ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - บทที่ 4846 แนวคิดใหม่ 2
ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน บทที่ 4846 แนวคิดใหม่ 2
เย่เฉินพยักหน้าไปมา กล่าวออกมาอย่างหดหู่ว่า: “ผมก็เป็นเพราะเรื่องนี้จึงมีความรู้สึกเหมือนเป็นกบในกะลา ดังนั้นตอนนี้เมื่อมองย้อนกลับไปดูงานประมูลของยาอายุวัฒนะ มากน้อยอย่างไรก็ดูจะสุกเอาเผากินไปบ้าง เดิมทีแล้วผมน่าจะเอายาอายุวัฒนะไว้เป็นความลับอันล้ำค่าที่สุด ไม่น่าเอามันออกมาประมูลให้โจ่งแจ้งเช่นนี้
อิโตะ นานาโกะครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก็กล่าวออกมาอย่างจริงจังว่า: “เย่เฉินซัง ตามความเข้าใจของฉันที่ผ่านมาทั้งหมด ความสามารถแข็งแกร่งและชื่อเสียงโด่งดังทั้งสองอย่างนี้ก็เหมือนกับว่าเป็นตัวช่วยเสริมซึ่งกันและกัน นี่ก็เหมือนกับการเอากาน้ำชาเหล็กไปวางให้เผาไว้บนเตาถ่าน ไฟยิ่งปะทุแรง อุณหภูมิของน้ำแน่นอนว่าก็ย่อมสูงขึ้นไปด้วยเช่นกัน ภายใต้ตรรกะพื้นฐานนี้เพียงแค่ไฟแรงพอก็สามารถเผาจนน้ำในกาน้ำชาแห้งได้ แม้กระทั่งหลอมละลายกาน้ำชาไปเลยก็ได้ พอพวกเราเห็นกาน้ำชาถูกไฟหลอมจนละลายไป ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะรู้สึกว่าเรื่องเรื่องนี้เกินกว่าความเข้าใจของพวกเราได้”
พูดถึงตรงนี้ คำพูดของอิโตะ นานาโกะก็เปลี่ยนกลับมาอีกมุมทันที แล้วจึงกล่าวอีกว่า: “แต่ว่าองค์กรลึกลับแห่งนี้ตอนนี้ได้ล้มล้างตรรกะพื้นฐานนี้ไป ตามที่คุณกล่าวมา ความสามารถของพวกเขาน่าจะแข็งแกร่งมาก แต่ว่าชื่อเสียงของพวกเขากลับแทบจะเป็นศูนย์ นี่ก็เหมือนกับว่าไฟที่อยู่ในเตาที่จริงแล้วก็ได้แผดเผาจนแดงไปหมดแล้ว แต่น้ำในกาน้ำชากลับยังคงเย็นเฉียบเข้ากระดูกอยู่เลย นี่ฟังไปแล้วก็เหมือนกับว่าน่าเหลือเชื่อไปบ้าง แต่ก็เป็นเพราะว่าน่าเหลือเชื่อนี่แหละ จึงสามารถพิสูจน์ได้ว่าจุดแข็งขององค์กรแห่งนี้ได้อยู่เหนือเกินกว่าความรู้ธรรมดาของฉันจะเข้าใจได้” ไอรีนโนเวล
เย่เฉินหยักหน้าแล้วกล่าวอย่างทอดถอนใจว่า: “ผมและคุณมีวิธีคิดที่เหมือนกัน ดังนั้นในความรู้สึกนึกคิดของผม ความสามารถขององค์กรแห่งนี้น่าจะแข็งแกร่งมากยิ่งกว่าตระกูลใหญ่ทั้งสามที่ผมทราบดีแล้ว แต่รายละเอียดว่าแข็งแกร่งแค่ไหนนั้นก็ยังคงเป็นปริศนาอยู่”
ทันใดนั้นอิโตะ นานาโกะก็เงยหน้ามองมาที่เย่เฉิน กล่าวด้วยความรู้สึกว่า: “เย่เฉินซัง……อันที่จริงแล้ว……อันที่จริงแล้วคุณในสายตาของฉันก็เคยเป็นการดำรงอยู่เช่นนี้มาก่อนเช่นกัน……ในตอนที่ฉันไม่รู้จักคุณดีพอ ความสามารถของคุณแข็งแกร่งเกินกว่ากรอบที่ฉันจะเข้าใจได้ แต่ตอนนั้นฉันกลับไม่เคยได้ยินคุณมาก่อนเลย ฉันก็เลยให้คนสืบข้อมูลของคุณ พบว่าคุณเป็นเพียงลูกเขยที่แต่งเข้าไปในตระกูลเล็กๆ ตระกูลหนึ่งแห่งเมืองจินหลิง นี่ก็ยิ่งทำให้ฉันรู้สึกว่ามันน่าเหลือเชื่อ หากไม่ใช่เป็นเพราะว่าคุณได้เผยให้ฉันเห็นถึงความสามารถที่แท้จริงต่อหน้า ฉันก็คงจะเดาไม่ถูกเลยในชาตินี้ในตระกูลดั้งเดิมเล็กๆ แห่งเมืองจินหลิงตระกูลหนึ่ง คิดไม่ถึงว่าจะซ่อนเร้นลูกเขยที่แต่งเข้าไปที่แข็งแกร่งเช่นนี้คนหนึ่ง”
พอพูดถึงตรงนี้ อิโตะ นานาโกะก็ถามเย่เฉินว่า: “เย่เฉินซัง ตอนนั้นฉันในสายตาของคุณก็เหมือนกับองค์กรลึกลับแห่งนั้นในสายตาของคุณตอนนี้ใช่หรือไม่? มันอาจจะหลบซ่อนอยู่ในมุมใดก็ตามที่คุณไม่ได้ให้ความสนใจอยู่แล้ว ก่อนที่พวกเขายังไม่ได้ปรากฏความสามารถออกมา ใครก็ไม่รู้ว่าพวกเขาแข็งแกร่งแค่ไหนอย่างแน่นอน”
ทันใดนั้นเย่เฉินก็เลิกคิ้วขึ้น
เขารู้สึกว่านานาโกะพูดมีเหตุผลมาก จนกระทั่งได้ให้แนวคิดใหม่แก่ตัวเองหนึ่งอย่าง
ตนเองนั้นอยากจะรู้ความเป็นมาขององค์กรลึกลับแห่งนั้นมาโดยตลอดอยู่แล้ว แต่ว่าก็อย่างที่นานาโกะได้กล่าวไว้ แน่นอนว่าก็มีคนมากมายที่เหมือนกับตนที่อยากจะแน่ชัดในองค์กรลึกลับแห่งนั้นเช่นกัน คชต้องการจะทราบให้ชัดเจนว่าที่แท้แล้วตนเองนั้นมีความเป็นมาอย่างไรกันแน่
อาจกว่าได้ว่าองค์กรลึกลับแห่งนี้ มีความเป็นไปได้อย่างมากที่ก็เหมือนดังกับตนเองที่ซุกหัวนอนอยู่ที่ตระกูลเซียวเช่นกัน ใช้ฐานะที่ไม่ไปขวางหูขวางตาใครเขาเข้า หลบซ่อนอยู่ในมุมที่ไม่เป็นที่จับจ้องของใคร……
นางาฮิโกะ อิโตะและทานากะ โคอิจิวิ่งจ๊อกกิ้งอยู่ที่สวนสาธารณะกลางราวครึ่งชั่วโมงได้ ยังไม่ได้เสพติดการวิ่งจนเกินไป
หากไม่ใช่เพราะถึงเวลาเริ่มงานเลี้ยงวันเกิดละก็ เกรงว่าทั้งสองคนสามารถวิ่งไปถึงเที่ยงคืนได้เลย
ระหว่างทางที่กลับไป นางาฮิโกะ อิโตะดีใจอย่างหาที่เปรียบมิได้ ใช้มือเช็ดเหงื่อไปพลาง แล้วก็กล่าวกับทานากะ โคอิจิไปพลางว่า: “ทานากะ เมื่อครู่ยังวิ่งไม่พอเลย พรุ่งนี้หกโมงเช้าออกมาวิ่งยามเช้ากัน ฉันจะวิ่งวนรอบสวนสาธารณะกลางสักสามรอบไปเลย!”