได้มากว่าพวกเขาจะเป็นสมาชิกขององค์กรลับนี้มาตั้งแต่ต้นแล้ว”
เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ เขาก็มองไปที่น้องสามอานจาวหนานแล้วกล่าวอย่างจริงจังว่า “จาวหนาน แกกับต่งลี่ฉินตั้งแต่รู้จักกันจนถึงแต่งงาน มีความเป็นไปได้ว่าถูกวางแผนเอาไว้แล้วตั้งแต่ต้นจนจบ”
อานจาวหนานลังเลไปชั่วครู่ก่อนจะกล่าวอย่างจริงจังว่า “พ่อครับ……เรื่องที่พ่อพูด น่าจะไม่ได้เป็นอย่างนั้นมั้งครับ……ตอนที่ผมรู้จักต่งลี่ฉิน ผมยังเรียนหนังสืออยู่ที่มหาลัยเลย องค์กรนั้นคงไม่ได้มีเป้าหมายมาที่ผมตั้งแต่สิบเก้าปีก่อนแล้วกระมัง”
พี่รองอานข่ายเฟิงคล้ายนึกบางอย่างออก จึงกล่าวถามออกมาว่า “จาวหนาน เมื่อครู่นี้ที่แกบอกว่าแกรู้จักกับต่งลี่ฉินตั้งแต่เมื่อสิบเก้าปีที่แล้วเหรอ”
“ใช่” อานจาวหนานพยักหน้าแล้วกล่าวอย่างจริงจังว่า “ตอนที่ผมรู้จักเธอ เป็นปีสุดท้ายที่ผมเรียนปริญญาโทอยู่ที่ฮาร์เวิร์ด ตรงกับสิบเก้าปีที่แล้วจริงๆ”
อานข่ายเฟิงบ่นเบาๆ ว่า “พี่ใหญ่เสียชีวิตไปเมื่อยี่สิบปีที่แล้ว……”
“ใช่” อานจาวหนานกล่าว “ผมรู้จักกับต่งลี่ฉินตรงกับตอนที่พี่ใหญ่เสียชีวิตไปได้สองปี……”
ในตอนนั้นเอง สีหน้าของอานข่ายเฟิง อานโฉงชิวรวมทั้งคุณท่านอานฉี่ซานก็เปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด
อานข่ายเฟิงกล่าวว่า “แกรู้จักกับต่งลี่ฉินตอนที่พี่ใหญ่เสียชีวิตไปได้สองปี……ต่งลี่ฉินแอบอยู่ข้างกายของแกมาตลอดสิบเก้าปีเต็ม จนกระทั่งเกิดเรื่องขึ้นครั้งนี้……ที่จะสังหารครอบครัวเราทั้งหมด แน่นอนว่าจะต้องมีความเกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตของพี่ใหญ่ในคราวนั้นแน่!”
อานฉี่ซานกล่าวพรวดออกมาว่า “หากเป็นเช่นนี้จริง แสดงว่าพวกเขาสังหารเฉิงซีและฉางอิงแต่ก็ยังไม่พอใจ ถึงขั้นตั้งใจวางแผนส่งคนมาใกล้ชิดจาวหนานถึงสิบเก้าปีกว่าจะลงมือ คนกลุ่มนี้ต้องการจะทำอะไรกันแน่?! หากพวกเขาต้องการจะสังหารทั้งตระกูลอาน ทำไมต้องรอมานานถึงขนาดนี้”