ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - บทที่ 5768 แสดงความสงสัยเอาไว้ก่อน (1)
ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน นิยาย บท 5768
ในไม่ช้า เมื่อถึงช่วงเวลาที่ดวงอาทิตย์กำลังจะลาลับขอบฟ้า พวกเขาก็ได้ก่อแคมป์ไฟเเละก่อเตาไฟสำหรับปิ้งย่างจนเสร็จเรียบร้อยพอดี
ด้วยอาหารการกินที่ทุกคนได้เตรียมกันมา รวมกับอาหารที่เย่เฉินตั้งใจซื้อมาสมทบเพิ่มอีกจำนวนหนึ่ง ทำให้อาหารเย็นในมื้อนี้มีความอุดมสมบูรณ์มากเป็นพิเศษ
นอกจากนั้น เย่เฉินยังซื้อเหล้าเเละเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เกรดพรีเมี่ยมมาอีกเพียบ ทำให้บรรยากาศยิ่งมีสีสันเเละทวีความครึกครื้นรื่นเริงให้มากยิ่งขึ้นไปอีก เเละดูเหมือนทุกคนต่างก็ตัดสินใจว่าคืนนี้จะต้องดื่มให้หนำใจ เมากันให้เต็มคราบไปเลย
ซึ่งเย่เฉินก็ได้ผสมปราณทิพย์ปริมาณเล็กน้อย ลงไปในเครื่องดื่มแอลกอฮอล์พวกนั้นด้วย
ปราณทิพย์เหล่านี้ ไม่สามารถทำให้ร่างกายของพวกเขาแข็งแรง หรือเข้าไปมีส่วนช่วยรักษาโรคภัยใดๆ ของพวกเขา แต่รับประกันได้เลยว่า ต่อให้คืนนี้พวกเขาจะดื่มเข้าไปมากมายเพียงใด ก็ไม่มีทางที่จะรู้สึกง่วงเหงาหาวนอนเลยสักนิด
ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อปราณทิพย์ที่แผ่พลังงานออกมาเพียงอ่อนๆ ถูกร่างกายของพวกเขาดูดซับเข้าไป มันจะไม่ทิ้งร่องรอยใดๆ เอาไว้ เเละต่อให้อู๋เฟยเยี่ยนมาปรากฏตัวอยู่ที่นี่ ก็ไม่มีทางที่เธอจะสังเกตเห็นอย่างเเน่นอน
เนื่องด้วยเตียนหนานตั้งอยู่บนที่ราบสูง ดังนั้น อุณหภูมิระหว่างกลางวันและกลางคืนจึงมีความแตกต่างกันค่อนข้างมาก ประกอบกับความสูงของภูเขาหลังเต่า ที่มีความสูงจากระดับน้ำทะเลหลายร้อยเมตรเป็นทุนเดิมอยู่เเล้ว จึงเพิ่มระดับความสูงให้มากขึ้นไปอีก เพราะฉะนั้น หลังจากที่ฟ้ามืดลงแล้ว อุณหภูมิของที่นี่จึงลดลงอย่างรวดเร็วจนทำให้รู้สึกหนาวเย็นในเวลากลางคืน
ทุกคนจึงมานั่งล้อมวงกันรอบกองไฟ เพื่อรับไออุ่นของเปลวไฟและสุราเมรัยเกรดพรีเมี่ยม จากนั้นหูเล่อฉีจึงหยิบกีตาร์ขึ้นมาดีดบรรเลง คนหนุ่มสาวที่ชอบร้องรำทำเพลงก็พากันร้องเพลงฮิตกับเขาไปหลายต่อหลายเพลง ความรู้สึกสนุกสนานครื้นเครงพลันลุกโชนสว่างไสวราวกับเปลวไฟที่อยู่เบื้องหน้า บรรยากาศนั้นเต็มไปด้วยความอบอุ่นและเป็นกันเอง
หลินหว่านเอ๋อร์ก็ชอบความรู้สึกแบบนี้มากเช่นกัน จนเหมือนกับว่าเธอได้ถูกหลอมรวมเข้าไปกับบรรยากาศนั้นโดยง่ายดาย ทั้งยังรู้สึกผ่อนคลายเป็นอย่างยิ่ง
ชายหนุ่มคนหนึ่งพลันยกแก้วขึ้น ทำท่าเตรียมจะชนแก้วกับคนอื่นๆ พลางพูดขึ้นว่า ” โอ้เเม่เจ้า เหล้าที่พวกเราดื่มกันคืนนี้มันโคตรสุดยอดเลย ดื่มเท่าไหร่ก็ไม่เมา ตามปกติแล้วถ้าฉันดื่มเข้าไปมากขนาดนี้นะ ป่านนี้ได้เมาปลิ้นไปตั้งแต่หัววันแล้ว แต่ทำไมวันนี้ยิ่งดื่มยิ่งรู้สึกกระปรี้กระเปร่าก็ไม่รู้ ! ”
” ฉันก็เหมือนกัน ! ” อีกคนก็พูดโพล่งขึ้นมาด้วยสีหน้ายิ้มเเย้มเช่นกัน ” ถึงเเม้จะรู้สึกเวียนหัวอยู่นิดหน่อย เเต่ฉันกลับไม่รู้สึกว่าเมาสักนิด มันยังสบายๆ อยู่เลยเนี่ย ! ”
ในระหว่างที่เขากำลังพูดอยู่นั้น เขาก็หันไปมองที่เย่เฉินเเละเอ่ยขึ้นว่า ” อะเฉิน เหล้าที่คุณซื้อมา รสชาติมันก็เหมือนกับเหล้าที่ผมดื่มเป็นประจำ แต่เหมือนความรู้สึกมันดูจะแตกต่างออกไป นี่คุณซื้อเหล้าวินเทจมารึเปล่าเนี่ย ? ”
เย่เฉินหัวเราะพลางตอบกลับไปว่า ” ที่รู้สึกแตกต่างนั้น ก็เป็นเพราะบรรยากาศยังไงล่ะ หากจะว่ากันด้วยเรื่องการดื่มเหล้าแล้ว บรรยากาศยิ่งสนุกครื้นเครง ความสามารถในการดื่มเหล้าก็จะยิ่งสูงตามไปด้วย ”
หูเล่อฉีกล่าวอย่างเห็นพ้องต้องกัน ” อะเฉินพูดถูก การดื่มเหล้าเเล้วจะเมาหรือไม่เมานั้น ประกอบด้วยสามปัจจัยหลักๆ อันดับแรกคือความทนทานต่อฤทธิ์แอลกอฮอล์ในร่างกายของแต่ละคน อันดับที่สองคือปริมาณแอลกอฮอล์ที่เข้าสู่ร่างกายของคนๆ นั้น และอันดับสุดท้ายก็คือความสามารถในการย่อยสลายแอลกอฮอล์ที่มีอยู่ในร่างกาย ”
เเล้วหูเล่อฉีก็กล่าวเสริมอีกว่า ” ถ้าหากความสามารถในการดื่มเหล้าขาวบนโต๊ะอาหารของนาย มีปริมาณเหล้าสูงสุดที่ดื่มได้อยู่ที่ 500 ml ฉะนั้น เวลาที่ดื่มเหล้าเพื่อเเก้เซ็งยามที่นายอยู่คนเดียว จะต้องดื่มได้ไม่ถึงปริมาณนั้นอย่างเเน่นอน นั่นก็เพราะว่า การดื่มเหล้าที่โต๊ะอาหารจะมีการพูดคุยไปด้วยในระหว่างที่นายกำลังดื่ม การเผาผลาญพลังงานเเละของเหลวในร่างกายก็จะมากขึ้นตามไปด้วย เเละการย่อยสลายแอลกอฮอล์ภายในร่างกายก็มากขึ้นด้วยเช่นกัน ยิ่งไปกว่านั้น การที่เรารู้สึกตื่นเต้นคึกคักมากกว่าปกติ ก็มีส่วนทำให้เกิดการระเหยของแอลกอฮอล์ด้วยเช่นกัน ”
ชายหนุ่มคนนั้นครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงฉีกยิ้มและพูดว่า ” มีเหตุผล ! วันนี้ฉันมีความสุขจริงๆ ยิ่งมีความสุข ฉันก็ยิ่งอยากดื่มอีกเยอะๆ ! ”
ในเวลานั้นเอง เย่เฉินพลันเอ่ยขึ้น ” ทุกท่าน ในเมื่อทุกคนดูจะมีความสุขกันถ้วนหน้า ถ้าอย่างนั้น คืนนี้พวกเรามาอยู่โต้รุ่งกันเลยดีไหม หลังจากได้ชมพระอาทิตย์ขึ้นแล้ว พวกเราค่อยไปหลับไปนอนกันให้เต็มอิ่ม ”
ทุกคนต่างก็เห็นดีเห็นงามโดยพร้อมเพรียงกันเกือบจะในทันที
การอยู่ยาวจนโต้รุ่ง สำหรับคนหนุ่มสาวเเล้วถือเป็นเรื่องจิ๊บๆ
การนอนเล่นมือถืออยู่บนเตียงหรือเอาหน้าจ่ออยู่ที่หน้าจอคอม เผลอแป๊บเดียวเวลาก็ผ่านไปเเล้วชั่วข้ามคืนโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว เเล้วนับประสาอะไรกับบรรยากาศในค่ำคืนนี้ ที่ทุกคนกำลังอยู่ในอารมณ์คึกคักสนุกสนานเป็นอย่างมาก เเละยังอยู่ในสภาพดีจนน่าแปลกใจ ต่อให้อยู่จนถึงรุ่งสางจนได้ชมวิวพระอาทิตย์ขึ้น ก็ไม่ใช่ปัญหาที่น่ากังวลเลยแม้เเต่น้อย
เมื่อเป็นเช่นนั้น คนกลุ่มหนึ่งจึงอยู่บนภูเขาหลังเต่า พากันกินปิ้งย่างเเละดื่มด่ำร้องรำทำเพลงจนถึงเช้าวันรุ่งขึ้นจริงๆ ตามที่ได้คุยกันไว้
ก่อนพระอาทิตย์ตกดินเมื่อเย็นวานนี้ ยังคงพอได้เห็นนักท่องเที่ยวคนอื่นๆ ลงมาจากภูเขาบ้างเป็นครั้งคราว ทว่า หลังจากพระอาทิตย์ตกดินจวบจนฟ้าเริ่มสาง เย่เฉินก็ไม่เห็นใครปรากฏตัวขึ้นอีกเลย
ขณะนี้ เหลือเวลาอีกไม่ถึงยี่สิบนาทีก่อนพระอาทิตย์จะขึ้น ทุกคนช่วยกันเติมกิ่งไม้เเละฟืนเข้าไปในแคมป์ไฟเป็นรอบสุดท้าย เเล้วจึงเริ่มเฝ้ารอช่วงเวลาที่ดวงอาทิตย์จะโผล่พ้นขอบฟ้าขึ้นมาจากอีกด้านหนึ่งของภูเขา
ราวสิบนาทีต่อมา ตรงเส้นขอบฟ้าที่เดิมมีสีขาวบริสุทธิ์ เริ่มค่อยๆ เปลี่ยนเป็นเเสงสีทองเรืองอร่าม
ซึ่งเป็นสัญญาณว่าดวงตะวันกำลังจะโผล่พ้นขึ้นมาจากขอบฟ้าในไม่ช้านี้แล้ว
ในขณะที่ทุกคนกำลังตั้งหน้าตั้งตารออยู่นั้นเอง ความรู้สึกของเย่เฉินพลันสัมผัสได้ว่า มีใครบางคนซึ่งอยู่ห่างออกไป กำลังเดินตรงเข้ามายังจุดที่พวกเขาอยู่ด้วยความรวดเร็ว
เเละด้วยความกังวลว่าจะถูกอู๋เฟยเยี่ยนมาพบเจอเข้า ตั้งเเต่ตอนที่ดื่มสังสรรค์กันเมื่อคืนนี้ เย่เฉินจึงใช้วิชาคาถาที่หยุนหรูเกอสอนเขา เดินลมปราณกำลังภายในเเละล็อคปราณทิพย์ให้อยู่เเค่ในร่างกายของเขาไว้อย่างเเน่นหนา
สำหรับนักบำเพ็ญเพียรเเล้ว ทุกคนต่างก็เปรียบเสมือนเรือดำน้ำที่ลอยลำอยู่ในทะเลลึก ซึ่งต่างฝ่ายต่างหากันเจอด้วยการใช้คลื่นสัญญาณโซนาร์ในการตรวจจับสัญญาณของอีกฝ่าย
หากยืมคำมาเปรียบเปรยก็คงจะเปรียบได้ว่า นักบำเพ็ญเพียรขั้นสูงก็เปรียบเสมือนเรือดำน้ำประสิทธิภาพสูง ที่มีความก้าวหน้าด้วยเทคโนโลยีชั้นสูงอันล้ำสมัย ไม่เพียงเเต่มีศักยภาพในการยิงขีปนาวุธโจมตีเป้าหมายสูง เเละมีพลังอานุภาพในการโจมตีที่แข็งแกร่งทรงพลังเพียงเท่านั้น วิธีการตรวจจับเรือดำน้ำลำอื่นๆ ก็มีประสิทธิภาพก้าวหน้ามากด้วยเช่นกัน อีกทั้งระยะการตรวจจับสัญญาณก็ไกลขึ้นด้วย
ส่วนนักบำเพ็ญเพียรที่อยู่ในระดับต่ำ ก็เปรียบเสมือนเรือดำน้ำที่เก่าเก็บและล้าหลัง ศักยภาพในการยิงขีปนาวุธโจมตีเป้าหมายต่ำ พลังอานุภาพในการทำลายล้างต่ำ และความสามารถในการตรวจจับคลื่นสัญญาณโซนาร์ก็ต่ำด้วยเช่นกัน ซึ่งมีโอกาสสูงมากที่พวกเขาจะถูกสังหารโดยตอร์ปิโดจากฝ่ายตรงข้าม ก่อนที่จะรู้ว่าตำแหน่งของฝ่ายตรงข้ามอยู่ตรงไหนเสียอีก
พวกนักบำเพ็ญเพียรต่างก็มีสัมผัสรับรู้ซึ่งกันและกัน มันก็คล้ายกับโซนาร์แบบพาสซีฟ ซึ่งเป็นโซนาร์สำหรับการดักรับสัญญาณเสียงใต้น้ำในย่านความถี่ต่ำ ที่ใช้เพื่อระบุตำแหน่งและที่มาของเสียง เมื่อพวกเขาได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวที่คล้ายคลึงกัน มันก็จะแจ้งเตือนพวกเขา จากนั้นพวกเขาก็จะตื่นตัวและเข้าสู่สภาวะเตรียมพร้อมรบในทันที
อย่างไรก็ตาม นั่นก็ไม่ได้หมายความว่านักบำเพ็ญเพียรที่อยู่ในระดับต่ำทุกคน จะไม่สามารถหนีรอดจากความตายเมื่ออยู่ต่อหน้านักบำเพ็ญเพียรขั้นสูงได้
เรือดำน้ำรุ่นเก่าเก็บ หากระมัดระวังเเละรอบคอบมากเพียงพอ ก็สามารถหลบเลี่ยงจากเรือดำน้ำสมรรถนะสูงได้เช่นกัน หนึ่งในวิธีที่ใช้กันบ่อยที่สุดก็คือ การจอดนิ่งลอยลำอยู่ก้นมหาสมุทรด้วยความนิ่งสงบ
เมื่อเรือดำน้ำเข้าสู่สภาวะสงบนิ่ง เครื่องยนต์จะหยุดทำงาน อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และอุปกรณ์ตรวจจับสัญญาณทั้งหมดจะหยุดการทำงาน ทุกคนบนเรือจะไม่มีการเคลื่อนไหวและไม่มีการส่งเสียงใดๆ ทั้งสิ้น ในสถานการณ์เช่นนี้ หากเรือดำน้ำสมรรถนะสูงอาศัยการใช้โซนาร์แบบพาสซีฟแต่เพียงอย่างเดียว จะเป็นไปได้ยากมากที่จะสามารถค้นพบเป้าหมายนั้นได้