ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - บทที่ 4812 ห้ามล้ำเส้น 2
ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน บทที่ 4812 ห้ามล้ำเส้น 2
แววตาของอานโฉงชิวเป็นประกายพร้อมเอ่ยปากว่า “เมื่อกล่าวเช่นนี้แล้ว ผู้มีพระคุณที่ช่วยเราก็คือคนที่ช่วยพวกคุณที่จินหลิงวันนั้นด้วย ถ้าจะพูดให้ถูกผู้มีพระคุณคนนี้ก็คือคนที่คอยควบคุมงานประมูลยาอายุวัฒนะตัวจริง และอาจจะเป็นถึงคนที่ครอบครองยาอายุวัฒนะทั้งหมดใช่หรือไม่”
คำพูดของอานโฉงชิวดึงดูดความสนใจของสมาชิกคนอื่นๆ ในตระกูลอาน
เมื่อก่อนตระกูลอานไม่ค่อยมีโอกาสได้สัมผัสสิ่งที่เรียกว่ายาทิพย์ยาวิเศษมากนัก
ทว่าในช่วงนี้ สิ่งที่พวกเขารู้ สิ่งที่พวกเขาเคยประสบผ่าน หรือว่ายาทิพย์ยาวิเศษที่พวกเขาเคยเห็นคนอื่นใช้มีมากกว่าสามชนิด
อย่างแรกเป็นตอนที่อานโฉงชิวได้ไปเจอที่งานประมูลยาที่จินหลิง จึงได้เห็นร่องรอยของยาอายุวัฒนะด้วยตาของตัวเอง
หลังจากนั้นก็เป็นยาปลุกจากความตายที่กู้ชิวอี๋ส่งมา ทำให้สามารถช่วยคุณท่านอานฉี่ซานให้รอดพ้นจากความตายขึ้นมาได้
ตอนนี้ก็เป็นยาวิเศษที่ใช้กับหลี่ญ่าหลิน ที่ช่วยฟื้นชีพเขาขึ้นมาที่ศูนย์การแช่แข็ง
ในบรรดานี้ ยาที่กู้ชิวอี๋ส่งมาเป็นยาที่มีเบื้องหลังชัดเจนมากที่สุด ก่อนหน้านี้ตระกูลอานจึงไม่ได้มีความสงสัยแต่อย่างใด
เนื่องจากหากยึดตามที่กู้ชิวอี๋กล่าว ยาที่เธอนำมานั้นเป็นยาที่เธอไปขอมาได้ตอนที่พ่อของเธอป่วยหนัก เมื่อเวลาผ่านไปนานวันเข้า ลำดับการแก้ปัญหาตามหลักเหตุผลของคนทั้งตระกูลอานย่อมต้องเอายาที่กู้ชิวอี๋นำมา ยาอายุวัฒนะและยาก่อใหม่มาคิดเชื่อมโยงเข้าด้วยกัน
ดังนั้นในจิตใต้สำนึกลึกๆ ของคนตระกูลอานจึงนำเอายาอายุวัฒนะและยาก่อใหม่เชื่อมโยงเข้าด้วยกัน และคาดเดาตัวผู้มีพระคุณที่น่าจะเกี่ยวข้องกับยาอายุวัฒนะกับคนที่ช่วยตระกูลอาน หลี่ญ่าหลิน เฟ่ยเข่อซินว่าเป็นคนเดียวกัน
เย่เฉินเองก็รู้ในประเด็นนี้ดีว่าการที่ตนเองช่วยชีวิตหลี่ญ่าหลินแถมยังให้เฟ่ยเข่อซินพาตัวหลี่ญ่าหลินมาส่งนั้น ไม่สามารถห้ามตระกูลอานไม่ให้เอาเรื่องทุกอย่างเข้ามาเชื่อมโยงด้วยกันได้ แต่แม้ว่าจะเป็นแบบนี้ เขาเองก็ไม่มีวิธีอื่นที่ดีกว่านี้ในการอธิบาย
หากต้องการช่วยหลี่ญ่าหลินก็จำเป็นต้องเปิดเผยหลักฐานบางส่วนให้คุณตากับคุณยายได้ทราบบ้าง อีกอย่างในตอนนั้นที่เขาเลือกหลี่ญ่าหลินก็เป็นทางเลือกของเขาเอง วันนี้พรหมลิขิตได้พาชีวิตเขาบังเอิญไปที่เม็กซิโกจนได้วัตถุดิบสำคัญในการกลั่นยาก่อใหม่ ด้วยเหตุนี้เขาจึงต้องช่วยชีวิตไปตามน้ำ
ส่วนเรื่องการเปิดเผยเบาะแสนั้น เย่เฉินไม่ได้ใส่ใจมากนัก
เนื่องจากพวกเขาเป็นตายายของตนไม่ใช่ศัตรู ยิ่งไปกว่านั้นเบาะแสที่ถูกเปิดเผยออกมาในวันนี้ไม่ได้ทำให้พวกเขาได้คำใบ้ไปเพิ่มมากเท่าไหร่นัก ดังนั้นการที่จะหาตัวเขาเจอถ้ามองจากตรงนี้นับว่าเป็นเรื่องที่ยังอีกไกล
การคาดเดาของอานโฉงชิว สร้างความเอะอะให้กับตระกูลอานได้
อานข่ายเฟิงไม่สามารถปิดบังความตื่นเต้นของตัวเองได้จึงเอ่ยปากว่า “พี่ใหญ่ มาคิดๆ ดูแล้ว ผู้มีพระคุณคนนี้น่าจะมีความข้องเกี่ยวกับพวกเรามากทีเดียว ตอนนั้นที่พี่โดนไล่ออกมาจากงานประมูลยาอายุวัฒนะ ผู้มีพระคุณคนนี้น่าจะรู้ทุกอย่าง แต่แม้ว่าจะเป็นแบบนี้เขาก็ยังตามมาช่วยพวกเราที่นิวยอร์ก”
อานโฉงชิวพยักหน้าพลางกล่าวว่า “งานประมูลวันนั้น ซ่งหวั่นถิงที่อยู่ในงานที่จินหลิงน่าจะเป็นเพียงแค่หุ่นเชิดเท่านั้น สถานการณ์ที่ดำเนินไปในงานน่าจะมีคนคอยสั่งการเธอผ่านทางหูฟัง ตอนนั้นผมคิดมาตลอดว่าผู้มีพระคุณจะต้องแอบเฝ้ามองสถานการณ์ทุกอย่างที่เกิดขึ้นที่นั่นอยู่ในห้องใดห้องหนึ่ง อีกอย่างผมอุตส่าห์เสนอเงินตั้งสามพันล้านแต่ยังกล้าไล่ผมออกมาอีก การตัดสินใจนี้แน่นอนว่าซ่งหวั่นถิงจะต้องไม่กล้าอย่างแน่นอน ทรัพย์สินของทั้งตระกูลซ่งคงไม่เกินสามถึงสี่ร้อยล้าน ไม่ว่าอย่างไรเธอก็คงไม่กล้าหาญและไม่มีสิทธิ์ในการตัดสินใจเช่นนี้”
นายหญิงใหญาถอนใจออกมา “เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว ครอบครัวของพวกเรานับว่าโชคดีนัก วันนั้นหากผู้มีพระคุณไม่แอบอยู่ในห้องข้างๆ ไม่รู้ว่าป่านนี้ตระกูลของพวกเราจะเป็นอย่างไรบ้าง……”
อานโฉงชิวได้สติกลับมาจึงหลุดพูดออกไปว่า “แม่ง ผู้มีพระคุณเป็นแฟนเพลงของนานด้วย!”