ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - บทที่ 4841 ทุกอย่างจบสิ้นที่การไม่พูดอะไร 1
ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน บทที่ 4841 ทุกอย่างจบสิ้นที่การไม่พูดอะไร 1
เย่เฉินได้ยินเสียงที่ค่อนข้างเบาของเธอ ไม่ได้พูดอะไร ได้เพียงยกมือขึ้นมาแล้วลูบไปที่หลังของเธอสองสามที
ทั้งสองคนไม่ได้พูดคำพูดอะไรต่อกันมากมาย ราวกับว่าได้นัดหมายกันไว้แล้วก็ไม่ปาน ทุกอย่างจบสิ้นลงที่การไม่พูดอะไรเลย
ซูรั่วหลีเห็นทุกอย่างอยู่ในสายตาของตน ในขณะที่ในใจก็อิจฉาและก็อดไม่ได้ที่จะกล่าวอย่างทอดถอนใจออกมา: “คุณเย่และคุณหนูนานาโกะช่างเป็นคู่ที่สวรรค์สร้างมาจริงๆ ข้างกายของคุณเย่มีผู้หญิงมากมายที่ยอมมอบใจให้กับเขา แต่ไม่มีคนไหนเลยที่สามารถทำได้อย่างนานาโกะเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่าช่างคู่ควรในทุกๆ ด้านกับเย่เฉิน ช่างทำให้คนอิจฉาเสียจริงเชียว……” ไอลีนโนเวล
เอมิ อีโตะที่เป็นห่วงพี่ชาย ตอนนี้ก็อดไม่ได้ที่จะโอบกอดนางาฮิโกะ อิโตะไว้แน่น น้ำตาไหลไปพลาง แล้วกล่าวด้วยเสียงสะอื้นไปพลาง: “โอนิจัง……หลังจากที่พี่เกิดเรื่อง ทุกวันฉันเฝ้ารอคอยให้พี่ฮึดสู้ขึ้นมาให้ได้ บัดนี้ในที่สุดฉันก็สมปรารถนาแล้ว ขอให้พี่วันหลังอย่าได้จมปลักกับสภาพที่หมดอาลัยตายอยากแบบนั้นเหมือนเมื่อก่อนอีกเลย ขอร้องล่ะ!”
นางาฮิโกะ อิโตะรู้ซึ้งดีต่อความรักและห่วงใยที่น้องสาวมีต่อตน จึงกล่าวลากเสียงยาวออกมาว่า: “เอมิน้องวางใจได้ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปโอนิจังจะไม่โทษตัวเองเด็ดขาดอย่างแน่นอนไม่ว่าฟ้าจะถล่มดินจะทลายลงมาก็ตาม! พี่จะฮึดสู้ขึ้นมาให้ได้อย่างแน่นอน!”
ในขณะนี้ประตูห้องอาบน้ำอีกห้องหนึ่งก็เปิดออก ทานากะ โคอิจิที่สวมชุดกีฬาเช่นเดียวกันเดินออกมาอย่างสั่นเทาจากด้านใน
เมื่อเขาเห็นนางาฮิโกะ อิโตะ จู่ๆ เขาก็น้ำตาไหลรินออกมาราวกับสายน้ำเลย กล่าวด้วยเสียงสะอื้นที่ตื่นเต้นและแฝงไว้ด้วยความแหบแห้งหลายเท่าอยู่ในนั้น: “ท่าน……ท่าน……ท่านก็ฟื้นฟูแล้วเช่นกันเหรอ!”
นางาฮิโกะ อิโตะมองดูทานากะ โคอิจิที่เดินออกมาทางตนเองและก็ลุกขึ้นเช่นกัน น้ำตาก็ไหลออกมาอย่างไม่อาจหักห้ามได้อีกครั้งหนึ่ง
เขารีบยื่นมือออกไปทางทานากะ โคอิจิ ในขณะเดียวกันก็ก้าวขาออกไปเดินไปทางเขา
พอทานากะ โคอิจิเห็นเช่นนี้ก็ยิ่งกางมือทั้งสองกางออกแล้วรีบวิ่งเข้าไปรับในทันที
นายบ่าวทั้งสองคนจับมือกันแน่นอย่างตื้นตันเป็นอย่างมาก นาวาฮิโกะ อิโตะปกเสื้อเปียกปอนไปทั้งน้ำตา กล่าวออกมาอย่างปลื้มปีติอย่างหาที่เปรียบมิได้ว่า: “ทานากะ ฉันนางาฮิโกะ อิโตะมีวันนี้ได้ ก็คงหนีไม่พ้นจากการเฝ้าอารักขาของคุณ! บัดนี้เห็นคุณก็ฟื้นฟูกลับมาเป็นเหมือนเดิม ฉันก็ไม่ผิดหวังเลยจริงๆ!”
ทานากะ โคอิจิยิ่งกล่าวด้วยอาการสะอื้นว่า: “ท่านขอรับ พอเห็นท่านเริ่มยืนขึ้นมาได้ใหม่อีกครั้ง ตามความรู้สึกของกระผมแล้วสำคัญยิ่งกว่าสิ่งใดทั้งสิ้น!”
เย่เฉินเห็นนายบ่าวทั้งสองคนดูถนอมน้ำใจกัน ในใจก็ซาบซึ้งขึ้นมาด้วยเช่นกัน ก็อดไม่ได้ที่จะกล่าวเตือนว่า: “ทั้งสองท่าน ขาขาดแล้วเกิดใหม่ หากอิงตามโลกด้านนอกแล้วก็ค่อนข้างจะสร้างความตกตะลึงอยู่บ้าง ดังนั้นหลังจากทั้งสองท่านกลับไปที่ญี่ปุ่นแล้ว จะต้องระวังอย่าเผยรายละเอียดที่ขาทั้งสองข้างก่อใหม่ออกมาให้คนแปลกหน้าได้เห็น เพื่อหลีกเลี่ยงให้เกิดการจับจ้องที่ไม่จำเป็น”
นางาฮิโกะ อิโตะกล่าวด้วยท่าทีที่มาเสแสร้งว่า: “แน่นอนๆ! ขอให้คุณเย่มั่นใจได้ ผมจะไม่ให้คนภายนอกเห็นขาทั้งสองข้างของผมอย่างเด็ดขาด!”
ทานากะ โคอิจิก็กล่าวอย่างแสดงจุดยืน: “กระผมก็เช่นกัน! ขอให้คุณเย่วางใจได้!”
เย่เฉินพยักหน้าแล้วกล่าวอีกว่า: “หากว่าพวกคุณไม่อาจหลีกเลี่ยงที่จะปรากฏต่อสายตาของชาวโลกได้ ให้จำไว้ว่าพยายามใส่กางเกงขายาวใส่ถุงเท้าก็เท่านั้นเอง หากโลกภายนอกสงสัยก็ให้ป่าวประกาศว่าได้เลือกใช้ขาเทียมเทคนิคขั้นสูงที่สั่งทำมา และก็ผ่านการฝึกฝนให้กลับมาแข็งแรงได้โดยเฉพาะ”
ทั้งสองคนรีบรับคำออกมาอย่างต่างกายแต่พร้อมเพรียงกัน
ในตอนนี้เย่เฉินก็มองดูเวลาครู่หนึ่ง ห่างจากเวลางานเลี้ยงอาหารค่ำที่กำหนดไว้ประมาณเกือบๆ ครึ่งชั่วโมง ดังนั้นเขาก็กล่าวกับคนทั้งสองว่า: “พวกคุณทั้งสองคนเพิ่งจะฟื้นฟูโดยไม่ง่ายเลย แน่นอนว่าต้องอยากจะออกไปเดินดูรอบๆ อย่างใจจดใจจ่อแล้วแน่นอนใช่ไหมล่ะ?”
ทั้งสองคนสบตากันครู่หนึ่ง เวลาชั่วครู่ก็ไม่กล้ารับคำ
อันที่จริงแล้วพวกเขาทั้งสองคนก็อยากที่จะออกไปวิ่งฮาล์ฟมาราธอน ด้วยสิ่งนี้ก็เลยแสดงความรู้สึกตื่นเต้นที่อยู่ในใจออกมา