ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - บทที่ 5790 มอบหมายให้ผมคุณก็ไม่ต้องยุ่งแล้ว(3)
ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน นิยาย บท 5790
หลินหว่านเอ๋อร์ที่อยู่ด้านข้างจิตใจหดหู่เล็กน้อย แต่ยังคงดึงชายเสื้อของเย่เฉินเบาๆ เอ่ยปากกล่าว: “ไม่อย่างนั้นพวกเราไปหากรุ๊ปของพวกเขาที่ผูเอ่อร์เพื่อพูดคุยก่อนก็ได้ค่ะ”
เย่เฉินก็รู้เช่นกัน สถานการณ์แบบนี้อยากจะเข้าไปเกรงว่าจะไม่ง่าย ทำได้แค่เพียงปรึกษากันให้ดีก่อน ดังนั้นจึงพยักหน้า กล่าวกับรปภ.คนนั้น: “ถ้าอย่างนั้นผมลองไปที่เขตเมืองดูก่อน ขอบคุณพี่มากครับ”
รปภ.โบกมือ: “ไม่ต้องเกรงใจ พวกคุณเดินทางปลอดภัยนะ”
เย่เฉินกลับรถอยู่ที่เดิม เตรียมที่จะกลับไปเขตเมือง ในขณะเดียวกันก็อดไม่ได้ที่จะกล่าวตำหนิตนเอง: “ถ้ารู้แต่แรกผมคงจะทำความเข้าใจสถานการณ์ที่แท้จริงของเขตเมืองผูเอ่อร์มาให้ชัดเจนก่อน ไปคุยกับจื้อเฉิงกรุ๊ปก่อน ตอนนี้รีบกลับไปที่เขตเมือง คาดว่าพวกเขาก็คงเลิกงานแล้ว แบบนี้อย่างเร็วที่สุดละก็ต้องรอให้ถึงวันพรุ่งนี้”
หลินหว่านเอ๋อร์ส่ายหน้ากล่าว: “ไม่ต้องยุ่งยากขนาดนี้หรอกค่ะ เมื่อครู่นี้ได้ฟังความหมายของพี่รปภ.ท่านนั้นแล้ว ต้นชาต้นนั้นมีการป้องกันที่แน่นหนา มีกล้องวงจรที่ไร้จุดบอดคอยบันทึกภาพตลอด24ชั่วโมง รปภ.ก็คอยสลับกะตลอด24ชั่วโมง ต่อให้พวกเราคิดหาหนทางปนเข้าไป ฉันก็ไม่สามารถเซ่นไหว้ได้”
“อีกอย่าง ที่นั่นถูกทำเป็นพื้นที่ผลิตใบชามานานหลายปี ตอนนี้อยู่ๆไปพูดว่าที่ใต้ต้นไม้ฝังอัฐิเอาไว้ ยังมีคนไปเซ่นไหว้ที่นั่น แค่ได้ฟังก็ไม่เหมือนเรื่องที่เกิดขึ้นในยุคสมัยปัจจุบัน ในทางกลับกันอาจจะทำให้ผู้คนเกิดความสงสัย ฉันว่าพวกเราไม่ต้องวนกลับไปที่ผูเอ่อร์แล้ว ที่นี่ยังห่างจากสิบสองปันนาอีกหนึ่งร้อยกว่ากิโลเมตร พวกเรามุ่งหน้าตรงไปที่สิบสองปันนาเลยดีกว่า”
เย่เฉินครุ่นคิด เอ่ยปากกล่าว: “ไม่สู้ซื้อจื้อเฉิงกรุ๊ปซะเลย”
“หา?”หลินหว่านเอ๋อร์ตกตะลึงไป หลุดปากกล่าว: “นี่จะเป็นเรื่องที่เกินไปหน่อยแล้วมั้งคะ……”
เย่เฉินกล่าวอย่างสบายๆ: “ไม่เป็นไร ก็แค่ซื้อกรุ๊ปใบชาแห่งหนึ่ง อีกทั้งยังไม่ใช่กรุ๊ปที่ใหญ่ที่สุดของเตียนหนาน คาดว่ามูลค่าทางตลาดอย่างมากสุดก็น่าจะประมาณไม่กี่พันล้าน เรื่องนี้ผมจัดการเอง”
หลินหว่านเอ๋อร์รีบกล่าว: “ที่ฉันกังวลคือหน่วยบัญชาการกองทัพกลางของอู๋เฟยเยี่ยนที่มีรากฐานมั่นคงอยู่ที่เตียนหนาน ถึงแม้ว่าตอนนี้พวกเขาจะเข้าสู่ช่วงเวลาสงบเงียบ แต่ถ้าหากเตียนหนานมีความเคลื่อนไหวมากเกินไป ยังไงก็ยากที่จะรอดพ้นสายตาของพวกเขาไปได้แน่นอน……”
เย่เฉินโบกมือ กล่าวอย่างค่อนข้างไม่แยแส: “ไม่เป็นไร เป็นการเทคโอเวอร์กิจการทั่วไปเท่านั้น ไปขัดขวางอะไรพวกเขา? ยิ่งกว่านั้น ใครจะคิดว่าคุณจะเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับบริษัทใบชา? อย่างไรก็ตามหลังจากที่คุณออกจากต้าหลี่ อู๋เฟยเยี่ยนก็ตามหาที่อยู่ของคุณไม่พบ เธอไม่รู้เลยสักนิดว่าคุณออกไปจากต้าหลี่แล้วไปที่ไหน แล้วก็ไม่รู้ว่าคุณนำพ่อกับแม่ฝังไว้ที่ผูเอ่อร์ ยิ่งไม่รู้ว่าคุณใช้ชีวิตในการเฝ้ามารดาแห่งชาผูเอ่อร์อยู่ที่สิบสองปันนาตั้งหลายปี ที่คุณกังวล เป็นเพราะว่าเบาะแสเหล่านี้มีคุณที่รู้เอง ดังนั้นคุณจึงกลัวว่าคนอื่นจะสืบหาความสัมพันธ์ในนั้นได้ แต่สำหรับคนนอกที่นอกจากคุณแล้ว ขอเพียงแค่พลาดไปจุดหนึ่ง ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะสืบหลักฐานที่เชื่อมโยงอย่างสมบูรณ์ออกมาได้”
พูดไป เขาจ้องมองหลินหว่านเอ๋อร์ กล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น: “เรื่องนี้มอบหมายให้ผม คุณก็ไม่ต้องยุ่งแล้ว ผมจะจัดการเรื่องทุกอย่างให้เรียบร้อย คุณรอโทรศัพท์จากผมก็พอ”
หลินหว่านเอ๋อร์กัดริมฝีปากเบาๆ รู้สึกว่าที่เย่เฉินพูดมาก็มีเหตุผลเช่นกัน อีกทั้ง อยู่ๆเย่เฉินก็รับเอาเรื่องนี้ไป ก็ทำให้ในใจของเธอมีความรู้สึกสามารถพึ่งพาอาศัยคนอื่นได้เป็นครั้งแรก
ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เธอห็พยัหน้าเบาๆ กล่าวเสียงเบาด้วยความซาบซึ้ง: “ถ้า……ถ้าอย่างนั้นก็รบกวนคุณชายแล้ว”
เย่เฉินยิ้มเล็กน้อย รีบควักโทรศัพท์มือถือออกมา โทรศัพท์ไปหาซูจือหยู
ตระกูลซูในสายตาของโลกภายนอก เดิมทีก็คือศัตรูตัวฉกาจของตระกูลเย่ ถ้าหากจื้อเฉิงกรุ๊ปนี้ให้ตระกูลซูออกหน้าซื้อ แน่นอนว่าก็จะยิ่งมีความน่าเชื่อถือมากขึ้น
เมื่อโทรติด ซูจือหยูปลายสายทางด้านนั้นกล่าวถามด้วยความนอบน้อมพร้อมทั้งปนไปด้วยความดีใจ: “คุณเย่ คุณโทรมามีอะไรจะสั่งจือหยูเหรอคะ?”
เย่เฉินเอ่ยปากกล่าว: “คุณหนูซู ผมมีเรื่องหนึ่งให้คุณช่วย”
ซูจือหยูรีบกล่าว: “คุณเย่คุณกับจือหยูไม่จำเป็นต้องเกรงใจกันขนาดนี้ก็ได้นี่คะ มีเรื่องอะไรคุณสั่งมาได้เลย จือหยูจะพยายามทำให้สำเร็จแน่นอน!”
เย่เฉินกล่าว: “ตอนนี้คุณช่วยผมซื้อจื้อเฉิงกรุ๊ปของเตียนหนาน ยิ่งเร็วยิ่งดี!”