ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - 107 เย่เฉินออกโรงอีกครั้ง
บทที่ 107 เย่เฉินออกโรงอีกครั้ง
ระหว่างทางที่เย่เฉินขับรถออกไปจากตระกูลเซียว เซียวฉางควนก็พูดด้วยความโมโห “ถ้ารู้แต่แรกว่าแม่และพี่ใหญ่เลือดเย็นขนาดนี้ ก็ไม่ควรช่วยพวกเขามากมายขนาดนี้”
เซียวชูหรันถอนหายใจแล้วพูดว่า “จากท่าทีในการทำสิ่งต่างๆ ของพวกเขา ต่อให้ธุรกิจของตระกูลเซียวจะใหญ่โตเพียงใด ก็จะถูกพวกเขาทำลายลงอย่างย่อยยับ”
เซียวฉางควนผู้เป็นพ่อตาพูดอย่างไม่ยอม “ประเด็นคือพวกเราช่วยพวกเขามามากแล้ว! สัญญากับตี้เหากรุ๊ปก็ได้ลงนามตั้งแต่เริ่มต้นแล้วไม่ใช่หรือ? ตอนนี้พวกเขาก็สบายแล้ว”
เย่เฉินพูดอย่างเฉยเมย “พ่อ พวกเขาจะตายเพราะสิ่งที่พวกเขาทำลงไป พวกเขาจะไม่พบจุดจบที่ดีแน่นอน”
ตอนนี้ตระกูลเซียวต้องอาศัยความร่วมมือกับตี้เหากรุ๊ปเท่านั้น พวกเขาไม่รู้ว่าตี้เหากรุ๊ปเป็นของตน
ทำให้ตนขุ่นเคือง ยังคิดจะหาเงินจากตี้เหากรุ๊ปอีกหรือ?
ฝันกลางวันไปเถอะ!
แค่ตนโทรหาหวังตงเสวี่ยน ตระกูลเซียวก็จะต้องพ่ายแพ้อย่างยับเยิน
เซียวฉางควนแตะเลือดบนศีรษะของเขาแล้วพึมพำ “ใครจะไปคิดว่าตระกูลเซียวจะทำเกินเลยขนาดนี้ พวกเรายังไม่มีโอกาสได้เข้าไปอาศัยอยู่ในคฤหาสน์ที่ตระกูลหวังส่งมาด้วยซ้ำ พวกเขาก็ต้องการขโมยไปอย่างโจ่งแจ้ง เห็นได้ชัดว่าต้องการกลั่นแกล้งเรา! ”
ว่าแล้วดวงตาของเซียวฉางควนก็เป็นประกายขึ้น พูดกับเย่เฉินว่า “ลูกเขยที่รัก ช่วยพาพวกเราไปเยี่ยมชม Tomson Riviera หน่อยสิ ฉันมักจะคิดถึงคฤหาสน์หลังนั้นอยู่เสมอ อยากจะเห็นมันอีกครั้ง”
“พ่อ ใกล้จะถึงบ้านแล้ว ยังจะไปดูอะไรอีก คฤหาสน์หลังนั้นยังตกแต่งไม่เสร็จไม่ใช่เหรอ? ลุงหลี่ยังดูและการตกแต่งอยู่เลย” เซียวชูหรันกล่าว
“เฮ้อ พ่ออยากไปดูสักหน่อย ไม่งั้นนอนไม่หลับ!” เซียวฉางควนกล่าว
แน่นอนว่าเย่เฉินเข้าใจสิ่งที่เซียวฉางควนกำลังคิดอยู่ เขาก็เหมือนกับคนที่ไม่สามารถซื้อรถได้ แล้วจู่ๆ ก็มีรถหรูหราระดับเรือธง แม้ว่าจะไม่ได้ขับมัน แต่ก็อยากจะไปดูมันที่ลานจอดรถเสมอ
เขาจึงบอกกับเซียวชูหรันว่า “ในเมื่อพ่ออยากดูก็ไปดูเถอะ เผื่อมีไอเดียตกแต่งจะได้บอกลุงหลี่ได้”
เซียวฉางควนกล่าวด้วยรอยยิ้ม “เย่เฉินต่างหากที่เข้าใจพ่อดีที่สุด!”
เซียวชูหรันถอนหายใจอย่างจนปัญญาพลางพูดว่า “ก็ได้ งั้นก็ไปดูกัน”
เย่เฉินกลับรถอย่างกะทันหันที่สัญญาณไฟจราจรแล้วขับรถไปยัง Tomson Riviera
…
เย่เฉินขับมาถึงหน้าคฤหาสน์ Tomson Riviera พอลงจากรถก็หน้านิ่วคิ้วขมวดทันที
ประตูของคฤหาสน์เปิดแง้มไว้ ดูเหมือนจะมีเสียงดังโหวกเหวกอยู่ข้างใน
เซียวชูหรันเห็นเย่เฉินไม่มีการเคลื่อนไหว จึงถามอย่างสงสัย “เกิดอะไรขึ้น?”
“ดูเหมือนจะมีบางอย่างผิดปกติ เข้าไปดูหน่อย!” เย่เฉินกล่าว
ว่าแล้วเย่เฉินก็เดินเข้าไปในลานหน้าบ้านอย่างรวดเร็ว
พอเข้าไปในลานหน้าบาน ก็พบกับบอดี้การ์ดชุดดำหลายคนกำลังโยนเฟอร์นิเจอร์จำนวนหนึ่งออกจากคฤหาสน์
เซียวฉางควนอุทานด้วยความตกใจ “คนของตระกูลเซียว!”
ทันใดนั้นสีหน้าของเย่เฉินก็ขรึมลง พวกตระกูลเซียวนี่น่ารำคาญจริงๆ ตนยังไม่ได้ไปหาเรื่องพวกเขา แต่พวกเขากลับมาหาถึงที่
“ใครอนุญาตให้พวกแกเข้ามา!”
เย่เฉินดุด่าอย่างเย็นชาแล้วรีบวิ่งขึ้นไป
บอดี้การ์ดหลายคนมีสีหน้าลุกลี้ลุกลนเมื่อเห็นเย่เฉิน
ในเวลานี้เสียงราวกับเป็ดตัวผู้ของเซียวไห่หลงดังมาจากห้องโถงใหญ่
“ฉันเป็นคนให้พวกเขาเข้ามาเอง!”
เซียวไห่หลงเดินช้าๆ อย่างเย่อหยิ่งเข้ามาพร้อมกับชะแลงในมือซ้ายและผ้าพันแผลหนาเตอะในมือขวา
“ไอ้เศษสวะเย่เฉิน ตอนนี้พวกแกถูกขับออกจากตระกูลเซียวแล้ว คฤหาสน์ใหญ่ของ Tomson Riviera นี้ย่อมอยู่ในตระกูลเซียวอย่างแน่นอน วันนี้ฉันมาที่นี่เพื่อรับมอบคฤหาสน์!”
เซียวชูหรันกัดฟันพูดว่า “พวกแกทำเกินไปแล้ว บังคับให้เย่เฉินโอนคฤหาสน์ให้ไม่พอ ตอนนี้ยังจะปล้นอย่างโจ่งแจ้งอีกเหรอ?”
เซียวฉางควนก็พูดด้วยความโกรธเช่นกัน “เซียวไห่หลง คฤหาสน์เป็นของลูกเขยของฉัน ใครก็เอาไปไม่ได้!”
เซียวไห่หลงถ่มน้ำลายแล้วด่าว่า “แม่งเอ๊ย เซียวชูหรันแกคิดว่าแกเป็นใคร? ตอนนี้แกเป็นแค่หมาจรจัดที่ถูกขับออกจากบ้าน กล้าดียังไงมาคุยกับฉัน?”
ว่าแล้วเซียวไห่หลงก็หยิบชะแลงขึ้นมาชี้ไปที่เซียวฉางควนแล้วด่าต่อ “แล้วแกล่ะไอ้แก่ แกคิดว่าแกยังเป็นอารองของฉันอีกเหรอ? ไสหัวออกไปจากที่นี่ซะ ไม่งั้นฉันจะตีขาแกให้หัก!”
“แล้วลุงหลี่ล่ะ?” เย่เฉินถามอย่างเย็นชาทั้งๆ ที่ในใจโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ
เซียวไห่หลงก้าวไปข้างหน้าแล้วหัวเราะร่า “ในคฤหาสน์มีชายแก่เฝ้าอยู่ไม่ใช่เหรอ ไอ้บ้าเอ้ย ให้เขาไสหัวออกไปจากที่นี่ ฉันตีเขาจนลุกไม่ขึ้นแล้ว ให้เขารู้ว่านับจากนี้เป็นต้นไป ใครคือเจ้าของคฤหาสน์ที่แท้จริง”
“พวกแกตีลุงหลี่เหรอ?” ดวงตาของเย่เฉินเย็นยะเยือก
แม้ว่าลุงหลี่จะเคยเป็นคนของตระกูลหวัง แต่ให้เขามารับผิดชอบดูแลคฤหาสน์หลังนี้ ต่อไปก็คือคนของตนแล้ว
ยิ่งไปกว่านั้น ลุงหลี่ยังซื่อสัตย์ภักดีและเคารพเขาอย่างมาก
ที่สำคัญปีนี้เขามีอายุมากกว่า 60 ปีแล้ว ในช่วงหลายปีที่ตกต่ำ เซียวไห่หลงก็ยังไม่ยอมปล่อยชายชรา น่ารังเกียจจริงๆ!
เซียวไห่หลงยิ้มเยาะ “อะไรนะ หมารับใช้ที่ไม่มีโอกาสรู้ว่านายของมันคือใคร ถ้าไม่ตีแรงๆ จะรู้ได้อย่างไรว่าเจ้านายของมันคือใคร! มีคำกล่าวว่าจะตีหมาก็ต้องดูเจ้านายด้วย ฉันตีหมาในตอนนี้เพื่อที่จะให้เจ้านายของมันรู้ว่า ใครที่ไม่สามารถยั่วยุได้…”
พูดจบเซียวไห่หลงก็หัวเราะอย่างบ้าคลั่ง ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความสุขของการแก้แค้น
เย่เฉินโกรธจัดอย่างถึงที่สุด เขาเหวี่ยงหมัดใส่โดยไม่ลังเล
“ปัง!”
เซียวไห่หลงหลบไม่พ้น ถูกหมัดเหล็กฟาดเข้าที่ดั้งจมูก ทันใดนั้นเลือดกำเดาก็ทะลักออกมาจากจมูก ร้องลั่นด้วยความเจ็บปวด
“ยังยืนเซ่ออยู่ทำไมล่ะ เข้ามาสิ! ฉันต้องการชีวิตของไอ้เศษสวะคนนี้!”
เซียวไห่หลงตะโกนใส่บอดี้การ์ดขณะถอยหนีเหมือนสุนัข
บอดี้การ์ดเหล่านั้นต่างชักมีดยาวที่เหน็บเอวออกมาแล้วพุ่งเข้าใส่เย่เฉินอย่างดุเดือด
“เย่เฉิน ฉันรู้ว่าแกสู้เก่ง แต่ถึงแก่จะเก่งอีกสักแค่ไหนแล้วยังไง! ฉันอยากจะดูว่าผิวหนังของแกหรือมีดที่แข็งกว่ากัน!”
เมื่อเซียวชูหรันและเซียวฉางควนเห็นดังนั้น ใบหน้าก็พลันซีดลง
แม้เย่เฉินจะสู้เก่ง แต่เขาก็เป็นคนที่มีเลือดเนื้อ คู่ต่อสู้ของเขาคือบอดี้การ์ดของตระกูลเซียวที่มีมีดยาว เขาจะเอาชนะได้อย่างไร?
แต่เย่เฉินกลับไม่สนใจแม้แต่นิดเดียว สีหน้าของเขาเย็นชาไม่เปลี่ยนแปลง
“อาศัยปลาเน่าพวกนี้มาเอาชีวิตฉันเหรอ?!”
พูดจบเย่เฉินก็เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วราวกับภูตผีปีศาจ ทะลุผ่านบอดี้การ์ดของตระกูลเซียว
แม้ว่าบอดี้การ์ดของตระกูลเซียวจะถือมีดยาวอยู่ในมือ แต่ก็ไม่สามารถสัมผัสเขาได้แม้แต่ชายเสื้อ
เย่เฉินเหมือนสวมวิญญาณผีเสื้อ เริ่มโจมตีในขณะที่หลบหลีก
เพียงแค่ออกหมัดสบายๆ ก็สามารถชกให้เกิดเสียงทะลุอากาศได้อย่างง่ายดาย เต็มเปี่ยมไปด้วยพลัง!
แม้ว่าบอดี้การ์ดเหล่านั้นจะเป็นทหารพิเศษที่เกษียณแล้วแถมยังมีมีดยาว แต่เมื่อเผชิญหน้ากับเย่เฉิน ก็ไม่เหมาะที่จะเป็นคู่ต่อสู้เลย!
ในพริบตาทุกคนก็ถูกเย่เฉินซัดล้มลงกับพื้น!
ไม่มีใครรู้ว่าเขาทำได้อย่างไร เพราะมองไม่เห็นการเคลื่อนไหวของเย่เฉินอย่างชัดเจน บอดี้การ์ดเหล่านี้พากันล้มระเนระนาดลงกับพื้น!
ยิ่งไปกว่านั้นตอนเย่เฉินลงมือจิตใจกำลังโกรธมาก ดังนั้นจึงไม่มีความเห็นอกเห็นใจบอดี้การ์ดเหล่านี้เลย เขาลงมืออย่างรุนแรง คนกลุ่มนี้ถ้าไม่มือหักก็ขาหัก ทั้งหมดนอนร้องโอดโอยอยู่บนลานบ้าน!