ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - 1270
เฉินตัวตัวขมวดคิ้วถาม “เถ้าแก่พวกคุณนี่คิดมากเกินไปหรือเปล่า? ตอนนี้มันศตวรรษที่21เข้าไปแล้ว กฎหมายเกี่ยวกับลิขสิทธิ์น่ะเข้มงวดมาก ขอแค่ยาของพวกคุณจดสิทธิบัตรลิขสิทธิ์ ก็ไม่จำเป็นต้องกังวลว่าคนอื่นจะขโมยสูตรยาคุณไปหรอกนะ”
เว่ยเลี่ยงส่ายหัวบอก “คุณเฉินยังไม่รู้ครับว่า ธุรกิจยารักษาโรคตอนนี้ การป้องกันลิขสิทธิ์ที่เข้มงวดอย่างแท้จริงและทำตามได้จริง มีแต่ยาเคมีสังเคราะห์เท่านั้นเอง”
เฉินตัวตัวถาม “ยาเคมีสังเคราะห์ หมายความว่ายังไง?”
เว่ยเลี่ยงบอก “ยาเคมีสังเคราะห์มีสูตรส่วนผสมทางเคมีที่ชัดเจนและเข้มงวด การผสมผสานทางเคมีของมันก็ค่อนข้างเสถียร อย่างเช่นยา Gelenin ซึ่งเป็นยาเฉพาะทางสำหรับใช้รักษาโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว จากโครงสร้างทางเคมี มันคือ Imatinib Mesylate นี่เป็นหนึ่งในยารักษาเนื้องอกที่ขายดีที่สุดชนิดหนึ่งของโลก โดยมันผลิตจากบริษัทNovartis ขอเพียงบริษัทNovartisจดลิขสิทธิ์เพื่อรับสิทธิบัตรในสูตรยาตัวนี้ งั้นบริษัทอื่นขอเพียงผลิตยาที่มีส่วนประกอบแค่ส่วนเดียวเหมือนกัน ก็จะถือว่าละเมิดลิขสิทธิ์ทันที”
ชะงักไปเล็กน้อย เว่ยเลี่ยงพูดต่ออีกว่า “แต่ว่า ยาจีนตัวมันเองน่ะไม่ใช่ผลิตภัณฑ์เคมี มันเกิดจากการที่ส่วนผสมของยาหลายๆอย่างประกอบเข้าด้วยกัน ใช้สัดส่วนที่แน่นอนมาประกอบ เพื่อให้ได้ผลในการรักษา สูตรยาแบบนี้ยากมากที่จะขอจดลิขสิทธิ์ได้ ยากต่อการจดสิทธิบัตรให้ได้รับความคุ้มครองตามกฎหมาย ยิ่งยากต่อการฟ้องผู้อื่นในข้อหาละเมิดลิขสิทธิ์ด้วย”
“ยกตัวอย่างเช่น Banlangen Granules ทุกคนรู้จักใช่ไหม? ส่วนประกอบหลักของมันคือ Banlangen และ Sucrose สองส่วนผสมนี้คุณจะขอจดลิขสิทธิ์ยังไง? ของชนิดนี้ ขอเพียงสูตรโดนขโมย ประชาชนคนธรรมดาขอเพียงได้สูตรมา ทำยาขึ้นมาเองที่บ้านก็ยังได้ โรงงานผลิตยาจะฟ้องร้องชาวบ้านธรรมดาก็ไม่ได้จริงไหม”
เฉินตัวตัวบอก “ต่อให้ฟ้องร้องคนธรรมดาไม่ได้ แต่อย่างน้อยโรงงานผลิตก็ฟ้องคดีละเมิดลิขสิทธิ์ได้นี่นาใช่ไหม?”
เว่ยเลี่ยงส่ายหัวบอก “คุณเฉิน คุณคิดง่ายเกินไป ประการแรกมันเป็นการยากที่จะขอจดลิขสิทธิ์กับของที่มีอยู่ในธรรมชาติ ก็เหมือนกับ ข้าวเป็นอาหารหลักแทบทุกทวีป ถ้าเกิดจู่ๆวันหนึ่งมีฝ่ายวิจัยพบว่า ข้าวสามารถเอามารักษาโรคบางโรคได้ และก็มีบริษัทยาเข้ามาจะขอจดลิขสิทธิ์สิทธิบัตรข้าว มันเป็นไม่ได้เลยที่องค์การสิทธิบัตรจะอนุมัติ”
“แถมต่อให้เป็นสูตรยาซับซ้อนแค่ไหน ต่อให้จดลิขสิทธิ์ได้ โอกาสที่จะโดนคู่แต่งตีก็มากเหมือนกัน ยกตัวอย่างสูตรยาระเหยความชื้น ขอแค่คุณปรับเปลี่ยนเล็กน้อยบนพื้นฐานเดิม อย่างเช่น เปลี่ยนส่วนผสมของปริมาณนิดหน่อย ตัวยาบางอย่างเปลี่ยนเป็นยาตัวอื่นที่เป็นชนิดเดียวกัน ก็จะสามารถหลีกเลี่ยงการละเมิดลิขสิทธิ์ได้อย่างสมบูรณ์แบบ โดยที่ไม่กระทบฤทธิ์ยาอะไรเท่าไหร่ด้วย”
“ดังนั้นสรุปแล้ว การปกป้องลิขสิทธิ์ของยาจีนถือว่าอ่อนมาก อยากจะหลบเลี่ยงคนละเมิดลิขสิทธิ์ในขอบเขตใหญ่ วิธีที่ดีที่สุดคือปล่อยขายออกมาก่อน ให้ผู้บริโภคยอมรับในแบรนด์และยาของเรา แบบนี้ต่อให้คู่แข่งจะสามารถผลิตยาคล้ายคลึงกับเราออกมา พวกเราก็ยังสามารถแย่งโอกาสปรากฏตัวต่อหน้าผู้บริโภคได้ก่อน”
“มันก็เหมือนกับหยุนหนานไป๋เหยา ยาในท้องตลาดที่มีสรรพคุณพอๆกับหยุนหนานไป๋เหยา ที่จริงแล้วมีเยอะมาก ส่วนผสมและสูตรของพวกมันที่จริงแล้วพอๆกัน แต่เพราะหยุนหนานไป๋เหยาออกมาก่อน และในหมู่ประชาชนแล้ว มีกลุ่มคนที่พื้นฐานดีมาก ดังนั้นพวกยาลอกเลียนแบบเลยทำอะไรพื้นฐานของหยุนหนานไป๋เหยาไม่ได้”
เฉินตัวตัวเบ้ปากบอก “คุณพูดมาเยอะขนาดนี้ ฉันถามคุณแค่คำถามเดียวเลยว่า สูตรยานี้ของพวกคุณก็เอามาจากสูตรสมุนไพรจีนโบราณด้วยไหม? นี่มันเท่ากับว่า พวกคุณกำลังขโมยผลลัพธ์ของบรรพบุรุษมาเหมือนกัน?”
เว่ยเลี่ยงส่ายหัวบอก “อันนี้ผมไม่แน่ใจจริงๆ”
“คุณไม่แน่ใจ?” เฉินตัวตัวยิ่งเซ็งหนัก รุกถามเขาว่า “ยาที่คุณผลิตเอง สูตรยามาจากไหน คุณไม่แน่ใจเนี่ยนะ?”
เว่ยเลี่ยงพูดอย่างจริงจังมากว่า “สูตรยามาจากเถ้าแก่เราครับ”
“เถ้าแก่พวกคุณ?” เฉินตัวตัวถามอย่างตกใจ “เถ้าแก่เป็นหมอหรอ?”
เว่ยเลี่ยงสีหน้าเคารพขั้นสุด ถอนหายใจยาวพลางว่า “เถ้าแก่ของเรา เป็นคนจริง หมอเทวดาตัวจริง!”
“เชอะ!” เฉินตัวตัวเบ้ปากอย่างดูถูก “อย่ามาโม้หน่อยเลย คนจริงอะไรกัน หมอเทวดาเนี่ยนะ สมัยนี้ยังมีคนใช้ฉายาพวกนี้อีกหรือไง?”