ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - บทที่ 4806 ละครที่ยาวนาน 19 ปี
ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน บทที่ 4806 ละครที่ยาวนาน 19 ปี
“ใช่แล้ว……” คุณท่านอานโฉงชิวก็ไม่เข้าใจเช่นกันจึงเอ่ยปากถามว่า “พวกเขามีอำนาจแข็งแกร่งมากขนาดนี้ หากมีความแค้นลึกซึ้งกันจริงๆ ไม่มีความจำเป็นต้องรอมานานจนถึงทุกวันนี้แล้วค่อยลงมือก็ได้……”
อานฉี่ซานเอ่ยว่า “สิ่งที่สำคัญคือฉันไม่เข้าใจว่า คนพวกนี้มีความแค้นอะไรกับพวกเรานักหนา ความแค้นลึกซึ้งขนาดไหนกันถึงได้กล้าเดิมพันกับพวกเราขนาดนี้……”
อานจาวหนานทนไม่ได้ที่จะกล่าวว่า “พ่อครับ พี่ใหญ่ พี่รอง บางทีต่งลี่ฉินอาจจะไม่ได้ถูกวางตัวให้มาสอดแนมข้างกายผมตั้งแต่เมื่อสิบเก้าปีที่แล้วก็ได้ แต่อาจจะถูกยุแยงหลังจากนั้นหรืออาจจะถูกบังคับขู่เข็ญก็ได้”
“ไม่น่าจะเป็นไปได้นะ” อานโฉงชิวส่ายหน้า “หากต่งลี่ฉินถูกยุแยงกลางทาง แสดงว่าตระกูลต่งจะต้องถูกปลุกระดมระหว่างทางด้วยเช่นกัน แต่พฤติกรรมทั้งหมดทั้งมวลของตระกูลต่งนี้ไม่มีคำอธิบายอื่นใดได้เลย ฉันค่อนข้างเอนเอียงไปที่ต่งลี่ฉินและตระกูลต่งทั้งตระกูลร่วมมือกับแผนนี้มาตั้งแต่ต้นจนจบ”
อานฉี่เฟิงก็พยักหน้าอย่างเห็นด้วย จากนั้นจึงมองไปทางอานจาวหนานแล้วถามว่า “จาวหนาน ลองคิดทบทวนดูได้ไหมว่าตอนนั้นที่รู้จักกับเธอตอนแรกเกิดอะไรขึ้นบ้าง”
อานจาวหนานกล่าวว่า “ตอนนั้นผมเพิ่งเปิดเรียนปริญญาโทปีที่สอง ส่วนเธอเพิ่งจะเริ่มเรียนปริญญาโท ในงานเลี้ยงต้อนรับนักเรียนใหม่ นักเรียนชายผิวดำคนหนึ่งพยายามตอแยเธอ ผมคิดว่าทุกคนคือพี่น้องกันจึงรู้สึกทนดูไม่ไหวจึงเข้าไปช่วยเธอออกมา ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาพวกเราสองคนก็ติดต่อกันมาเรื่อยๆ จากนั้นจึงจีบกันตามปกติ”
อานข่ายเฟิงและอานโฉงชิวส่งสายตาให้กันและกัน จากนั้นกล่าวออกมาด้วยความมั่นใจ “เหตุการณ์อย่างเช่นสุภาพบุรุษช่วยสาวงามนี้ไม่ค่อยปกติเท่าไหร่นัก ฟังดูแล้วเหมือนเป็นแผนการที่ถูกวางแผนเอาไว้แล้ว”
อานจาวหนานกล่าวว่า “ก็ไม่ถือว่าเป็นเหตุการณ์สุภาพบุรุษช่วยสาวงามเท่าไหร่ ผมก็แค่ช่วยเธอพูดไม่กี่ประโยคเท่านั้น อีกฝ่ายก็ไม่ใช่พวกนักเลงมาจากไหน แต่เป็นนักเรียนอยู่ที่ฮาร์เวิร์ดเช่นกัน จึงคุยกันค่อนข้างง่าย เมื่อเข้าใจกันแล้วจึงยอมถอยไปง่ายๆ”
อานโฉงชิวหันไปถามเขาว่า “จาวหนาน แล้วหลังจากนั้นยังเห็นคนดำคนนั้นอยู่หรือไม่”
“เอ่อ……” อานจาวหนานคิดพักหนึ่งก่อนจะตอบว่า “ผมจำไม่ได้แล้ว น่าจะไม่เคยเห็นนะและผมก็ไม่ใส่ใจคนคนนี้เท่าไหร่นัก”
อานฉี่เฟิงถอนใจแล้วกล่าวอย่างหดหู่ “ดูท่าคนคนนี้น่าจะเป็นหมากตัวหนึ่งที่เข้ามาเติมเชื้อไฟล่ะมั้ง การปรากฏตัวขึ้นของเขาก็เพื่อช่วยให้แกกับต่งลี่ฉินได้มีโอกาสรู้จักกัน”
ระหว่างที่กล่าว อานฉี่เฟิงก็ถามอีกว่า “จาวหนาน แกบอกฉันได้ไหม ว่าแกชอบต่งลี่ฉินได้อย่างไร อีกเรื่องคือ ตรงไหนของเธอที่ดึงดูดแก ทำให้แกตัดสินใจแต่งงานกับเธอ”
อานจาวหนาวคิดก่อนจะตอบอย่างจริงจังว่า “ในความทรงจำของผม ความรู้สึกของผมที่มีต่อเธอไม่ว่าจะเป็นหน้าตาหรือรูปร่าง ล้วนเป็นสเปคที่ผมชอบมาตลอด……”
“ผมชอบความสวยที่ดูคลาสสิคแบบคนเอเชีย ไม่ใช่แบบสาวตะวันตกที่ดูร้อนแรงและกล้าแสดงออกจนเกินไป นอกจากนี้ก็เป็นความน่ารักขี้อ้อนของเธอ ผู้หญิงส่วนมากที่ฮาร์เวิร์ดมักจะเป็นผู้หญิงที่มีความมั่นใจในตัวเอง มีนิสัยแข็งแกร่งไม่ค่อยเหมาะกับผู้ชายที่คิดว่าตนเองต้องเป็นฝ่ายปกป้องเท่าไหร่นัก แต่ต่งลี่ฉินกลับเป็นคนที่อ่อนหวานมาก เวลาที่อยู่กับเธอ เธอมักจะโอนอ่อนตามผมทุกอย่าง เธอทำให้ผมรู้สึกถึงความเป็นชาย ผมเลยตัดสินใจแต่งงานกับเธอ อีกอย่างหลังจากแต่งงานหลายปีนิสัยของเธอก็ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง ไม่ต่างอะไรกับวันที่พวกเราจีบกันใหม่ๆ ไม่ว่าจะเป็นด้านไหน เธอก็ให้ความรู้สึกว่าเธอเป็นคนที่สมบูรณ์แบบเสมอ ต่อให้ผมไปกุ๊กกิ๊กกับสาวอื่นข้างนอก เธอก็……”
อานโฉงชิวพยักหน้าแล้วกล่าวอย่างเด็ดขาด “ไม่ต้องสงสัยอีกแล้ว เธอก็คือผู้หญิงสมบูรณ์แบบที่องค์กรลับนั่นส่งตัวมา……ละครเรื่องนี้เกิดขึ้นกับแกมาเป็นเวลาถึงสิบเก้าปี”
คุณท่านเขวี้ยงแก้วน้ำชาในมือแตกละเอียดแล้วตวาดลั่น “คนกลุ่มนี้จะต้องเป็นกลุ่มเดียวกับคนที่ฆ่าเฉิงซีและฉางอิงแน่นอน!”