ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - บทที่ 5703 เงียบสนิท(3)
เมื่อคิดถึงตรงนี้ อู๋เทียนหลินก็ก้มหน้าครุ่นคิดอยู่นาน จากนั้นมองอู๋เฟยเยี่ยน แล้วถาม : “ผู้มีพระคุณครับ กระผมคิดว่า ยังมีความเป็นไปได้อีกแบบหนึ่งอยู่หรือเปล่า ?”
อู๋เฟยเยี่ยนเอ่ยปากบอก : “นายว่ามา !”
อู๋เทียนหลินรีบพูด : “ผู้มีพระคุณครับ กระผมคิดว่าอีกฝ่ายอาจจะไม่ได้มีความสัมพันธ์อะไรกับอาจารย์คุณจริงหรอกครับ และมีความเป็นไปได้ว่าเขาแค่บังเอิญได้ภาพนั้น และบังเอิญรู้ข้อมูลตัวตนของคุณจากที่ท่านเอิร์ลฉางเซิ่งหรือไม่ก็หลินหว่านเอ๋อร์ รู้ว่าคุณเป็นลูกศิษย์ของเมิ่งฉางเชิง เลยจงใจใช้ภาพนี้มาขู่คุณ ! คุณคิดดู หากว่าอีกฝ่ายมีกำลังเหนือเมฆจริง ทำไมเขาต้องเอาภาพนี้ออกมา ? มิสู้นั่งรอคอยให้ลาภลอยมาหาที่เมืองจินหลิงเลยจะแน่นอนกว่า”
อู๋เฟยเยี่ยนถามพลางขมวดคิ้ว : “ความหมายของนาย อีกฝ่ายทำแบบนี้ เป็นเพียงการสร้างสถานการณ์ขู่ขวัญตบตา กำลังใช้ “กลยุทธ์เมืองว่าง” กับฉันอยู่ ?”
“ใช่ครับ !” อู๋เทียนหลินพูดโดยไม่ต้องคิดเลย : “กระผมคิดว่า นี่ไม่ใช่ว่าไม่ได้เป็นความเป็นไปได้อย่างหนึ่ง”
อู๋เฟยเยี่ยนพยักหน้า แล้วพูดด้วยเสียงเย็นชา : “เรื่องนี้ที่นายว่ามา ไม่ใช่ว่าฉันไม่เคยสงสัย แต่ว่าฉันจนปัญญาที่จะยืนยันข้อนี้ หากว่าอยากยืนยันจริง ก็ให้ผู้อาวุโสทั้งสามไป แต่หากว่าผู้อาวุโสทั้งสามประสบเหตุร้ายที่เมืองจินหลิงเข้า ถึงเวลานั้นองค์กรพั่วชิงไม่เพียงแต่เสียหายอย่างยับเยิน ถึงขนาดที่ยังมีความเป็นไปได้ว่ายั่วอีกฝ่ายให้โมโหเข้า”
อู๋เทียนหลินลองคิดดู แล้วเอ่ยปากถาม : “ผู้มีพระคุณ ส่งผู้อาวุโสท่านหนึ่งไปสืบสภาพความเป็นจริงภายในที่เมืองจินหลิงก่อนได้หรือเปล่าครับ ?”
“ท่านหนึ่ง ?” อู๋เฟยเยี่ยนพูดพร้อมกับส่ายหน้า : ‘แม้ว่าฉันไม่รู้ว่าคนนั้นมีกำลังแข็งแกร่งแค่ไหน แต่การระเบิดตัวเองของท่านเอิร์ลฉางเซิ่งก็ต่อเมื่อไม่สามารถฆ่าเขาได้ ก็พิสูจน์กำลังของเขาแล้วว่า อยู่เหนือใครคนใดคนหนึ่งของผู้อาวุโสทั้งสามอย่างแน่นอน ส่งผู้อาวุโสท่านหนึ่งไป ไม่มีความแตกต่างอะไรกับการส่งไปตาย หากว่าอีกฝ่ายกำลังแข็งแกร่งกว่าฉัน งั้นส่งไปสามคน ผลลัพธ์ก็เหมือนกันอยู่ดี”
ว่าแล้ว อู๋เฟยเยี่ยนก็พูดอีก : “อีกอย่างนายเคยคิดบ้างไหม อีกฝ่ายอาจจะไม่ได้ใช้ภาพเหมือนของอาจารย์มาขู่ฉัน อาจจะใช้ภาพเหมือนของอาจารย์ฉันมายั่วให้ฉันโมโห หากว่านี่ไม่ได้เป็นกลยุทธ์เมืองว่าง แต่เป็นวิธีการยั่วยุให้ลงมือ งั้นเป้าหมายสุดท้ายของเขา เกรงว่าอยากจะล่อฉันออกมา !”
อู๋เทียนหลินพูดด้วยสีหน้าตกตะลึง : “คุณพูดได้ถูกต้องครับ……กลยุทธ์เมืองว่างกับวิธีการยั่วยุให้ลงมือ ผิวเผินดูแทบจะเหมือนกันเปี๊ยบเลย แต่ผลลัพธ์ที่อาจจะก่อให้เกิดนั้นกลับเป็นช่วงเวลาสำคัญที่เกี่ยวข้องความเป็นความตาย อยู่ทั่วทุกหนแห่งเลย……อีกฝ่ายได้ประมือกับเราอย่างลับ ๆ อยู่หลายครั้งแล้ว ได้เปรียบอยู่ทุกครั้ง ตอนนี้มีความเป็นไปได้มากที่อยากบีบให้คุณปรากฏตัว……”
อู๋เฟยเยี่ยนพยักหน้า แล้วเอ่ยปากบอก : “แถมคนนี้มีจุดหนึ่งที่เหมือนกับฉันมาก”
อู๋เทียนหลินรีบถาม : “ผู้มีพระคุณ คุณพูดถึงจุดไหนครับ ?”
อู๋เฟยเยี่ยนบอก : “คนนี้ไม่ได้เป็นเพียงนักบำเพ็ญเพียร ยังช่ำชองการใช้อาวุธยุทโธปกรณ์เป็นพิเศษอีกด้วย !”
ว่าแล้ว อู๋เฟยเยี่ยนก็บอกอีก : “เนื่องจากความสามารถพิเศษของฉันที่เข้าใจนักวรยุทธ์รวมทั้งนักบำเพ็ญตน ดังนั้นเลยให้พวกนายใช้อาวุธแบบทันสมัยฝึกซ้อมทหารหน่วยกล้าตายกับทหารม้ากล้า”
“ทหารหน่วยกล้าตายที่ผ่านการฝึกซ้อมของเรา ฆ่าผู้เก่งกาจวิชาบู๊ทั่วไปได้อย่างง่ายดายมาก เมื่อผู้เก่งกาจวิชาบู๊พวกนั้นอยู่ต่อหน้าลูกกระสุนที่หนาแน่น ก็เป็นเพียงสุนัขไร้น้ำยาที่ไม่ได้เรื่องเท่านั้น”
“และคนคนนี้ ถึงขนาดที่เหนือกว่าฉันด้วย ! เขาถึงกับสามารถคิดได้ว่าใช้ระบบป้องกันระยะประชิดฟาลังซ์มาฆ่าผู้เก่งกาจการบำเพ็ญตน ! อุบายของคนคนนี้ ไม่ได้เป็นความเหี้ยมธรรมดาจริง ๆ !”
อู๋เทียนหลินย้อนนึกถึงจุดจบที่ท่านเอิร์ลเจี้ยนกงกับโอวป๋อจวินถูกระบบป้องกันระยะประชิดฟาลังซ์ระเบิดเป็น DNA ก็อดไม่ได้ที่จะตัวสั่นเทา แล้วพูด : “คราวก่อนเราสืบได้ว่าแบล็ควอเตอร์มีสามคนที่ซื้อระบบป้องกันระยะประชิดฟาลังซ์สามกระบอกจากตลาดมืดของยุโรปตะวันออก ซึ่งจัดอยู่ในประเภทหมายเลขแบบเดียวกับระบบป้องกันระยะประชิดฟาลังซ์ที่ฆ่าท่านเอิร์ลเจี้ยนกงตาย”
“แต่ทางด้านแบล็ควอเตอร์ ท่านเอิร์ลจงหย่งสืบดูอยู่ตลอด แต่สืบหาเหตุการณ์พิเศษอะไรไม่เจอเลยมาโดยตลอด เขามัดผู้บริหารระดับสูงของแบล็ควอเตอร์หลายคนมาเฆี่ยนตีลงโทษอย่างหนักอยู่ลับ ๆ แล้ว ถามไปแล้วก็ไม่ได้เบาะแสอะไรเลย”
“หลายวันมานี้แบล็ควอเตอร์ได้ประกาศให้หยุดส่งกำลังทหารไปต่างประเทศเพิ่มไว้ชั่วคราว เนื่องจากข้าราชการชั้นผู้ใหญ่หลายคนเสียชีวิตไปอย่างแปลกประหลาด กระผมเดาว่า การตายของท่านเอิร์ลเจี้ยนกง มีความเป็นไปได้มากว่ามีคนจงใจโยนความผิดให้แบล็ควอเตอร์”
อู๋เฟยเยี่ยนส่งเสียงอืม แล้วเอ่ยปากบอก : “แจ้งให้ท่านเอิร์ลจงหย่งทราบ ไม่ต้องสืบแบล็ควอเตอร์อีกต่อไปแล้ว นอกเหนือจากนี้แจ้งหน่วยบัญชาการกองทัพทั้งห้า นับจากนี้ไป หยุดการปฏิบัติการนอกประเทศทั้งหมด ทุกระดับชั้นขององค์กร ให้นิ่งเงียบเป็นเวลาสามเดือน !”
อู๋เทียนหลินพูดโดยไม่ต้องคิดเลย : “ได้ครับผู้มีพระคุณ กระผมจะไปแจ้งให้ทราบเดี๋ยวนี้ !”
อู๋เฟยเยี่ยนพูดอีกว่า : “จริงสิ นายแจ้งให้ทีมการบินเตรียมตัวให้เรียบร้อย พรุ่งนี้ฉันจะไปเมียนมาเที่ยวหนึ่ง”
อู๋เทียนหลินพูดอุทานด้วยความตกใจ : “ผู้มีพระคุณครับ กระผมขอบังอาจ เวลาสำคัญขนาดนี้ ทำไมคุณต้องออกจากสถานที่ตั้งกองกำลังทหารด้วยครับ ?”
อู๋เฟยเยี่ยนถลึงตามองเขาแวบหนึ่งโดยใช้สายตาที่ฆ่าคนแบบนั้น แล้วดุด้วยน้ำเสียงเย็นชา : “ไอ้สารเลว ! นี่เป็นเรื่องที่นายควรถามงั้นเหรอ ?”