ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - 1292
ผู้อำนวยการเห็นถังซื่อไห่โทรศัพท์เสร็จ ก็เอ่ยถามขึ้นอย่างเคารพนบนอบว่า “คุณพ่อบ้านถัง ตอนนี้ผมทางนี้ควรจะทำอย่างไรดีครับ?”
ถังซื่อไห่ถอนหายใจออกมา เอ่ยขึ้น “ในเมื่อคุณชายได้รับรู้แล้ว พวกคุณก็ไม่มีความจำเป็นต้องอยู่ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าอีกต่อไป ภายหลังจากนี้ยังไงก็กลับไปยังตำแหน่งงานของตระกูลเย่เถอะ ผมจะเตรียมการปักหลักให้กับพวกคุณให้ดี หลายปีมานี้ ลำบากพวกคุณแล้ว!”
ผู้อำนวยการรีบโค้งตัวเอ่ยขึ้นในทันที “คุณพ่อบ้านถัง ท่านชายรองก่อนตายมีบุญคุณอันยิ่งใหญ่ต่อพวกเรา พวกเรารับใช้คุณชายเย่เฉิน แม้ต้องตายเป็นหมื่นครั้งก็ไม่ปฏิเสธครับ!”
ถังซื่อไห่พยักหน้าเล็กน้อย เอ่ยขึ้น “พวกคุณต่างก็เป็นหัวกะทิที่ท่านชายรองลำบากบ่มเพาะมาหลายปี สิบกว่าปีมานี้ ลดสถานะมาอยู่ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าเล็กๆแห่งหนึ่ง สำหรับพวกคุณแล้วไม่เพียงแค่ลำบาก หากแต่ยังไม่ได้รับความเป็นธรรมอีกด้วย ช่วงนี้ตั้งใจพักผ่อนกันให้ดีๆ”
“รอคุณชายมีวันหนึ่งที่ได้สืบทอดตระกูลเย่ พวกคุณต่างก็คือแขนและขาที่สำคัญของคุณชาย ถึงเวลานั้นค่อยจงรักภักดีต่อคุณชายให้ดี!”
“คุณชายคือคนที่เราเห็นมาจนเติบใหญ่ นิสัยที่แท้จริงของท่านเมตตาปรานี ศีลธรรมเที่ยงแท้ หากมีสักวันที่ท่านสามารถกุมอำนาจตระกูลเย่ เชื่อว่าท่านก็ไม่มีทางปฏิบัติไม่ดีกับพวกคุณอย่างแน่นอน”
ผู้อำนวยการรีบพยักหน้าเอ่ยขึ้นในทันที ““นี่ก็เป็นเพราะคุณชายได้รับความทุกข์ยากมากมายมาตั้งแต่เด็ก ดังนั้นถึงได้มีธาตุแท้ที่ล้ำค่าแบบนี้ ธาตุแท้แบบนี้บนตัวของท่าน คือสิ่งที่ผมมองไม่เห็นบนร่างกายของลูกคนรวยทั้งหมด”
ถังซื่อไห่ยิ้มขึ้นเล็กน้อย “ดังนั้น ให้คุณชายได้รับความทุกข์ยากที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าในปีนั้น ตอนนี้ดูแล้วก็ไม่แน่ว่าจะเป็นเรื่องเลวร้ายเสมอไป คุณชายสุดท้ายก็คือลูกชายเพียงคนเดียวของท่านชายรอง ดังคำกล่าวที่ว่ามังกรให้กำเนิดมังกร หงส์ให้กำเนิดหงส์ ผมเชื่อว่าระดับความสามารถของคุณชายในอนาคต ไม่มีทางแย่กว่าท่านชายรองเป็นอันขาด!”
พูดจบ ถังซื่อไห่ก็โบกมือ เอ่ยขึ้นอย่างอารมณ์ดีว่า “เอาล่ะ ผมกลับเย่นจิงแล้ว คุณสองสามวันนี้เปิดประชุมกับทุกคน จากนั้นก็นำสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าส่งมอบให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของท้องถิ่นจินหลิงก็แล้วกัน พรุ่งนี้ผมจะให้เงินกับพวกคุณจำนวนหนึ่ง พวกคุณกลับไปเยี่ยมครอบครัวก่อน จากนั้นไปหาสถานที่พักร้อนสบายๆแห่งหนึ่ง ตั้งใจพักผ่อนให้ดีๆ”
ผู้อำนวยการโค้งคำนับอีกครั้งพร้อมกับเอ่ย “ขอบคุณครับคุณพ่อบ้านถัง!”
พูดจบ ถึงได้ถามขึ้นมาอีกว่า “ใช่แล้วครับคุณพ่อบ้านถัง เสียวหลี่ทำอย่างไรดีครับ? ก่อนหน้านี้เธอไม่รู้อะไรเลย แต่ตอนนี้เธอได้รู้เรื่องภายในไปไม่น้อยแล้ว”
ถังซื่อไห่เอ่ย “เธอหลายปีมานี้เพื่อดูแลคุณชาย ก็สิ้นเปลืองแรงใจไปไม่น้อย อายุก็ไม่ใช่เด็กๆแล้ว เป็นเวลาปลดเกษียณบำรุงรักษาอายุให้ยืนยาวแล้ว ผมมีคฤหาสน์แห่งหนึ่งที่แคนาดา ก็มอบให้เธอเลี้ยงดูตนเองยามแก่ก็แล้วกัน ต่อไปยังไงก็อย่าให้เธอเจอคุณชายอีกจะดีกว่า รอหลังจากที่คุณชายสืบทอดตระกูลเย่อย่างราบรื่นค่อยว่ากัน”
ผู้อำนวยการเอ่ย “เสียวหลี่ยังมีลูกสาวบุญธรรมคนหนึ่ง ก็ทำงานอยู่ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าเช่นเดียวกัน เป็นเด็กกำพร้าที่โตมาพร้อมกับคุณชาย ตอนนี้เธอยังไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้ ผมกลัวว่าเสียวหลี่จะทำใจจากเธอไม่ลง”
ถังซื่อไห่ถอนหายใจออกมา จากนั้นเอ่ยขึ้น “ลองพูดคุยกับเด็กผู้หญิงคนนั้น เลือกบอกกับเธอบางเรื่อง จากนั้นก็ให้เธอไปแคนาดาเป็นเพื่อนแม่บุญธรรมของเธอก็แล้วกัน ที่นั่นคนเชื้อสายจีนเยอะมาก ความต้องการพื้นฐานด้านภาษาก็ไม่สูง สองแม่ลูกอยู่ที่นั่นสามารถเริ่มต้นชีวิตใหม่ได้อย่างไวมาก พื้นฐานของเด็กผู้หญิงคนนั้นผมเคยตรวจสอบ สะอาดมาก อีกทั้งเธอชอบคุณชาย ไม่มีทางทำเรื่องที่ไม่ส่งผลดีต่อคุณชายโดยเด็ดขาด”
“ครับ!”
คืนนี้ สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าจินหลิงเปลี่ยนคนในองค์กรครั้งใหญ่อย่างสำเร็จลุล่วงภายในทันทีทันใด
ทุกคนต่างก็กำลังปิดปากไม่พูดไม่จา เก็บข้าวของของตนเอง เจ้าหน้าที่จากในเมืองก็รีบเข้ามารับมอบงานกับเจ้าหน้าที่กลุ่มเดิม
ไม่มีใครรู้ ว่าทำไมทีมบริหารของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าแห่งหนึ่ง ตั้งแต่ผู้อำนวยการจนถึงผู้ที่ทำงานในครัวทั้งหมด คิดไม่ถึงเลยว่าต่างก็ต้องเปลี่ยนทิ้งทั้งหมดภายในเดี๋ยวนั้น หรือว่าคนเหล่านี้ทำความผิดร้ายแรงอะไร?
แต่พวกเขาจินตนาการไม่ออก ว่าคนเหล่านี้ ก็เหมือนเป็นกองทัพที่มีวินัยเข้มงวดมากกองทัพหนึ่ง พวกเขาได้ทำสงครามที่ยืดเยื้อยาวนานฉากนี้เสร็จแล้ว ตอนนี้ ก็เป็นเวลาที่ต้องรีบออกจากสนามรบอย่างเป็นระเบียบแล้ว
ป้าหลี่แม้ว่าจะทำใจไม่ได้เป็นอย่างมาก แต่เธอเองก็รู้ดีว่า ก่อนหน้านี้ตนเองก็เหมือนกับเย่เฉิน สับสนมึนงงไม่รู้เรื่องราวเหล่านี้ แต่ว่าตอนนี้ ตนเองได้รู้เรื่องภายในบางอย่างแล้ว รู้แล้วว่าสถานะที่แท้จริงของเย่เฉินก็คือคุณชายแห่งตระกูลเย่เมืองเย่นจิง
ดังนั้น เธอเองก็เข้าใจดีว่า ตนเองไม่อาจจะอยู่ที่นี่ต่อไปได้แล้ว
ในเมื่อรู้ข่าวเหล่านี้ ไม่อาจพูดคือการถูกดึงลงน้ำไปด้วย แต่อย่างน้อยที่สุดก็ไม่อาจอยู่ตัวคนเดียวได้อีกต่อไป
ตนเองในตอนนี้ ได้ถูกพาเข้าไปในกลุ่มนี้แล้ว ก็ต้องฟังคำสั่งจากคนตระกูลเย่
ด้วยเหตุนี้ เธอจึงได้ทำการตัดสินใจ ฟังคำสั่งจากผู้อำนวยการ ไปพักตัวที่แคนาดาก่อนชั่วคราว
สำหรับหลี่เสี่ยวเฟิน ป้าหลี่ไม่ได้บอกความจริงกับเธอ เพียงแต่บอกเธอว่า ผู้มีเมตตาที่ช่วยเหลือให้ทุนเธอรักษาพยาบาลในก่อนหน้านี้ ให้ทุนตนเองไปพักฟื้นที่ต่างประเทศช่วงระยะเวลาหนึ่งอีก เธอก็ไม่ได้มีญาติสนิทหรือคนใกล้ชิดอะไร ดังนั้นก็เลยหวังว่าหลี่เสี่ยวเฟินจะสามารถไปเป็นเพื่อนกับเธอ
หลี่เสี่ยวเฟินเห็นป้าหลี่เป็นเหมือนกับแม่แท้ๆ แน่นอนว่าก็ต้องตอบรับโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อยเป็นธรรมดา จึงเริ่มเก็บข้าวของ เตรียมตัวเดินทางออกจากประเทศกับเธอเช่นเดียวกัน
ป้าหลี่คิดว่า รอหลังจากที่ถึงแคนาดาแล้ว ค่อยบอกเรื่องเหล่านี้กับหลี่เสี่ยวเฟินอีกที