ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - บทที่ 4868 ฉันตอบตกลง……2
ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน บทที่ 4868 ฉันตอบตกลง……2
ในคืนนี้ หลายๆคนต่างก็ตื่นเต้นดีใจ จนนอนไม่หลับ
นางาฮิโกะ อิโตะในตอนนี้ก็กำลังนอนอยู่บนเตียงในโรงแรม ปั่น‘จักรยานกลางอากาศ’คนเดียวลำพัง ขณะเดียวกันก็มองดูโคมไฟระย้าแล้วหัวเราะขำ
เขาชอบความรู้สึกที่ได้ขาทั้งสองข้างกลับคืนมาอีกครั้ง หากไม่ใช่เพราะกลัวลูกสาวจะโกรธ เขาแทบทนรอไม่ไหวที่จะออกไปวิ่งรอบนครนิวยอร์คสักสามรอบ
ทานากะ โคอิจิเองก็เช่นกัน
เขานอนนิ่งอยู่บนเตียงไม่ถึงห้านาที ก็อดไม่ได้ที่จะลุกเดินไปมาอยู่สองสามรอบ จากนั้นก็ยกขาขึ้นพาดไปยังที่โต๊ะแล้วก้มมองอย่างพินิจพิเคราะห์ สัมผัสลูบไล้ ริมฝีปากที่ฉีกยิ้ม ก็แทบไม่ได้หุบลงเลย
ส่วนเหออิงซิ่วก็แทบไม่มีโอกาสได้สำรวจแขนขวาที่เกิดขึ้นใหม่นี้มากนัก เพราะซูโสว่เต้าได้อุ้มเธอไปที่ห้องนอนอย่างรีบร้อน ทั้งสองห่างหายไปนานกว่ายี่สิบปี กลับมาหวนรำลึกถึงความหลงใหลอย่างในวันวานอีกครั้ง
ส่วนหลี่ญ่าหลินที่เคยใช้ยาก่อใหม่มาก่อน เขากับภรรยาลูกสาว และลูกเขย ก็ได้นั่งเครื่องบินเจ็ตส่วนตัว บินกลับไปยังบ้านที่ฮิวสตันพร้อมหน้าพร้อมตากัน
หลังจากที่เฟ่ยเข่อซินเป็นคนรับรองให้เขา ภาพลักษณ์ของเขาในสายตาของครอบครัว ก็เปรียบได้กับวีรบุรุษ
ในช่วงแรกๆ ภรรยาและลูกสาวของเขาใช้ชีวิตอยู่กับเขาในนครนิวยอร์ก ในตอนนั้นเขามุ่งมั่นอยู่แต่กับงาน แทบไม่ได้ให้ความสนใจกับภรรยาและลูกเลย
และในตำแหน่งการเป็นตำรวจของเขา เวลาปรกติก็มักจะเข้มงวดกับภรรยาและลูกสาวมาก ทำเอาบรรยากาศภายในบ้านเป็นไปด้วยความตึงเครียดแบบไม่รู้ตัว
ภายหลัง ความสัมพันธ์ของเขากับครอบครัวก็ยิ่งจะตึงหนักมากยิ่งขึ้น ในตอนที่ลูกสาวเข้าเรียนมหาลัย เธอจงใจสละสิทธิ์เข้าเรียนที่นครนิวยอร์ก เลือกมาเรียนที่ฮิวสตันแทน เพียงเพื่อต้องการจะอยู่ให้ห่างจากเขา และได้รู้สึกผ่อนคลายความกดดันลงบ้าง
ภรรยาก็ใช้โอกาสนี้เลือกไปอยู่เป็นเพื่อนลูกสาวที่ฮิวสตันด้วย และเริ่มการใช้ชีวิตที่แยกกันกับเขา
แต่โชคดีที่ทั้งสองฝ่ายนั้นก็เพียงแค่แยกกันอยู่เท่านั้น ยังไม่ถึงขั้นหย่าร้างกัน
ลูกสาวของหลี่ญ่าหลินการเรียนไม่ถึงขั้นเรียนดี ในช่วงวัยรุ่นค่อนข้างดื้อรั้น บวกกับพ่อเป็นผู้การที่เคร่งครัด เข้มงวดกว่าครอบครัวทั่วไป ดังนั้นแม้เธอจะดิ้นรนอย่างหนักเพื่อต่อต้าน แต่ก็ไม่มีโอกาสจะหลุดพ้นมันได้เลย
อย่าเห็นว่าหลี่ญ่าหลินใช้ชีวิตอยู่ที่สหรัฐอเมริกามาค่อนชีวิต แต่ในใจลึกๆก็เป็นคนจีนอยู่ทุกกระเบียดนิ้ว การอบรมเลี้ยงดูลูกสาวนั้นยึดหลักการเดียวนั้นก็คือ‘มีส่วนร่วมในทุกเรื่อง ควบคุมดูแลอย่างเข้มงวด’
และเพราะความกดดันของลูกสาวจากการเลี้ยงดูของเขา จากต่อต้าน ก็กลายเป็นเหนื่อยและเบื่อกับการเรียน และเพราะเหตุนี้ ความสัมพันธ์ของพ่อลูก ก็จึงไม่เคยได้บรรเทาลง
รายได้ของหลี่ญ่าหลินก่อนเกษียณ ก็ราวๆประมาณปีละสี่ถึงห้าแสนดอลลาร์
แม้รายได้นี้จะถือว่าไม่ได้ต่ำมาก แต่ก็ยกระดับฐานะทางครอบครัวของเขาให้อยู่ในชนชั้นกลางได้ อย่างน้อยก็ไม่มีปัญหาเรื่องอาหารการกิน แต่จะให้เรียกว่าร่ำรวย ก็ยังไม่ถึงขั้นนั้น
ลูกสาวของเขาแต่งงานไปเมื่อปีที่แล้ว แต่งกับชายหนุ่มชาวจีนที่จบการศึกษาจากมหาลัยที่มีชื่อเสียง และทำงานอยู่ที่NASA
ลูกเขยของเขาคนนี้แม้จะมีความสามารถอยู่บ้าง แต่มีความทะเยอทะยานสูง บวกกับอยู่ที่NASAก็ไม่ได้รับการให้เกียรติ บางครั้งก็ถูกปัดแข้งปัดขาและเลือกปฏิบัติ ดังนั้นบ่อยครั้งก็จึงรู้สึกท้อแท้สิ้นหวัง
หลี่ญ่าหลินเข้าใจลูกเขยของตัวเองคนนี้เป็นอย่างดี เขาเป็นผู้เชี่ยวชาญในด้านการบินและอวกาศ การศึกษา ทักษะล้วนยอดเยี่ยมมาก แต่เพราะเป็นคนจีน บวกกับไม่มีเส้นสายอะไร ก็จึงถูกกดขี่ตลอดที่อยู่NASA
อันที่จริง ตอนที่หลี่ญ่าหลินได้เป็นผู้การใหม่ๆก็เป็นแบบนี้
ในระบบตำรวจของสหรัฐอเมริกา แม้ชนกลุ่มน้อยจะไม่ค่อยถูกเลือกปฏิบัติอย่างชัดเจนนัก แต่การกดขี่ในสภาพแวดล้อมทั่วไปนั้นมีอยู่ทั่วทุกหนทุกแห่ง