ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - บทที่ 4810 พี่หลี่ของคุณยังไม่ตาย 2
ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน บทที่ 4810 พี่หลี่ของคุณยังไม่ตาย 2
คุณท่านอานฉี่ชานถอนใจเบาๆ และกล่าวว่า “ญ่าหลิน คุณหนูเฟ่ยที่นี่ไม่ใช่สถานที่ที่พวกเราจะคุยกัน พวกเราเข้าไปด้านในกันเถิดแล้วค่อยว่ากันทีหลัง!”
อานโฉงชิวก็ได้สติขึ้นมาจึงรีบกล่าวอย่างตื่นเต้นว่า “ใช่ๆๆ พวกเราเข้าไปคุยกันด้านในเถิด ญ่าหลิน มื้อเที่ยงนี้แกกับฉันไม่เมาไม่เลิก!”
อานฉี่ชานหันไปมองเฟ่ยเข่อซินแล้วกล่าวเชิญ “หากคุณหนูเฟ่ยไม่รังเกียจ เที่ยงนี้อยู่ทานด้วยกันดีหรือไม่”
เฟ่ยเข่อซินรู้ดีว่า ตระกูลอานจะต้องมีคำถามมากมายที่จะถามตนเองกับหลี่ญ่าหลิน อีกอย่างตัวเธอเองก็ต้องคอยสอดส่องดูการตอบคำถามและท่าทางของหลี่ญ่าหลิน เพื่อป้องกันไม่ให้เขาพูดในสิ่งที่ผิดและเปิดเผยข้อมูลที่สำคัญออกมา
เธอจึงประสานมือแล้วกล่าวว่า “ขอบคุณคุณท่านอาน อย่างนั้นผู้น้อยก็ต้องน้อมรับอย่างเต็มใจ!”
อานฉี่ชานและอานโฉงชิวรีบเชิญคนทั้งสองเข้าไปด้านในอาคารอานปาง โดยการลงลิฟต์จากชั้นดาดฟ้าลงมา เมื่อออกจากลิฟต์ อานฉี่ชานก็รีบลากหลี่ญ่าหลินเข้าไปในห้องรับแขก
ตอนนี้คนทั้งหมดในตระกูลอานต่างมานั่งรออยู่ในห้องรับแขกอยู่ก่อนแล้ว ตามเจตนาของคุณท่านนั้น พวกเขาตั้งใจว่าจะขอบคุณเฟ่ยเข่อซินต่อหน้าในที่นี้เลย
อานฉี่ชานเปิดประตูห้องรับแขกออก คนตระกูลอานที่นั่งอยู่ด้านในต่างพากันลุกขึ้นยืน แต่สิ่งที่ทำให้พวกเขาคาดไม่ถึงก็คือ คนที่เดินตามคุณท่านเข้ามาไม่ใช่เฟ่ยเข่อซิน แต่คือหลี่ญ่าหลินที่ตระกูลอานสนิทสนมด้วย!
เมื่อเห็นหลี่ญ่าหลิน ท่าทีของคนในตระกูลอานก็อยู่ในความวุ่นวายทันที
ไม่มีใครอยากเชื่อสายตาของตัวเอง
เนื่องจากพวกเขาต่างปักใจเชื่อไปแล้วว่าหลี่ญ่าหลินตายไปแล้ว แถมยังดึงตระกูลอานเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องด้วย
ดังนั้นเมื่อหลี่ญ่าหลินปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าพวกเขาในตอนนี้ ท่าทางของแต่ละคนราวกับคิดอะไรไม่ออก
นายหญิงใหญ่ของตระกูลอานก้าวออกมาข้างหน้าอย่างไม่อยากจะเชื่อตัวเอง และเอ่ยปากถามว่าคุณท่านว่า “ฉี่ชาน……นี่ใช่หลี่ญ่าหลินจริงหรือ หรือว่าฉันฝันไปหรือว่าความทรงจำของฉันมีปัญหาอะไร”
“ญ่าหลินจริงๆ” อานฉี่ชานกล่าวอย่างตื่นเต้น “เขาคือญ่าหลิน! เขายังไม่ตาย คุณหนูเฟ่ยพาเขากลับมา!”
ตอนนั้นทุกคนถึงจะเห็นเฟ่ยเข่อซินที่เดินตามหลังมาท้ายสุด
นายหญิงใหญ่ทั้งตกใจทั้งดีใจ เมื่อเห็นเฟ่ยเข่อซินจึงเอ่ยปากว่า “คุณหนูเฟ่ย……บอกฉันทีได้หรือไม่ว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้น ตอนที่เกิดเรื่องขึ้นผู้มีพระคุณบอกว่าญ่าหลินตายแล้วไม่ใช่หรือ”
เฟ่ยเข่อซินตอบไปตามตรงว่า “ในตอนนั้นผู้มีพระคุณพบว่าสมองของพล.ต.ท.หลี่ยังไม่ตาย แต่เนื่องจากร่างกายบาดเจ็บหนัก เขาก็เลยคิดว่าไม่น่าจะช่วยชีวิตพล.ต.ท.หลี่ได้แล้ว แต่เขาก็ไม่อยากเอาตัวของพล.ต.ท.หลี่ไปฝัง และคิดอยากจะเก็บสมองของพล.ต.ท.หลี่เอาไว้ เพื่อหาวิธีช่วยในภายหลัง……”
ตระกูลอานได้ยินก็พูดไม่ออก ไม่มีใครเข้าใจว่า สภาพร่างกายของหลี่ญ่าหลินที่ใช้งานไม่ได้ขนาดนั้น เก็บสมองเอาไว้แล้วได้ประโยชน์อะไร
ตอนนี้เฟ่ยเข่อซินจึงอธิบายว่า “โชคดีที่ตระกูลเฟ่ยได้ลงทุนจัดตั้งศูนย์แช่แข็งเอาไว้ ผู้มีพระคุณเลยกำชับว่าให้เอาตัวพล.ต.ท.หลี่ไปแช่แข็งเอาไว้ก่อน ดังนั้นในช่วงเวลาที่ผ่านมานี้ พล.ต.ท.หลี่จึงถูกแช่แข็งอยู่ที่ศูนย์แช่แข็งของตระกูลเฟ่ยมาโดยตลอด
อานโฉงชิวกล่าวว่าอย่างประหลาดใจ “ตอนนี้วงการวิทยาศาสตร์ยังไม่สามารถพัฒนาเทคโนโลยี้การแช่แข็งได้ไม่ใช่หรือ”
“ใช่ค่ะ” เฟ่ยเข่อซินพยักหน้าแล้วกล่าวว่า “ตอนนั้นคุณปู่ของฉันคิดว่า นี่อาจจะเป็นการโยนปัญหาให้กับเรื่องที่ยังแก้ไขไม่ได้ ดังนั้นเลยให้ลงทุนกับศูนย์การแช่แข็งเอาไว้”
อานโฉงชิวกล่าวว่า “แต่ว่าเทคโนโลยีนี้ไม่เคยเข้าท่ามาตลอด! หลายปีที่ผ่านมานี้ มีคนถูกนำตัวไปแช่แข็งมาตลอด แต่ไม่เคยมีใครถูกทำละลายได้สำเร็จเลยสักคน ญ่าหลินไม่เพียงถูกทำละลายได้เท่านั้น แต่ยังกลับมามีชีวิต เรื่องนี้มันเป็นไปได้ยังไง”