ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - บทที่ 4824 ปรมาจารย์นักพูด 2
ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน บทที่ 4824 ปรมาจารย์นักพูด 2
เมื่อเห็นคนทั้งสองตะลึงจนพูดอะไรไม่ออก เฟ่ยเข่อซินก็พูดต่อไปว่า “อีกอย่างประสบการณ์ที่ พล.ต.ท. หลี่เผชิญอันตรายอย่างมาก ในฐานะที่ฉันเป็นผู้จ้างก็รู้สึกนับถือในความกล้าหาญของเขามาก และนับถือในความรับผิดชอบที่เขามีต่อครอบครัวด้วย”
“เขาเอาชีวิตของตัวเองแลกกับเงินสิบล้านดอลล่าห์ เพื่ออนาคตของหลานชายหรือหลานสาวของเขา เพื่อเป็นการรับประกันว่าชีวิตนี้ของพวกเขาจะไม่ต้องกังวลเรื่องความเป็นอยู่ สร้างพื้นฐานชีวิตที่ดีให้เขาหรือเธอ เพื่อให้เขาหรือเธอเกิดมากลายเป็นคนระดับสูงจะได้ไม่ได้ต้องแก่งแย่งชิงดีกับคนในวัยเดียวกันไปได้เป็นสิบๆ ปี!”
“ด้วยเหตุนี้เขาจึงไม่กลัวที่จะต้องสละชีวิตตัวเองและไม่เสียดายชีวิต โดยส่วนตัวฉันรู้สึกว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่มาก!”
“ดังนั้นนะคะคุณนายหลี่ ฉันรู้สึกว่านอกจากคุณจะไม่ควรตำหนิพล.ต.ท.หลี่แล้ว ในทางตรงข้ามยังควรกอดเขาไว้แน่นๆ และขอโทษกับพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมเมื่อครู่นี้ของคุณ คุณนายคิดว่าอย่างไร?”
ในเวลานั้น ในใจของสองแม่ลูกเฉินจุนเหมยและหลี่หยวนหยวนตกอยู่ในอาการช็อค
ตระกูลอานและหลี่ญ่าหลินก็ช็อคเช่นกัน
เพราะว่าพวกเขาดูออกว่าเฟ่ยเข่อซินมีความสามารถในการควบคุมสถานการณ์และพลิกผันสถานการณ์ได้ดีมาก ฝีมือของเธอในด้านนี้นับได้ว่าเป็นปรมาจารย์เลยทีเดียว
คำพูดโกหกกลับสามารถทำให้น่าเชื่อถือได้แบบนี้ พูดได้อย่างยิ่งใหญ่ตราตรึง ความสามารถนี้นับได้ว่ายอดเยี่ยมมาก
เมื่อเฟ่ยเข่อซินกล่าวจบหลี่ญ่าหลินก็เต็มไปด้วยความละอายใจ
เพราะเขารู้ดีว่าตัวเองมีบทบาทอย่างไร ดังนั้นเขาจึงอดไม่ได้ที่จะเยาะเย้ยตัวเองในใจ “ฉันเนี่ยนะยิ่งใหญ่ ฉันยังไม่ทันรู้เรื่องอะไรเลยก็ถูกยิงจนพรุนเป็นตะแกรงไปแล้ว สู้มือพลีชีพยังไม่ได้เลยด้วยซ้ำ แม้ว่ามือพลีชีพจะฆ่าคนไม่ได้ แต่อย่างน้อยๆ ก็ยังได้ส่งสัญญาณเตือน ยิงสักนักสองนัด แต่ฉันนับว่าเป็นตัวอะไรได้ ยังไม่ได้ทำอะไรเลยก็ล้มหัวทิ่มแล้ว……”
ในขณะที่หลี่ญ่าหลินรู้สึกละอายอยู่ในใจนั้น ลูกสาวของเขาก็ทนไม่ได้อีกต่อไป
เธอร้องไห้และโผเข้ากอดหลี่ญ่าหลินพลางสะอึกสะอื้น “พ่อคะ บ้านของพวกเราไม่ได้ขัดสนเงินทอง ทำไมพ่อต้องทำถึงขนาดนี้ด้วย……”
หลี่ญ่าหลินชะงักไปครู่หนึ่ง ตอนนั้นเขาพูดอะไรไม่ออก
และยังคงเป็นเฟ่ยเข่อซินที่กล่าวว่า “พล.ต.ท. หลี่บอกว่า ไม่ขัดสนเป็นอีกเรื่อง แต่อยากเห็นหลานมีอนาคตที่ดีมากกว่า”
เวลานี้ความรู้สึกของเฉินจุนเหมยก็เปลี่ยนจากความโกรธเป็นความตื้นตัน ละอายและเสียใจผสมรวมเข้าด้วยกัน
เธอร้องไห้น้ำตานองหน้าแล้วถมหลี่ญ่าหลินว่า “ญ่าหลิน คุณอายุตั้งเท่าไหร่แล้ว อุตส่าห์เออรี่ออกมาแล้วทำไมต้องไปเสี่ยงขนาดนั้นด้วย!”
หลี่ญ่าหลินยิ้มอย่างลำบากใจพลางกล่าวอย่างวางตัวไม่ถูก “ก็……เป็นอย่างที่คุณหนูเฟ่ยพูด…..ทั้งหมด……ก็……เพื่อเด็ก ทำทุกอย่างเพื่อหลาน……”
เธอยื่นมือไปลูบใบหน้าของหลี่ญ่าหลินด้านหนึ่งที่ถูกตนเองตบจนแดงก่ำ แล้วถามอย่างละอายใจมากว่า “เจ็บไหม ขอโทษนะ เป็นความผิดของฉันเอง……”
หลี่ญ่าหลินกล่าวอย่างปลื้มใจว่า “ไม่เจ็บๆ ไม่เจ็บเลยสักนิด!”
ปัญหาครอบครัวที่ทำให้หลี่ญ่าหลินกลัดกลุ้มที่สุดนั้น ผ่านไปได้ด้วยดีโดยฝีมือของเฟ่ยเข่อซิน
ความรับผิดชอบและจิตวิญญาณความทุ่มเทของหลี่ญ่าหลิน นอกจากจะไม่ทำให้ลูกเมียของเขาโกรธเรื่องที่เขาหายตัวไปเฉยๆ แล้ว แต่ยังช่วยคลี่คลายความไม่ลงรอยที่ผ่านมาด้วย
กล่าวได้ว่า ภาพลักษณ์ของหลี่ญ่าหลินตอนนี้ในใจของลูกเมียยกระดับสูงขึ้นอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
ลูกเมียเข้ามาโอบกอดหลี่ญ่าหลิน แล้วร้องไห้สะอึกสะอื้น หลี่ญ่าหลินทั้งตื้นตันและละอายใจไปพร้อมๆ กัน แล้วหันไปมองเฟ่ยเข่อซินด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความซึ้งใจ