ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - 1159
เซียวชูหรันและจางเสี่ยวม่านล้วนประหม่าอยู่บ้าง ไม่รู้ว่าสรุปแล้วตอนนี้ควรจะเข้าไปดีไหม
ทั้งสองคนต่างรู้ดีว่าชุดเจ้าสาวแบรนด์นี้ราคาแพงระยับ คนทั่วไปซื้อไม่ได้อย่างแน่นอน
ร้านชุดเวดดิ้งทั่วไป ถ้าเป็นชุดเจ้าสาวที่ตัดเย็บแบบไฮเอนด์สักหน่อย เช่าหนึ่งวันก็ปาไปหลายพันจนถึงหลักหมื่นหยวนแล้ว
ชุดเจ้าสาวที่หวังเวยเวยออกแบบด้วยตัวเอง เช่าหนึ่งวัน อย่างน้อยก็น่าจะราคาหกหลักแล้ว
หากต้องการซื้อก็จะแพงขึ้นไปอีก อย่างน้อยก็ต้องหลายล้านแล้ว!
จางเสี่ยวม่านรู้สึกว่าเดิมทีตัวเองก็ไม่คู่ควรกับชุดแต่งงานหรูหราแบบนี้อยู่แล้ว แม้ว่าจะเป็นเพียงการลูบคลำ ก็เกรงว่าจะทำให้ข้าวของคนอื่นเสียหายเอาได้ กลัวว่าตัวเองจะชดใช้ไม่ไหว
ดังนั้นยิ่งไม่ต้องพูดถึงการสวมชุดเจ้าสาวที่หรูหราแบบนี้เลย ไปเข้าพิธีแต่งงานได้ก็พอแล้ว
ส่วนเซียวชูหรันก็ไม่อยากให้เย่เฉินต้องติดค้างน้ำใจคนอื่นมากเกินไปเพื่อตัวเอง
ตอนนี้เย่เฉินมองเห็นทั้งสองคนยังคงทึ่มทื่ออยู่ จึงเอ่ยยิ้มๆ ว่า “พวกคุณสองคนยังตะลึงกันอยู่ทำไมล่ะ รีบเข้าไปเถอะ พวกเราเหลือเวลาไม่มากแล้วนะ”
เซียวชูหรันถึงได้สติกลับมา เวลาไม่เช้าแล้วจริงๆ ถ้าโอ้เอ้อีกล่ะก็เกรงว่าคงไปสายแล้ว ดังนั้นเห็นทีว่าจะไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว
หากว่าจางเสี่ยวม่านไม่เลือกชุดเจ้าสาวสักชุดจากร้านของซ่งหวั่นถิง เช่นนั้นเธอก็มีแต่ต้องสวมชุดแต่งงานเก่าคร่ำคราตัวนี้ไปเข้าพิธีแต่งงานแล้ว
ระหว่างทางที่มา เธอได้สอบถามถึงที่มาของชุดเจ้าสาวตัวนี้จากจางเสี่ยวม่านเป็นการเฉพาะแล้ว ด้วยความที่จางเสี่ยวม่านต้องการประหยัดเงิน เธอจึงไปเช่าชุดเจ้าสาวที่ตกยุคอย่างยิ่งมาจากร้านชุดเวดดิ้งเล็กๆ แห่งหนึ่งในเขตชานเมือง ด้วยราคาสามร้อยหยวนต่อวัน
เดิมทีเธอก็ถูกบ้านสามีเหยียดหยามอยู่แล้ว หากว่ายังสวมชุดเจ้าสาวราคาถูกแบบนี้ ที่แม้กระทั่งลูกไม้ก็หลุดรุ่ยออกไปหมดแล้ว แบบนั้นเกรงว่าบ้านสามีเธอคงดูแคลนเธอยิ่งขึ้นไปอีก
ด้วยเหตุนี้ เธอจึงดึงมือของจางเสี่ยวม่าน เอ่ยว่า “เสี่ยวม่าน พวกเรารีบเข้าไปกันเถอะ ให้คุณหนูซ่งช่วยเลือกชุดเจ้าสาวที่เหมาะสมให้เธอสักชุด”
จางเสี่ยวม่านเอ่ยอย่างประหม่า “ชูหรัน ชุดเจ้าสาวของที่นี่ราคาแพงเกินไปทั้งนั้น ฉันไม่กล้าใส่หรอก…”
เซียวชูหรันรีบเอ่ยว่า “ถ้าไม่ใส่ เธอก็ทำได้แค่ใส่ชุดนี้ไปแล้วนะ พอถึงเวลาไม่รู้ว่าแม่สามีเธอพูดว่ายังไงบ้าง เธอดูสิรถหรูขนาดนี้เย่เฉินก็ยังยืมมาได้เลย ในเมื่อพวกเราคิดโอ้อวดแล้ว งั้นก็ต้องอวดให้ถึงที่สุด ให้บ้านสามีเธอได้เห็นดีกันบ้าง!”
พอพูดจบ เธอก็มองไปที่ซ่งหวั่นถิง กล่าวอย่างซาบซึ้ง “คุณหนูซ่งคะ วันนี้ต้องรบกวนคุณแล้วจริงๆ จางเสี่ยวม่านเพื่อนสมัยมัธยมปลายคนนี้ของฉัน วันนี้เธอจะแต่งงานค่ะ รบกวนคุณช่วยหาชุดเจ้าสาวที่เหมาะสมกับเธอให้สักชุดเถอะค่ะ!”
ซ่งหวั่นถิงพยักหน้ายิ้มแวบหนึ่ง ตอบไป “คุณนายเย่ คุณเกรงใจเกินไปแล้วค่ะ เรื่องของคุณหนูจางยกให้เป็นหน้าที่ฉันเถอะค่ะ”
“แต่ว่า…” จางเสี่ยวม่านยังคงอิดออดอยู่บ้าง
เซียวชูหรันตัดสินใจแล้ว ดึงมือของจางเสี่ยวม่าน สาวเท้าก้าวเข้าไปในร้านชุดเวดดิ้ง เอ่ยไปด้วยว่า “ไม่มีแต่อะไรทั้งนั้น วันนี้ไม่ว่ายังไงก็จะไม่ปล่อยให้บ้านสามีของเธอดูแคลนเธอได้อีก!”
จางเสี่ยวม่านถูกเซียวชูหรันลากเข้าไปในร้านชุดเวดดิ้ง พอก้าวเข้าประตูไป ก็ยิ่งถูกชุดเจ้าสาวที่หรูหราฟู่ฟ่าชุดแล้วชุดเล่าทำเอาตกตะลึง
ไม่มีผู้หญิงคนไหนที่ไม่ชอบชุดเจ้าสาว ดังนั้นทั้งสองคนมองแค่แวบเดียว ก็ถูกชุดเจ้าสาวภายในร้านดึงดูดให้ถลำลึกแล้ว
ซ่งหวั่นถิงเป็นคุณหนูใหญ่ตระกูซ่ง รวมถึงเป็นเจ้าบ้านตระกูลซ่งคนปัจจุบัน ได้สวมบทบาทเป็นพนักงานบริการแล้ว พวกเธอสองคนเดินมาหน้าราวชุดเจ้าสาวราวหนึ่ง เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “คุณนายซ่ง คุณหนูจาง ชุดเจ้าสาวในราวนี้วนเป็นชุดที่ปกติแล้วปล่อยให้เช่าค่ะ วันนี้คุณหนูจางสามารถเลือกตัวที่ถูกจากราวนี้ได้ตามใจชอบเลยนะคะ”
เซียวชูหรันรีบเอ่ยถาม “คุณหนูซ่งคะ ไซส์พอดีตัวทั้งหมดเลยไหมคะ? เพื่อนร่วมชั้นของฉันค่อนข้างผอมอยู่บ้าง”
ซ่งหวั่นถิงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ชุดเจ้าสาวพวกนี้ล้วนออกแบบมาอย่างพิถีพิถันค่ะ ด้านในมีหลายจุดที่สามารถปรับแก้ได้ ดังนั้นส่วนใหญ่แล้วขอเพียงผู้สวมทำการปรับให้ดี ก็จะดูเหมือนสั่งตัดมาให้พอดีโดยเฉพาะเลยค่ะ ดังนั้นคุณสบายใจได้เลยค่ะ”
พอพูดแล้ว ซ่งหวั่นถิงก็มองไปที่จางเสี่ยวม่านอีกครั้ง ยิ้มน้อยๆ กล่าวไปว่า “หากว่าคุณหนูจางถูกใจตัวไหนก็บอกฉันนะคะ ฉันจะได้ให้พนักงานร้านเวดดิ้งมาช่วยคุณลองชุดเจ้าสาวดู”
จางเสี่ยวม่านตัดสินใจไม่ได้ชั่วขณะ ถึงอย่างไรสำหรับตัวเธอแล้ว ข่าวของที่นี่ล้วนเป็นสิ่งที่อยู่นอกเหนือจินตนาการของเธอทั้งสิ้น
ด้วยเหตุนี้ เธอจึงฝากความหวังเอาไว้กับเซียวชูหรันที่อยู่ข้างๆ
————