ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - 1015
ในเวลานี้คนตระกูลเซียว ล้วนแต่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไรทำไมพวกเขา ถึงได้ทั้งอาเจียนและท้องเสียอย่างทรมารเช่นนี้
โคลชิซินของดอกแดฟโฟดิล เป็นพิษที่รุนแรงอย่างมาก
ถ้าหากเป็นโคลชิซินที่ทำให้บริสุทธิ์แล้ว แค่ใช้เพียงปริมาณที่เล็กน้อยเท่านั้น ก็สามารถพรากชีวิตคนได้แล้ว
แต่ว่าปริมาณของอัลคาลอยด์ที่อยู่ในตัวของดอกแดฟโฟดิล ค่อนข้างมีปริมาณที่น้อย เพราะงั้นหากกินมากเกินไปก็อาจจะทำให้เกิดอาหารเป็นพิษ แต่ว่าโดยทั่วไปแล้ว ตราบใดที่กินเข้าไปไม่เยอะ ล้วนแต่ไม่คร่าชีวิตทั้งนั้น
แม้จะบอกว่าไม่อาจจะคร่าถึงชีวิตได้ แต่ความเจ็บปวดแบบนั้นไม่ใช่สิ่งที่คนทั่วไปสามารถทนรับได้
มันไม่เพียงทำให้เกิดอาการอาเจียนและท้องเสีย ยังทำให้มีไข้และชักกระตุก เกิดความผิดปกติกับระบบประสาท
ถ้าหากกินในปริมาณมากโดยไม่คำนึงถึงชีวิต ก็อาจทำให้ช็อกได้ แล้วมีอันตรายถึงชีวิต
วันนี้คนตระกูลเซียวล้วนแต่กินไปไม่น้อย ค่อนข้างอันตรายจริงๆ
แม้แต่เย่เฉินก็ยังคิดไม่ถึงเลย จู่ๆคนตระกูลเซียวจะกินจนเอาชีวิตไปเสี่ยงมากขนาดนี้
ในข่าวมักจะรายงานบ่อยๆ มักจะมีคนหลงเข้าใจผิดว่าดอกแดฟโฟดิลเป็นกุยช่าย หลังจากกินเข้าไปก็จะโดนพิษจนแอดมิทเข้าโรงพยาบาล
สิ่งของแบบนี้ ทำให้เกิดความสับสนกันอย่างง่ายๆ
เมื่อ 120 มาถึงแล้ว สมาชิกในตระกูลเซียวก็ล้มลงไปถึงสามคนแล้ว
เหลือเพียงเซียวฉางเฉียนและเซียวเวยเวยที่ยังคงฝืนมีสตินิดหน่อย
แต่ในเวลานี้ แม้ว่าพวกเขาจะมีสติบ้างนิดหน่อย แต่ก็ไม่สามารถควบคุมร่างกายของตัวเองได้แล้ว ที่เป้ากางเกงของทุกคนล้วนแต่เต็มไปด้วยอุจจาระ
ภายในห้องรับแขกส่งกลิ่นเหม็นเน่าไปทั่วจนไม่สามารถเข้าไปได้ แพทย์ฉุกเฉินของ120ทั้งสามสี่คนเพิ่งจะเข้ามาก็เบียนหน้าออกไปอ้วกแล้ว
สมาชิกทั้งห้าคนล้วนแต่อาเจียนและท้องเสีย กลิ่นแบบนี้ทำให้คนพังพินาศจริงๆ
แต่ว่าก็ไม่มีวิธีอื่น การช่วยชีวิตคนสำคัญกว่า พวกเธอต้องฝืนทนกับกลิ่นที่น่าขยะแขยง ช่วยชีวิตสมาชิกของตระกูลเซียวทั้งห้าคนที่ฉี่ราด ออกมาจากคฤหาสน์แล้ว
บุคลากรทางการแพทย์รีบนำตัวสมาชิกตระกูลเซียวขึ้นบนรถฉุกเฉิน นำตัวส่งไปยังโรงพยาบาลชุมชนจินหลิง
หลังจากที่ทำการล้างกระเพาะและให้น้ำเกลือแล้ว คนของตระกูลเซียวถึงจะถือว่าได้รับการบรรเทาแล้ว ฟื้นคืนสติขึ้นมาชั่วคราว ถูกนำตัวเข้าไปให้น้ำเกลือในห้องฉุกเฉินต่อ
เตียงผู้ป่วยของนายหญิงใหญ่เซียวและเฉียนหงเย่นอยู่ใกล้กัน เซียวฉางเฉียนและคนอื่นๆอยู่ด้านในสุด
ในเวลานี้ ทุกคนต่างก็มีใบหน้าที่ตกใจกลัวเหมือนสีของดินทราย สีหน้าแววตาที่เจ็บป่วย ไม่มีความ กระปรี้กระเปร่าอะไรเลย
หมอปิดแมสท่านหนึ่งเดินเข้ามาพร้อมพูดว่า : “ตอนกลางคืนพวกคุณได้รับประทานอะไรกันเข้าไปเหรอ?เราสันนิษฐานว่าพวกคุณน่าจะกินอาหารที่มีพิษ เพราะงั้นพวกคุณลองคิดดูดีๆนะ ว่ากินอะไรเข้าไปกันแน่?เราจะได้ลดขอบเขตของการสันนิษฐานลงมาหน่อย ถ้าหากหาสาเหตุไม่ได้ ว่าทำไมพวกคุณถึงได้รับสารพิษ งั้นทางเราก็ไม่สามารถจ่ายยาให้ได้ตรงอาการแล้ว”
นายหญิงใหญ่เซียวอดไม่ได้ที่จะพูดพึมพำขึ้นมาว่า : “ตอนกลางคืนเราก็ไม่ได้กินอาหารอย่างอื่นเลยนะ ก็กินแค่เกี๊ยวน้ำเท่านั้น”
“แม่ เกี๊ยวน้ำนี่ต้องมีปัญหาแน่ๆ ไม่เช่นนั้นคงไม่ถึงขนาดที่เราทุกคนอาหารเป็นพิษกันหมดหรอก”
เฉียนหงเย่นอดไม่ได้ที่จะกล่าวตำหนินายหญิงใหญ่เซียวขึ้นมา ถ้ารู้ว่าเป็นแบบนี้ตั้งแต่แรก แล้วตัวเองมากินเกี๊ยวอะไรนี่ด้วย จะไม่เป็นการหาเหาใส่ตัวเหรอ?
ในเวลานี้นายหญิงใหญ่เซียวรู้สึกว่าเกี๊ยวมีปัญหา แต่ทุกขั้นตอนการทำก็ไม่ได้รู้สึกว่ามีปัญหาอะไรนะ เพราะงั้นหากพูดตามหลักเหตุผลแล้ว ก็ไม่น่าจะอาหารเป็นพิษนะ……
คิดมาถึงตรงนี้ นายหญิงใหญ่เซียวก็พูดขึ้นมาว่า : “พวกเราเป็นคนห่อเกี๊ยวกินเอง งั้นก็ตัดปัญหาเรื่องการเน่าเสียไป งั้นมันมีปัญหาที่ตรงไหนกันแน่?”
เซียวไห่หลงที่อยู่อีกฝั่งพูดด้วยใบหน้าที่ระทมทุกข์ว่า : “คุณย่า ผมได้ยินมาว่ามีพ่อค้าที่ไร้ยางอายจำนวนมากใช้เนื้อหมูคุณภาพต่ำมาทำเป็นสินค้าคุณภาพดีขายให้คนอื่น เนื้อหมูมีปัญหาหรือเปล่าครับ?”
——–