ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - บทที่ 4821 มันใช่วิสัยของคนเขาทำกันไหม 1
ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน บทที่ 4821 มันใช่วิสัยของคนเขาทำกันไหม 1
อานโฉงชิวพยักหน้าแล้วยิ้ม “พี่สะใภ้ ญ่าหลินไม่เป็นอะไร พวกคุณไม่ต้องเป็นห่วง! รายละเอียดเดี๋ยวพวกเราเข้าไปคุยกันข้างใน!”
เฉินจุนเหมยไม่วางใจจึงเดินไปพูดไป “โฉงชิว คุณพูดกับฉันตามตรงเลย คุณแน่ใจใช่ไหมว่าญ่าหลินยังมีชีวิติอยู่ ฉันพูดตามความจริงเลยนะคะว่าหลายวันที่ผ่านมานี้ฉันได้ทำใจเอาไว้แล้ว ถ้าเขาเป็นอะไรไปจริงๆ คุณบอกฉันตามตรงได้เลย ฉันรับได้ แต่คุณอย่าปิดบังฉันเด็ดขาด บอกให้ฉันรู้แต่เนิ่น ดีกว่าบอกช้าเยอะเลย……”
อานโฉงชิวกล่าวอย่างหนักแน่น “พี่สะใภ้ครับเรื่องใหญ่ขนาดนี้ ผมจะพูดมั่วๆ กับพวกพี่ได้ยังไง ญ่าหลินไม่เป็นอะไรจริงๆ หลายวันที่ผ่านมานี้ติดต่อเขาไม่ได้เป็นเพราะว่าเกิดเรื่องด่วนขึ้นกะทันหัน ดังนั้นเขาเลยไม่ได้รายงานเรื่องราวกับพวกคุณ”
เฉินจุนเหมยได้ยินดังนั้น เธอก็วางใจไปได้มาก แต่ความโกรธก็เอ่อล้นขึ้นมาแทนที่
ตอนนั้นเธอกล่าวออกมาอย่างโกรธจัด “หลี่ญ่าหลินก็ไม่ต่างอะไรกับคนไม่เอาไหน เรื่องด่วนอะไรที่จะต้องถึงขนาดไม่มีเวลาบอกเราสักคำ แค่ส่งข้อความเสียงมาในวีแชทสักสามวินาทีบอกว่ามีธุระต้องไปทำ ฉันก็คงไม่ต้องกังวลใจขนาดนี้ เขาไม่รู้หรือไงว่าลูกสาวของตัวเองกำลังตั้งครรภ์”
อานโฉงชิวถอนใจแล้วกล่าวปลอบว่า “พี่สะใภ้ครับ อันที่จริงแล้วเรื่องนี้ซับซ้อนมากเลย พี่อย่าต่อว่าญ่าหลินลย พวกเราเข้าไปคุยกันด้านในดีกว่า ไปครับ!”
เฉินจุนเหมยไม่รู้ต้นสายปลายเหตุ ความเดือดดาลในใจของเธอจึงอยากจะมอดลง
อันที่จริงแล้วเธอยังรักหลี่ญ่าหลิน แต่ไม่ชอบที่เขาทำอะไรอย่างไม่สนใจและไม่เคยแคร์ความรู้สึกกัน
ในฐานะภรรยา สิ่งที่เธอต้องการไม่ใช่แค่สามีที่มีหน้าที่หาเงินมาเลี้ยงครอบครัวแต่เพียงอย่างเดียว แต่ต้องการคู่ชีวิตที่ให้ความสำคัญกับเรื่องความรู้สึกด้วย
และเธอก็รู้ดีว่าสิ่งที่ลูกสาวต้องการจากพ่อนั้น ไม่ใช่เพียงแค่เรื่องเงินใช้จ่ายหรือว่าค่าเล่าเรียนเท่านั้น แต่ต้องการให้พ่ออยู่เป็นครอบครัวเพื่อให้ลูกได้รับความอบอุ่นของคนเป็นพ่อ
แต่หลี่ญ่าหลินทำเหมือนว่าตนเองเป็นผู้ร่วมธุรกิจกับครอบครัวนี้ และกลายเป็นนายทุนใจดีของครอบครัว
อะไรคือนายทุนใจดีของครอบครัว?
นั่นก็คือสนใจแต่เรื่องเงิน ไม่สนใจการจัดการ
ถึงอย่างไรก็ให้เงินแล้ว พวกคุณอยากทำอะไรก็ทำ ผมมีธุระมากมาย ถ้าเงินหมดเมื่อไหร่บอกได้ แต่ถ้าไม่มีเรื่องอะไรก็อย่ารบกวน
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เฉินจุนเหมยรับไม่ได้มากที่สุด และเป็นเรื่องที่เธอผิดหวังมากที่สุดเช่นกัน
แต่เมื่อเธอได้ยินคำพูดของอานโฉงชิวว่าที่หลี่ญ่าหลินหายตัวไปหลายวันเป็นเพราะเกิดเรื่องด่วนขึ้น ตอนนั้นเธอก็โกรธจนร้องไห้ออกมา และกล่าวกับอานโฉงชิวว่า “โฉงชิวฉันขอพูดกับคุณตามตรงนะ ถ้าฉันไม่ได้รักคนไม่เอาถ่านอย่างหลี่ญ่าหลิน ป่านนี้ฉันคงเอาเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี้มาเป็นเหตุผลในการหย่ากับเขาและยื่นเรื่องฟ้องศาลไปแล้ว! เพราะการขอหย่าที่อเมริกาก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไร ความจริงแล้วพวกเราแยกกันอยู่มาหลายปีแล้ว ไม่ว่าจะหย่าที่ทวีปไหนก็ไม่ใช่เรื่องยาก!”
ระหว่างที่กล่าว เธอก็หยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดจมูกแล้วกล่าวอย่างหมดหวัง “ช่างเถอะ ฉันจะไม่ทรมานตัวเองอีกแล้ว ขอแค่รู้ว่าเขายังมีชีวิตอยู่ ฉันก็ขอทำเรื่องขอหย่า พอกลับไปถึงฮิวสตันเมื่อไหร่ฉันจะยื่นเรื่องฟ้องศาลทันที และดำเนินเรื่องหย่าใช้เวลาแค่อาทิตย์เดียวก็คงเสร็จแน่นอน ฉันเอาชื่อของฉันเป็นประกันได้เลย!”
อานโฉงชิวเชิญเธอเข้ามาในลิฟต์พลางยิ้มพร้อมกล่าวว่า “พี่สะใภ้ ผมเข้าใจอารมณ์ของพี่เป็นอย่างดี แต่พี่อย่าใจร้อนอย่างเด็ดขาด บางทีญ่าหลินอาจจะมีความลำบากของเขาเองก็ได้ คนอย่างเขาพี่น่าจะรู้จักดี ในใจของเขามีอยู่สองเรื่องเท่านั้น เรื่องแรกคือเรื่องงาน เรื่องที่สองคือครอบครัว แต่ว่าที่ผ่านมาเขาให้ความสำคัญกับงานมากเกินไป เขาเป็นคนที่มีความโดดเด่นขนาดนั้น บางทีเขาอาจจะลุ่มหลงในวังวนมากเกินไปจนออกมาไม่ได้ เรื่องนี้พี่สะใภ้ก็ต้องเข้าใจเขา”