ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - บทที่ 4831 อาจใกล้จะเป็นจริงแล้ว! 3
ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน บทที่ 4831 อาจใกล้จะเป็นจริงแล้ว! 3
หลังจากเย่เฉินกำชับเขาไปชุดหนึ่งแล้วก็ให้หงห้าป้อนยาก่อใหม่ 1 เม็ดให้เขาอีก
จากนั้นก็ทิ้งหงห้าให้คอยเฝ้าอยู่ด้านข้าง ตัวเองกลับออกมาที่ห้องรับแขกในห้องชุดโอ่โถง
และในขณะเดียวกันนั้น อิโตะ นานาโกะกำลังนั่งรอคอยอย่างกังวลใจอยู่บนโซฟา
และซูรั่วหลีที่กำลังยืนอยู่ข้างกายของเธอก็เก็บงำความตื่นเต้นที่อยู่ในใจไม่ได้: “โอสถของคุณเย่ สามารถทำให้ร่างที่บาดเจ็บสาหัสของหลี่ญ่าหลินกลับมาเหมือนดังเดมได้อีก บัดนี้เขาก็ให้ท่านแม่และคนของตระกูลอิโตะมาที่นครนิวยอร์ก และที่บังเอิญกว่านั้นก็คือ ท่านแม่และคนของตระกูลอิโตะสองคนต่างก็พิกลพิการ หรือว่าคุณเย่เตรียมการที่จะใช้โอสถแบบเดียวกันมารักษาพวกเขา?”
“เมื่อครู่คุณเย่ก็ชี้นำนางาฮิโกะ อิโตะมาตลอด ให้เขาออกปากพูดออกมาเองถึงความหวังที่ว่าการจะให้ขาทั้งสองข้างฟื้นฟูกลับมาดังเดิม……หรือเป็นไปได้ว่า……หรือเป็ฯไปได้ว่าโอสถของคุณเย่สามารถทำให้ขาที่ขาดไปแล้วของพวกเขางอกกลับมาใหม่ได้อีกครั้งหนึ่งอย่างนั้นแหละ?”
“หากเป็นเช่นนั้นจริงๆ ……งั้นท่านแม่ก็ไม่ใช่ว่า……ก็ไม่ใช่ว่าจะสามารถเปลี่ยนเป็นคนปกติได้งั้นเหรอ!”
เหออิงซิ่วท่านแม่ของซูรั่วหลี ก่อนที่จะให้กำเนิดเขาออกมาก็ขาดแขนข้างหนึ่งไปแล้ว
และก็ในตอนที่เธอช่วยชีวิตซูโสว่เต้าแขนข้างนั้นก็ได้เสียไป ซูโสว่เต้าก็เลยเกิดการซาบซึ้งขึ้น แล้วทรยศต่อการหมั้นหมาย เกิดเป็นความรักขึ้นต่อเธอไป
และก็เพราะความรักที่เกิดขึ้นในครั้งนั้นจึงมีการกำเนิดของซูรั่วหลีขึ้นมาได้
ตอนเล็กๆ ซูรั่วหลีมักจะเห็นอกเห็นใจท่านแม่ที่แขนขาดไปหนึ่งข้างอยู่บ่อยครั้ง
และเรื่องที่ทำให้เธอไม่เข้าใจ เธอตอนอายุยังเยาว์ในทุกๆ ปี ตอนที่กอดบาดแผลแขนที่ขาดของท่านแม่เอาไว้ ร้องไห้ขอร้องให้สวรรค์คุ้มครอง ให้แขนที่ขาดไปของท่านแม่งอกกลับออกมาใหม่นั้น ท่านแม่ก็มักจะบอกเธอด้วยสีหน้าที่เปี่ยมไปด้วยความเต็มใจว่าแขนข้างนั้นที่ขาดทิ้งไปได้เปลี่ยนเป็นของขวัญที่ล้ำค่าที่สุดบนโลกนี้มาจากสวรรค์แล้ว ดังนั้นตนไม่เสียใจเลยแม้แต่นิดเดียว
ซูรั่วหลีที่ยังเยาว์อยู่ก็ไม่เข้าใจ เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าท่านแม่ใช้แขนข้างนั้นแลกของอะไรที่สำคัญขนาดนั้นกันแน่
แต่หลังจากโตขึ้น เมื่อเธอรู้เหตุผลในนั้น เธอจึงสำนึกได้ว่าท่านแม่ใช้แขนข้างนั้นแลกตัวของเธอเองมา
แขนที่ท่านแม่เสียไปข้างนั้น มีความเกี่ยวข้องกับโชคชะตาชีวิตของตนอย่างมาก หากไม่ใช่ตอนนั้นท่านแม่เสียแขนข้างนั้นไป ตนก้ไม่อาจมาเกิดบนโลกนี้ได้อย่างแน่นอน
แต่แม้ว่าท่านแม่จะไม่นึกเสียใจแม้แต่นิดต่อเรื่องนี้ แต่ในใจของซูรั่วหลีกลับรู้สึกรักสงสารสิ่งที่ท่านแม่ต้องเผชิญมาตลอด 20 กว่าปีนี้เป็นอย่างมากมาโดยตลอด
แม้ว่าท่านแม่จะเป็นผู้มีศิลปะการต่อสู้ แต่เธอไม่มีแขนหนึ่งข้างแล้ว ยังคงเป็นคนพิการคนหนึ่งที่การดำเนินชีวิตไม่ปกติ และถูกเลือกปฏิบัติด้วย
ขนาดในฝันซูรั่วหลีก็หวังว่าจะสามารถให้ท่านแม่ฟื้นฟูกลับมาเป็นปกติดังเดิมได้ แม้ว่าจะให้ตนเองต้องสูญเสียแขนไปหนึ่งข้างก็ไม่ขัดข้องเลย
แต่ในใจของเธอก็เข้าใจแจ่มแจ้งดีว่าความหวังเช่นนี้ก็เป็นเพียงความฝันลมๆ แล้งๆ เท่านั้นเอง
แต่ทว่า ณ ตอนนี้เวลานี้ จู่ๆ เธอกลับรับรู้ได้ว่าการหวังลมๆ แล้งๆ ของตนนั้นอาจใกล้จะเป็นจริงขึ้นมาก็ได้!
อิโตะ นานาโกะกลับรู้เยอะไม่เท่าซูรั่วหลีเช่นนั้น
เธอไม่เคยเห็นความแปลกประหลาดที่เกิดขึ้นกับร่างของหลี่ญ่าหลิน ดังนั้นในตอนนี้เธอก็คิดไม่ตกว่าเย่เฉินให้ตนเองพาท่านพ่อและทานากะ โคอิจิรีบมาที่นครนิวยอร์กที่แท้แล้วเพื่ออะไรกันแน่
ตอนนี้เมื่อเห็นเย่เฉินออกมา อิโตะ นานาโกะก็รีบกล่าวถามทันที: “เย่เฉินซัง โอโต้ซังและทานากะซังเป็นอย่างไรกันบ้าง?”
เย่เฉินค่อยๆ ยิ้มออกว่าแล้วกล่าวว่า: “พวกเขาทั้งสองคนกินยาลงไปแล้วก็หลับไปแล้วในตอนนี้ ประมาณยี่สิบนาทีก็จะรู้สึกตัว”
อิโตะ นานาโกะพยักหน้าแล้วถามอย่างระมัดระวังว่า: “เย่เฉินซัง ขอถามอย่างละลาบละล้วงหน่อย ยาที่คุณให้พวกเขาทั้งสองคนกินนั้นเป็นยาที่รักษาอะไรกันแน่?”
เย่เฉินกล่าวด้วยรอยยิ้ม: “พวกเขาทั้งสองคนอย่างมากก็ใช้เวลา 20 นาทีก็ออกมาแล้ว รายละเอียดที่ว่ารักษาอะไรนั้น เธออดใจรอหลังจากพวกเขาออกมาแล้วก็ดูเอาเองเถอะ”