ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - บทที่ 4852 เป็นความโชคดีของเธอจริงๆ!1
ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน บทที่ 4852 เป็นความโชคดีของเธอจริงๆ!1
ซูโสว่เต้ารู้สึกตกตะลึงเล็กน้อย เรียกสติตัวเอง แล้วกล่าว“รั่วหลี ต่อไปอย่าเรียกฉันว่าคุณซูเลย ”
ขณะที่พูด ตัวซูโสว่เต้าเองก็พูดอย่างไม่มั่นใจไปด้วยว่า “หนู……หากหนูไม่รังเกียจ……เรียกฉันว่าพ่อก็ได้นะ……”
พูดจบ ซูโสว่เต้าก็รู้สึกตัวเองเสียหน้ามากเหมือนกัน รีบพูดเสริมไปอีกคำหนึ่ง“หนูเป็นพี่เป็นน้องกับจือหยูแล้วไม่ใช่เหรอ มาเรียกฉันว่าคุณซูอีก มันดูห่างเหินเกินไปนะ……”
ซูรั่วหลีหันมองไปยังคนเป็นแม่อย่างไม่รู้ตัว เห็นเธอยกยิ้มให้ตัวเอง ก็รวบรวมความกล้า พูดเสียงเบา“พ่อ……”
“ดี……ดี……”ซูโสว่เต้าดีใจอย่างมากในทันที รีบกล่าว“รั่วหลี หนูไม่รู้ หลายวันมานี้แม่เราเขาพูดถึงหนูกับฉันตลอด บอกว่าเราไปสร้างเรื่องที่สหรัฐอเมริกา กลัวว่ากลับไปที่สหรัฐอเมริกาแล้วจะมีปัญหาอะไรตามมา”
ซูรั่วหลีพูดปลอบ“แม่ มีคุณเย่อยู่ แม่ไม่ต้องเป็นห่วงนะ ”
แม่ก็บอกพ่อไปแล้ว มีคุณเย่อยู่ลูกจะต้องปลอดภัย แต่พ่อเขาคงมีความรู้สึกอะไรส่วนตัวกับคุณเย่ ดังนั้นก็จึงไม่ค่อยวางใจ
เมื่อซูโสว่เต้าได้ยินเหออิงซิ่วพูดตำหนิตัวเอง ก็จึงยิ้มแห้งแล้วพูดกับซูรั่วหลี“พ่อเองก็ไม่ได้จะสงสัยในตัวคุณเย่เขา พ่อแค่เป็นห่วงความปลอดภัยของเราเท่านั้น ”
ซูรั่วหลีย่อมรับรู้ถึงความรู้สึกของซูโสว่เต้า แล้วเข้าใจมันได้ จึงพูดว่า“พ่อ คุณเย่เขามีความสามารถมาก หากหนูอยู่ใกล้เขา หนูจะปลอดภัยที่สุด ต่อไปพ่อกับแม่หายห่วงได้เลย ”
ซูโสว่เต้าเห็นใบหน้าของซูรั่วหลีเวลาที่พูดถึงเย่เฉินนั้นเต็มไปด้วยความชื่นชม ในใจแอบถอนหายใจ“นี่ฉันซูโสว่เต้าไปติดหนี้อะไรเย่ฉางอิงกัน……ตู้ไห่ชิงเฝ้ารักเขามานานหลายปีฉันก็ทนมันไว้ แล้วนี่ลูกสาวสองคนของฉันก็ยังมามีความรู้สึกดีๆกับลูกชายของเขาอีก นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน?!”
เมื่อซูรั่วหลีเห็นคนเป็นพ่อเหม่อลอยและมีสีหน้าที่สับสน อดไม่ได้ที่จะถามเขา“พ่อ เป็นอะไรไปคะ?”
ซูโสว่เต้าได้สติ โบกมือให้แล้วกล่าว“ไม่เป็นอะไร พ่อไม่ได้ออกจากบ้านมานาน ก็รู้สึกแปลกๆยังไม่ค่อยชินเท่าไร”
ซูรั่วหลีรู้ ก่อนหน้านั้นเย่เฉินได้ร้องขอกับแม่และคุณตา ว่าหากไม่ได้รับอนุญาตจากเขา ห้ามให้ซูโสว่เต้าออกจากคฤหาสน์แม้แต่ก้าวเดียว คิดว่าแม่กับคุณตาคงไม่ได้ขัดคำสั่งของเย่เฉินเลย และคาดว่าช่วงนี้พ่อคงอึดอัดกับเมืองจินหลิงอย่างมากเป็นแน่
ในตอนนี้เหออิงซิ่วมองไปยังรั่วหลีอย่างประหลาดใจ พูดโพล่งออกมา“รั่วหลี……ผลการฝึกฝนของลูกเพิ่มขึ้นอีกแล้วใช่ไหม ? ทำไมแม่มองไม่เห็นเส้นเขตแดนระดับของลูกเลย?”
เพราะก่อนหน้านั้นเย่เฉินได้ให้ยาช่วยหัวใจกับตระกูลเหอไปส่วนหนึ่ง ดังนั้นการฝึกฝนก่อนหน้านั้นของเหออิงซิ่วก็จึงได้ยกระดับไปเป็นนักบู๊สามดาว
ก่อนซูรั่วหลีจะมาผลการฝึกฝนก็ได้ยกระดับไปอยู่ที่สามดาวแล้ว ดังนั้นเหออิงซิ่วก็จึงสามารถมองเห็นผลการฝึกฝนของซูรั่วหลีได้
แต่ทว่า มาเจอซูรั่วหลีในครั้งนี้ เธอพบว่าตัวเองมองผลการฝึกฝนของซูรั่วหลีไม่ได้แล้ว ก็จึงคาดเดาว่ามันน่าจะเพิ่มขึ้นแล้ว
ซูรั่วหลีพยักหน้าให้อย่างจริงจัง และกล่าว“เพราะได้อานิสงส์จากคุณเย่ ผลการฝึกฝนก็จึงพัฒนาไปได้”
เหออิงซิ่วพูดอย่างตื่นเต้นขึ้นในทันที“เยี่ยมไปเลย!ตระกูลเหอของเรานอกจากคุณตาแล้ว ก็มีนักบู๊สี่ดาวเพิ่มมาอีกคนหนึ่ง!ช่างน่ายินดีจริงๆ!หากคุณตารู้ ต้องดีใจมากแน่ๆ!”
ซูรั่วหลีเม้มริมฝีปาก พูดอย่างจริงจังว่า“แม่ ตอนนี้หนูเป็นนักบู๊ห้าดาวแล้ว……”
“ห้าดาว?!”เหออิงซิ่วอ้าปากค้างด้วยความตะลึง เธอถามอย่างไม่ตั้งใจ“รั่วหลี ลูกแยกจากแม่ไปได้ไม่นาน ทำไมถึงเลื่อนไปถึงสองขั้นได้ เป็นนักบู๊ห้าดาวแล้ว?!นี่มัน……จะเร็วเกินไปไหม?!”