ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - 1109
ในตอนนี้ กัปตันเครื่องบินส่วนตัวประจำตระกูลของขงเต๋อหลงกำลังเตรียมคิวนำเครื่องขึ้นที่สนามบินจินหลิง
เมื่อได้รับสายจากขงเต๋อหลงเขาก็พูดขึ้นทันที “คุณชาย ตอนนี้ผมกำลังอยู่ในคิว เตรียมนำเครื่องขึ้นกลับเย่นจิงครับ”
ขงเต๋อหลงพูดโพล่งออกมา “คุณรีบยื่นขอเลื่อนการขึ้นเครื่องกับหอบังคับการเดี๋ยวนี้ จากนั้นขับเครื่องบินกลับไปที่ลานจอดอากาศยานเครื่องบินเจ็ทส่วนตัว แล้วรอผม คืนนี้ผมจะกลับเย่นจิง”
กัปตันเอ่ยถามอย่างประหลาดใจ “คุณเพิ่งมาเมื่อบ่ายวันนี้ไม่ใช่เหรอครับ? ไม่ใช่บอกว่าจะพักอยู่ที่นี่สองสามวันเหรอครับ ทำไมตอนนี้ถึงอยากจะกลับไปล่ะ?”
ขงเต๋อหลงพูดอย่างหงุดหงิด “คุณไม่ต้องเป็นห่วงหรอก เอาเครื่องบินขับกลับไปรอผมที่ลานจอดอากาศยานเครื่องบินเจ็ทส่วนตัว ผมจะไปสนามบินเดี๋ยวนี้แหละ”
กัปตันเอ่ยอย่างรีบร้อน “ครับผม คุณชาย ผมจะยื่นขอกับหอบังคับการเดี๋ยวนี้”
ตอนที่ขงเต๋อหลงออกจากห้องน้ำด้วยสีหน้ามืดทะมึน ลุงวีที่กำลังรออยู่ที่ประตู เมื่อเห็นเขาออกมาก็รีบถามด้วยความเคารพ “คุณชายขง รู้สึกเป็นยังไงบ้างครับ?”
“ไม่ยังไงทั้งนั้น!” ขงเต๋อหลงส่งเสียงไม่พอใจอย่างเย็นชา แล้วพูด “บอกกับเจ้านายของคุณด้วย ว่าผมจะกลับเย่นจิงก่อนล่ะ”
ลุงวีร้องอุทานออกมา “อะไรนะครับ? คุณชายขง คุณจะกลับแล้วเหรอครับ? งานเลี้ยงยังไม่ได้เริ่มอย่างเป็นทางการเลยนะครับ”
“แม่งอะไรวะ?” ภายในใจของขงเต๋อหลงนั้นโกรธเกรี้ยวอย่างมาก เขาพูดโพล่ง “บอกคุณท่านของคุณด้วย ว่าที่ผมมาครั้งนี้เดิมทีก็เพราะอยากจะให้โอกาสดี ๆ อันยิ่งใหญ่กับตระกูลซ่ง น่าเสียดายพวกคุณคนตระกูลซ่งนอกลู่นอกทางเกินไปแล้ว!”
พูดเสร็จขงเต๋อหลงก็เดินอ้อมผ่านห้องจัดเลี้ยงและเตรียมจะจากไป
ลุงวีรู้ว่าขงเต๋อหลงคงจะโกรธมากแน่ ดังนั้นจึงรีบกลับไปยังห้องจัดเลี้ยงและรายงานต่อคุณท่านซ่ง
ทันทีที่คุณท่านซ่งได้ยินว่าเขาจะไป ร่องรอยของความเสียใจก็ฉายวาบขึ้นในสีหน้าของเขา แต่ก็กลับมาเป็นปกติอย่างรวดเร็ว เขาพูดอย่างราบเรียบ “ในเมื่อคุณชายขงต้องการจะไป งั้นก็ปล่อยเขาไปเถอะ”
ซ่งหรงวี่ร้อนรนขึ้นมาทันที เอ่ยลั่น “คุณปู่ คุณชายขงมาครั้งนี้ ก็เพราะต้องการร่วมมือกับเราอย่างลึกซึ้งนะครับ ปล่อยให้เขาไปแบบนี้ได้ยังไง”
คุณท่านซ่งถามเขา “เขาจะไป เราจะยังรั้งเขาไว้ได้รึไง?”
“โอย….” ซ่งหรงวี่เอ่ยด้วยสีหน้าร้อนใจ “คุณปู่เลอะเทอะน่า ท่านเป็นคนมองการณ์ไกล จะเดาจุดประสงค์ที่คุณชายขงมาบ้านเราครั้งนี้ไม่ออกเชียวเหรอครับ?”
ซ่งหวั่นถิงได้ฟังคำนั้นก็โพล่งออกมา “พี่ พูดว่าคุณปู่แบบนั้นได้ยังไง!”
ซ่งหวั่นถิงนั้นไร้พ่อขาดแม่มาตั้งแต่เล็ก ในสายตาของเธอ คุณท่านซ่งไม่เพียงรับบทบาทในฐานะปู่เท่านั้น แต่ยังรับบทในฐานะพ่อแม่ด้วย
ดังนั้น ซ่งหวั่นถิงจึงไม่สามารถทนต่อการที่คนอื่นขาดความเคารพต่อคุณท่านซ่งแม้เพียงเล็กน้อยได้ ต่อให้เป็นลูกพี่ลูกน้องของตัวเองก็ไม่ได้
ซ่งหรงวี่มองในแววตาของซ่งหวั่นถิง มีร่องรอยของความชิงชังฉายวาบ เขาพูดด้วยสีหน้าเสียใจ “น้องสาว คุณปู่ ตระกูลขง เหตุผลที่ต้องการจะมาที่ตระกูลซ่งเรา ต้องเป็นเพราะกำลังของตระกูลอู๋ในตอนนี้เสื่อมถอยลงอย่างร้ายแรงแน่ ตำแหน่งของตระกูลอันดับหนึ่งแห่งเจียงหนานวางลงแล้ว ตระกูลขงจะต้องหวังจะสามารถก้าวแทรกขึ้นไปได้แน่ ดังนั้นผมจึงคิดว่าจุดประสงค์ที่เขามาหาเรา จะต้องเป็นเพราะหวังจะร่วมเป็นพันธมิตรกับเรา ตระกูลขงจะประคองให้เรากลายเป็นตระกูลอันดับหนึ่งแห่งเจียงหนาน หลังจากนี้พวกเราพึ่งพาตระกูลขง ก็เทียบเท่ากับมีคนหนุนหลังที่แข็งแกร่งอยู่ที่เย่นจิงแล้ว นี่เป็นเรื่องดีที่ได้ผลดีด้วยกันทั้งสองฝ่ายเลยนะ!”
ความจริงแล้ว คุณท่านซ่งเองก็เดาเจตนาที่แท้จริงที่คุณชายขงมาที่นี่ได้นานแล้ว
เหมือนกับเสือร้ายที่ทะเยอทะยานสร้างตัวจากมือเปล่าอย่างเขา แม้จะอายุมากแล้ว แต่ความมั่นใจและเข้าใจต่อสภาพการณ์นั้นยังคงเชี่ยวชาญและลึกซึ้งอย่างมาก
เขาตระหนักได้นานแล้วว่า ขณะที่ตระกูลอู๋เสื่อมถอยลงทุกวัน รูปแบบของตระกูลใหญ่ของเจียงหนานจะต้องถูกสับเปลี่ยนใหม่อย่างแน่นอน
กษัตริย์เก่าถอยลงไป กษัตริย์ใหม่ยืนขึ้นมา นี่คือหลักที่ไม่เปลี่ยนแปลงของประวัติศาสตร์
ทว่า เขาไม่ได้คิดมาก่อนเลยว่า ตระกูลซ่งจะสามารถมีโอกาสที่จะเป็นราชาองค์ใหม่ในตระกูลแห่งเจียงหนานได้
ถึงยังไงตระกูลซ่งในที่เล็ก ๆ ของจินหลิง แม้จะมีกำลังแข็งแกร่งมาก แต่สำหรับทั้งเจียงหนาน มันยังคงอ่อนแอไปหน่อยจริง ๆ
———–