ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - บทที่ 5724 ปล่อยวาง(2)
ครั้นแล้ว คุณท่านก็พูดกับเย่เฉิน : “เฉินเอ๋อ ยาอายุวัฒนะสองเม็ดนี้เธอเก็บเอาไว้ก่อน รอเธอจัดการองค์กรพั่วชิงแล้ว หลังจากตระกูลอานทำตามคำสัญญาแล้ว เธอค่อยเอามาให้ตาก็ยังไม่สายไป !”
เย่เฉินส่ายหน้าแล้ว : “คุณตาครับ เมื่อกี้คุณบอกว่า ยาอายุวัฒนะเป็นจิตใจกตัญญูของผม ทรัพย์สมบัติเป็นน้ำใจของคุณ ระหว่างสองอย่างนี้ ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่สามารถนำมาพูดเปรียบเทียบได้เลย จิตใจกตัญญูของผม ไม่ได้เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนน้ำใจของคุณ ทำไมคุณจะต้องรอให้ได้น้ำใจแล้ว จึงจะยอมรับจิตใจกตัญญูของผมเล่า ?”
อานโฉงชิวที่อยู่ด้านข้างพูดโน้มน้าวอย่างอดไว้ไม่ได้ : “นั่นสิครับพ่อ ยาอายุวัฒนะเป็นจิตใจกตัญญูที่เฉินเอ๋อมีต่อพ่อกับแม่ ทำไมพ่อต้องพูดแก้ตัวหลีกเลี่ยงครั้งแล้วครั้งเล่าล่ะครับ ?”
อานฉี่ซานเหลือบมองเขา แล้วก็เหลือบมองเย่เฉิน ถอนหายใจยาว ๆ เฮือกหนึ่ง แล้วพูดด้วยจิตใจที่เยือกเย็น : “เฮ้อ ! พูดจากใจจริง ฉันอยากได้ยาอายุวัฒนะเม็ดนี้มากกว่าใครทั้งนั้น เมื่อกินมันไป ไม่เพียงแต่ไม่ต้องทนทรมานจากโรคอัลไซเมอร์อีก แถมอย่างน้อยยังสามารถใช้ชีวิตอยู่ได้เพิ่มสิบยี่สิบปีเลย สำหรับคนอายุนี้อย่างฉันแล้ว นี่ก็คือของที่ล้ำค่าที่สุดในโลกนี้ เพียงหนึ่งเดียว……”
พูดถึงตรงนี้ เขาก็อดไม่ได้ที่จะพูดด้วยความรู้สึกเสียหน้า : “แต่ว่า พอนึกถึงที่ฉางอิงกับเฉิงซีถูกทำร้าย ว่าฉันไม่สามารถปกป้องพวกเขาได้ และไม่สามารถช่วยแก้แค้นให้พวกเขาได้ และนึกถึงที่เฉินเอ๋อลำบากมาเยอะขนาดนั้นในอดีต20ปีนี้ ฉันรู้สึกละอายใจจริง ๆ ฉันรู้สึกผิดต่อลูกสาวกับลูกเขย และรู้สึกผิดต่อหลาน แต่ว่าถึงที่สุดกลับเป็นหลานของฉันที่ช่วยชีวิตของฉันไว้หลายครั้งหลายหน เรื่องนี้ยิ่งทำให้ฉันรู้สึกละอายใจเหลือเกิน หากว่าฉันรับยาอายุวัฒนะเม็ดนี้เอาไว้ ชีวิตน่ะคงมีแล้ว แต่คงไม่มีหน้าแล้ว……”
คำพูดของอานฉี่ซาน ออกมาจากใจจริงทุกประโยค
อยากได้กลับไม่มีหน้าให้เอา นี่ก็คือกระบวนของจิตใจของขณะนี้ของเขา
เย่เฉินพอจะเดาที่อยู่ของปมในใจของคุณตาได้ ครั้นแล้วเขาจึงเอ่ยปากพูด : “คุณตาครับ คุณไม่ต้องรู้สึกผิดเกินไปหรอกครับ ผมรู้สึกตำหนิคุณมากก่อนหน้าในคืนนี้ เป็นเพราะผมเอาแต่คิดว่า ที่ตอนนั้นคุณพ่อคุณแม่ผมออกจากสหรัฐอเมริกาแล้วกับหัวเซี่ย มีความเกี่ยวข้องกับท่าทีเย็นชาของคุณในตอนแรกในระดับหนึ่ง แต่ว่าวันนี้ผมเพิ่งจะรู้ว่า ที่คุณพ่อคุณแม่ผมเลือกที่จะกลับประเทศ ไม่ได้เป็นเพราะท่าทีของคุณ แต่เป็นเพราะพวกเขาอยากกลับไปสืบเสาะความลับจิ่วเสวียนจิงซวี้ที่หัวเซี่ยต่างหาก ความตำหนิพวกนั้นในตอนแรกไม่เพียงพอที่จะกลายเป็นความแค้น บวกกับคืนนี้ทำให้ทุกอย่างนี้ชัดเจนแล้ว ดังนั้นความตำหนิพวกนั้นในใจ ก็ได้ปล่อยวางได้หมดแล้วครับ”
ว่าแล้ว เย่เฉินก็พูดอีก : “และผมไม่เพียงปล่อยวางคุณเท่านั้น ผมเองก็ปล่อยวางคุณปู่ของผมไปค่อนหนึ่งแล้ว แม้ว่าตอนนั้นเขาบีบคุณพ่อกับคุณแม่ผมออกจากตระกูลเย่จริง แต่ดูจากตอนนี้แล้ว ทุกอย่างนี้ล้วนเป็นสิ่งที่คุณพ่อผมเลือกเอง ต่อให้ตอนนั้นเขาต้องการให้คุณพ่อผมอยู่ที่ตระกูลเย่แต่แรก คิดว่ายังไงคุณพ่อผมก็ต้องไปเหมือนกัน”
พูดถึงตรงนี้ เย่เฉินก็ถอนหายใจเบา ๆ แล้วยิ้มบอก : “วันนี้เป็นวันดี ไม่เพียงแต่ได้รู้จักคุณทั้งสอง รวมทั้งน้าสาว และพวกน้า ยังทำให้ผมได้รู้เรื่องราวในอดีตที่เกี่ยวกับคุณพ่อคุณแม่ผม ที่ก่อนหน้าผมไม่เข้าใจ และขจัดปมที่อยู่ในใจของผมมายี่สิบปีนี้ไปอีกด้วย ช่างน่ายินดีจริง ๆ !”
อานฉี่ซานได้ยินถึงตรงนี้ ก็ร้องไห้น้ำตานองหน้าไปเลย
เขาไม่ยอมรับยาอายุวัฒนะเอาไว้ สาเหตุหลัก ๆ ก็คือคิดว่าตัวเองไม่เหมาะสมกับยาอายุวัฒนะเม็ดนี้
ต่อให้เป็นจิตใจกตัญญูของหลานตัวเอง แต่เขายังคงคิดว่าคุณตาอย่างตัวเองคนนี้ไม่มีคุณสมบัติเหมาะสมเอาเสียเลย ไม่เหมาะสมกับจิตใจกตัญญูที่มากเช่นนี้ของหลานตัวเองเลย
ตอนที่เขาได้ยินว่าเย่เฉินไม่ได้โทษตัวเองอีกแล้ว ในที่สุดก็วางหินก้อนใหญ่ก้อนนั้นในใจของเขาลงแล้ว
ในเวลานี้เย่เฉินมองอานฉี่ซาน แล้วเอ่ยปากบอก : “คุณตาครับ วันที่น่ายินดีขนาดนี้ ผมอยากดื่มเป็นเพื่อนคุณสักหน่อยจริง ๆ คุณกินยาอายุวัฒนะนี้ไปอย่างสบายใจก่อน อีกเดี๋ยวตอนดื่มเหล้า จะได้ดื่มหลาย ๆ แก้วได้สบายใจหน่อยครับ !”
อานฉี่ซานเห็นเย่เฉินพูดถึงขั้นนี้แล้ว เลยปัดภาระที่อยู่ในใจออก แล้วพูดพร้อมกับพยักหน้าซ้ำ ๆ : “ดี ! งั้นอีกเดี๋ยวเฉินเอ๋อดื่มเป็นเพื่อนตาให้เต็มที่หลาย ๆ แก้วเลยนะ !”
คุณยายที่อยู่ด้านข้างก็พูดด้วยความดีใจไม่หยุด : “เฉินเอ๋อ ยายให้คุณหงเตรียมวัตถุดิบเอาไว้เรียบร้อยแล้ว ทำมะเขือม่วงสอดไส้ที่เธอชอบกินมากที่สุดในตอนเด็กให้ ไม่รู้ว่าเธอยังจำมะเขือม่วงสอดไส้ที่ยายทำให้ว่าเป็นรสชาติแบบไหนหรือเปล่า !”
เย่เฉินพยักหน้าแล้วยิ้มบอก : “จำได้อยู่แล้วครับ มะเขือม่วงสอดไส้กรอบนอกนุ่มใน ทั้งหอมทั้งกรอบ พอเคี้ยวในปาก ไส้ก็จะลวกปาก กินแบบซูดซาดจึงจะรสชาติดีที่สุด”
คุณยายดีใจใหญ่ เดินไปดึงแขนของเย่เฉินเอาไว้ แล้วพูดด้วยความดีใจขั้นสุด : “ไป เราไปห้องอาหารกัน ! มื้อเช้าเตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว !”
เย่เฉินไม่ได้ขยับ แล้วพูดอย่างเอาจริงเอาจัง : “คุณตากับคุณยายกินยาอายุวัฒนะก่อน เราค่อยไปทานอาหารก็ยังไม่สายครับ”
อานฉี่ซานพยักหน้า แล้วพูดกับภรรยา : “ในเมื่อเป็นจิตใจกตัญญูของหลาน ยังไงเราก็ต้องรับเอาไว้ ! ติดค้างน้ำใจของเฉินเอ๋อเยอะขนาดนี้ มีเพียงมีชีวิตอยู่นานหน่อย จึงจะมีโอกาสตอบแทน !”
เย่เฉินได้ยินถึงตรงนี้ ก็ยิ้มเล็กน้อย ไม่ได้พูดจา
เขารู้ คนชราต้องการเหตุผลมาเกลี้ยกล่อมตัวเอง ส่วนการตอบแทน ตัวเองไม่ต้องการเลยสักนิด
นายหญิงใหญ่เห็นเช่นนี้ ก็ไม่ได้ปฏิเสธอีก แล้วพยักหน้าพร้อมกับพูดทอดถอนใจ : “เป็นจิตใจกตัญญูของหลาน ย่อมไม่สามารถทำให้ผิดหวังได้……”
เย่เฉินฉวยโอกาสรีบทำ ยื่นยาอายุวัฒนะไว้ในมือของทั้งสองคน
ในขณะเดียวกันเขาก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจด้วยความหดหู่ การส่งยาให้ผู้สูงอายุ ต้องเหนื่อยและเปลืองแรงจริง ๆ จะเอาแต่ตรงไปตรงมาไม่ได้