ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - 1156
“ล้อเล่นอะไรน่ะ?!”
ทันทีที่แม่ของจางเสี่ยวเฟิงได้ยินประโยคนี้ ก็หน้ามืดขึ้นมาทันที!
ร้อยล้าน! นี่มันแนวคิดอะไรกัน?
แค่มีสักหนึ่งล้าน ในสายตาตนก็นับเป็นเศรษฐีที่ร่ำรวยมากแล้ว มีสิบล้านก็เป็นบุคคลยิ่งใหญ่ที่ไปหาเรื่องไม่ได้แล้ว มีร้อยล้าน นั่นก็เปรียบเสมือนพระเจ้าแล้ว
ยิ่งไปกว่านั้นคือคนอื่นไม่ใช่เศรษฐีร้อยล้าน แต่เป็นรถสองคันที่คนอื่นขับมีมูลค่าร้อยล้าน แค่รถสองคัน ก็มีราคาร้อยล้านแล้ว!
เมื่อถึงนึกจุดนี้ หล่อนก็รีบเอ่ยถาม “ทั้งหมดที่แกพูดเป็นความจริงเหรอ? รถพิลึกกึกกือสองคันนี้มีราคามากขนาดนี้เชียว?”
จางเสี่ยวเฟิงพยักหน้าปานโขกกระเทียม ลากหล่อนออกมาพลางตอบว่า “ผมจะหลอกแม่ไปทำไม? แม่ไม่ใช่ว่าผมไม่อยากได้บ้านแล้ว แต่ว่าในสถานการณ์แบบนี้ ถ้าพวกเราดันทุรังไป…หากว่าไปล่วงเกินคนใหญ่คนโตเข้า ครอบครัวเราเดือดร้อนแน่!”
แม่ของจางเสี่ยวเฟิงตกใจจนตัวสั่นไปหมดแล้ว รีบคลานขึ้นมาจากพื้นทันที แล้วรีบไปลากสามีตัวเองที่อยู่หน้ารถอีกคันออกมา
พ่อของจางเสี่ยวเฟิง ยังไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น ด้วยเหตุนี้จางเสี่ยวจึงกระซิบบอกริมหูเขาไปรอบหนึ่ง
ทันทีที่เล่าออกไป เขาก็ตกใจจนหน้าซีดเผือด
ใบหน้าของจางเสี่ยวเฟินเต็มไปด้วยความหวาดผวา กล่าวกับเย่เฉินอย่างพินอบพิเทา “ลูกพี่ครับ ขออภัยที่สร้างความวุ่นวายให้คุณนะครับ หวังว่าผู้ยิ่งใหญ่แบบคุณไม่ถือสาผู้น้อย…”
เมื่อเห็นว่าทั้งครอบครัวล้วนหลบไปอยู่ที่ด้านหนึ่งอย่างรู้ความแล้ว เย่เฉินถึงได้เอ่ยเสียงเย็นว่า “ช่างเถอะ นับว่าพวกแกรู้ความอยู่ ฉันไม่อยากเห็นหน้าพวกแกอีก รีบไสหัวไปวะ ไสหัวไปแล้วอย่ากลับมาอีก ไม่งั้นก็รับผิดชอบผลที่จะตามมาซะ!”
จางเสี่ยวเฟิงรีบตอบรับอย่างนอบน้อม “ลูกพี่วางใจได้เลยครับ พวกเราจะไสหัวไปเดี๋ยวนี้ ไปเดี๋ยวนี้เลย”
เย่เฉินไม่สนใจพวกเขาอีก มุดเข้าประจำที่คนขับในรถบูกัตติเวย์รอน เปิดเครื่อง แล้วสตาร์ทรถ
ตอนนี้เองมือถือของเขาได้รับข้อความWECHATจากเซียวชูหรัน เนื้อหาคือ “สามี คุณรู้จักเพื่อนที่ทำชุดเจ้าสาวไหม? ฉันอยากออกเงินเช่าชุดเจ้าสาวที่ดูดีสักหน่อยให้เสี่ยวม่านสักชุด ชุดเจ้าสาวชุดนี้ของเธอเกินไปแล้วจริงๆ”
เย่เฉินรัวนิ้ว ตอบกลับข้อความของภรรยา “ให้เป็นหน้าที่ผมเอง”
เซียวชูหรันส่งข้อความกลับมาอีกว่า “รูปร่างพอๆ กับฉัน เพียงแต่ผอมกว่าฉันไปนิดหน่อย คุณลองดูเถอะ ช่วยแก้ขนาดให้ฉันด้วยล่ะ ขอบคุณนะคะสามี! ”
เย่เฉินตอบกลับ “เมียจ๋า กับสามีของคุณไม่ต้องเกรงใจกันขนาดนี้หรอก”
จากนั้น เขาก็ขับรถไปด้วย พลางโทรหาซ่งหวั่นถิงไปด้วย
ถึงอย่างไรเรื่องชุดเจ้าสาวก็เป็นเรื่องที่พวกสาวๆ ใส่ใจกันที่สุด เขารู้สึกว่าการถามหากับบอสใหญ่อย่างท่านหงห้าหรือว่าเฉินจื๋อข่าย พวกเขาจะต้องไม่เข้าใจแน่นอน
แต่ว่า ซ่งหวั่นถิงต้องมีความรู้ทั่วไปในเรื่องพวกนี้แน่นอน ถามหากับเธอต้องไม่ผิดพลาดแน่
ซ่งหวั่นถิงคาดไม่ถึงเลย ว่าจะได้รับสายจากเย่เฉินแต่เช้าตรู่ ในใจตื่นเต้นยินดีขึ้นมาทันที
นับตั้งแต่วันเกิดครั้งนั้น หลังจากตนเป็นฝ่ายรุกเข้าจูบเย่เฉินก่อน ตนก็ไม่ได้พบหน้าเย่เฉินอีกเลย หลักๆ ก็คือไม่มีโอกาสและข้ออ้างที่ดีเลย
เดิมทีเธอยังหวาดกลัวอยู่บ้าง เกรงว่าเย่เฉินจะตีตัวออกห่างตน แต่ตอนนี้พอได้รับสายเรียกเข้าจากเขา ก็สงบใจลงได้ทันที
ด้วยเหตุนี้ เธอจึงเอ่ยถามอย่างไม่อาจซ้อนเร้นความยินดีไว้ได้ “ปรมาจารย์เย่ คุณโทรหาฉันมีอะไรเหรอคะ?”
เย่เฉินถามเธอ “หวั่นถิง พอรู้ไหมว่าชุดเจ้าสาวของแบรนด์ไหนดีที่สุดในจินหลิง?”
“ชุดเจ้าสาว?!” ซ่งหวั่นถิงถามอย่างประหลาดใจ “ปรมาจารย์เย่ คุณถามหาชุดเจ้าสาวไปทำไมกันคะ?”
เย่เฉินตอบ “เพื่อนสมัยมัธยมของภรรยาผมจะแต่งงานวันนี้ แต่ยังขาดชุดเจ้าสาวดีๆ สักชุดอยู่ ดังนั้นผมเลยอยากสอบถามคุณว่าช่วยจัดการให้ผมสักชุดได้ไหม?”
ซ่งหวั่นถิงตอบด้วยรอยยิ้ม “ได้แน่นอนค่ะ! ได้เป็นธุระให้ปรมาจารย์นับว่าเป็นวาสนาของหวั่นถิงแล้ว!”
ว่าจบแล้ว เธอก็กล่าวอธิบาย “ใช่แล้ว ลืมบอกคุณไปเลย ร้านชุดเวดดิ้ง VeraWang ที่มีอยู่เพียงแห่งเดียวในทั่วทั้งมณฑล ก็เป็นธุรกิจที่ฉันลงทุนค่ะ ชุดเจ้าสาวชั้นเลิศมากมายในร้าน VeraWang เป็นคนออกแบบและผลิตขึ้นเองกับมือ คุณทราบสัดส่วนของเพื่อนนักเรียนของคุณนายไหมคะ? ฉันจะได้จัดเตรียมชุดที่เข้ากับขนาดตัวให้คุณสักชุด”
———