ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - บทที่ 4871 ตั๋วอาหารระยะยาว3
ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน บทที่ 4871 ตั๋วอาหารระยะยาว3
หลี่ญ่าหลินฟังจนรู้สึกตกตะลึงไปด้วยเล็กน้อย เขาอดไม่ได้ที่จะถาม“หนึ่งร้อยล้านเหรียญ……มันมากมายขนาดนี้เลยเหรอ?!”
ลูกเขยพยักหน้าให้อย่างหนักแน่นโดยไม่ต้องคิด“ใช่ครับ!พ่อ!สำหรับคนรวย หนึ่งร้อยล้านเหรียญนั้นมีพลังอำนาจที่ยิ่งใหญ่อย่างมาก!”
พูดจบ เขาก็พูดต่อ“แน่นอนว่า ประเด็นที่สำคัญที่สุดก็คือตระกูลอานสามารถจะการันตีกำไรสุทธิต่อปีที่ 8% ให้เรา ลุงอานได้บอกเอาไว้ หากเศรษฐกิจย่ำแย่ ไม่มีกำไรสุทธิ8%ต่อปี หรืออาจจะเกิดการขาดทุนขึ้นมา ตระกูลอานก็จะปันกำไรสุทธิ8%ให้กับกองทรัสต์ของเรา ยกตัวอย่างเช่น ภายใต้สถานการณ์ปกติ หนึ่งร้อยล้านเหรียญในปีแรกจะได้คืนกลับมาหนึ่งร้อยกับอีกแปดล้านเหรียญ แต่หากในปีนี้สถานการณ์เศรษฐกิจย่ำแย่ ในหนึ่งร้อยล้านนี้เหลือแค่เก้าสิบล้าน ตระกูลอานจะควักเอาเงินสิบแปดล้าน เพื่อการันตีเงินหนึ่งร้อยแปดล้านที่เราควรได้รับ !”
“มีตระกูลอานคอยหนุนหลัง เราไม่ต้องมากังวลเรื่องการขาดทุนอะไรเลย รอแค่ให้ถึงสิบแปดปีแล้วหมดสัญญากองทุนทรัสต์นี้ก็จบ!”
ภรรยาและลูกสาวของหลี่ญ่าหลินฟังจนรู้สึกตกตะลึง แต่หลี่ญ่าหลินกลับถามอย่างไม่ตั้งใจ“ลูกเขย เงินนี้มันเยอะไปหรือเปล่า ? ทั้งครอบครัวเราไม่มีความสามารถอะไร จะตักตวงเอาผลประโยชน์มากมายจากคนอื่นเขาได้ยังไงกัน?นี่มันดูจะไม่เหมาะสมสักเท่าไรนะ……”
ที่หลี่ญ่าหลินพูดมาล้วนไม่ใช่คำโกหก
หลังจากที่ฟังลูกเขยคำนวณเสร็จ เขาก็เพิ่งจะมาตระหนักรู้ คนอื่นเขาไม่น่าจะให้แค่เงินตัวเองง่ายๆแบบนี้ ที่เขาให้นั้นมันคือคำสัญญาแบบตลอดไป ไม่มีกำหนด
ตราบใดที่ตระกูลอานยังอยู่ ตระกูลอานก็จะรับประกันผลประโยชน์ของกองทุนทรัสต์นี้
ซึ่งก็เท่ากับว่าตระกูลอานได้ให้ตั๋วเงินระยะยาวกับตระกูลหลี่ และมูลค่าของตั๋วเงินนี้ก็สูงมากด้วย
ดังนั้น ถึงเขาจะคาดหวังให้ลูกเขยตอบตกลงเงื่อนไขของอานโฉงชิว แต่เมื่อฟังมาถึงตรงนี้ เขาก็รู้สึกว่าน้ำใจนี้หนักหนาเกินไป ตัวเองคงรับมันไว้ไม่ไหวจริงๆ
แต่เมื่อลูกเขยของเขาเห็นเขาลังเล ก็พูดอย่างร้อนรนขึ้นมาทันที“ พ่อ!พ่ออย่าคิดตื้นๆ!นี่มันเป็นโอกาสทองของครอบครัวเรา หากพลาดไปแล้ว จะต้องเสียใจไปตลอดชีวิตนะ!”
ขณะที่พูด เขาก็ส่งสายตาไปให้หลี่หยวนหยวนคนเป็นภรรยา และพูดโพล่งออกไป“หยวนหยวน รีบพูดเกลี้ยกล่อมพ่อทีสิ!”
หลี่หยวนหยวนก็ตกใจกับตัวเลขนี้เช่นกัน แต่เธอกับพ่อตัวเองนั้นแตกต่างกัน
หลี่ญ่าหลินเป็นตำรวจมาตลอดชีวิต ปลงตกกับการล้มหายตายจากมานานแล้ว ดังนั้นก็จึงไม่ได้สนใจเรื่องเงินทองเลยสักเท่าไร
ไม่อย่างนั้น กับความสัมพันธ์ของเขากับตระกูลอาน ในช่วงชีวิตสิบกว่าปีที่ผ่านมาของเขา สามารถจะลาออกจากการเป็นตำรวจได้ทุกเมื่อ แล้วไปขอข้าวขอน้ำตระกูลอานกิน
และแน่นอนว่าตระกูลอานต้องให้การดูแลต้อนรับเขาเป็นอย่างดี ด้วยสถานะและการเงินของตระกูลอาน ไม่แน่ว่าหลี่ญ่าหลินในตอนนี้ก็มีค่าตัวกว่าหลายพันล้านเหรียญไปแล้ว
แต่หลี่หยวนหยวนนั้นไม่เหมือนกัน
ตั้งแต่เล็กจนโตสภาพความเป็นอยู่และสภาพแวดล้อมในการใช้ชีวิตของหลี่หยวนหยวน ก็ถือได้ว่าอยู่ในระดับคนชนชั้นกลางของสหรัฐอเมริกา แต่คนชนชั้นกลางของสหรัฐอเมริกานั้นมีอยู่จำนวนมากมายจริงๆ
อีกทั้ง หลี่หยวนหยวนได้ศึกษาและใช้ชีวิตในประเทศวัตถุนิยมอย่างสหรัฐอเมริกามาตั้งแต่เด็ก วิถีชีวิตของคนชนชั้นสูงก็พอเข้าใจอยู่บ้าง ขณะเดียวกันก็ใฝ่หามันอย่างมาก
เพียงแต่ว่า ก่อนหน้านั้นเธอรู้มันดี ตัวเองจะใฝ่หามันแค่ไหน ก็ไม่มีทางที่จะเป็นจริงขึ้นมาได้
แต่ในตอนนี้ เธอตระหนักรู้ในทันที ว่าโอกาสที่หาได้ยากยิ่งนั้นกำลังมาอยู่ตรงหน้า แค่เอื้อมมือคว้าเท่านั้น
ดังนั้นเธอก็จึงพูดโพล่งขึ้นมา“พ่อ……แม้จะเพื่อลูก พ่อก็ต้องคว้ามันไว้ หากมีเงินกองทุนทรัสต์นี้ หนูกับซุนฮุยมีลูกกันหลายๆคนก็ยังได้ เมื่อเป็นแบบนี้ ครอบครัวของเราก็จะมีลูกหลานมากขึ้น”
ซุนฮุยลูกเขยก็อดไม่ได้ที่จะพูดโพล่งออกมา“ใช่ครับใช่!ต้องมีลูกหลายๆคน!และลูกทุกคนก็ให้ใช้แซ่หลี่ ผมเห็นด้วยทุกอย่าง ไม่มีความเห็นใดๆทั้งนั้น!”