ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - 130 บริษัทเล็ก ๆที่ไร้ศักยภาพ(2)
บทที่ 130 บริษัทเล็ก ๆที่ไร้ศักยภาพ(2)
เซียวชูหรันฟังแล้วรู้สึกรู้สึกอึดอัดไม่สบายใจ แล้วกล่าวว่า “ประธานเหมย เย่เฉินอยู่บ้านก็ทำหลายเรื่อง และยังมีอีกเรื่อง คุณช่วยกรุณาเรียกชื่อเต็มของฉันเซียวชูหรัน ฉันไม่เคยชินที่บุคคลภายนอกมาเรียกชื่อเล่นฉัน”
“เขาอยู่ที่บ้านทำเรื่องอะไรบ้าง ทำกับข้าว? หุงข้าว? หรือว่าซักผ้า? ”
เหมยผิงอดไม่ได้จึงหัวเราะเสียงดังฮ่า ๆ และกล่าวว่า “ชูหรัน หากสามีของคนหางานไม่ได้ พอดีบริษัทของผมกำลังรับสมัครตำแหน่ง รปภ ให้เขามาลองทำดู”
พูดจบ เขาก็พูดต่อแบบทีเล่นทีจริง “ชูหรัน หากผมเป็นคุณ จะไม่แต่งงานกับผู้ชายที่ยังหางานทำไม่ได้ ควรจะหย่ากับคนไร้ประโยชน์แบบนี้ไปตั้งนานแล้ว”
เซียวชูหรันขมวดคิ้ว กำลังคิดที่จะพูด ทันใดนั้นเธอก็รู้สึกถึงไอเย็นอยู่รอบ ๆ ตัว
เธอหันศีรษะ เห็นเย่เฉินยืนขึ้นแล้ว พร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้าของเขา กล่าวกับเหมยผิงว่า “ผมได้ยินชื่อของประธานเหมยมานานแล้ว ชื่อของคุณก็เหมือนนิสัยคุณจริง ๆ ผมก็มีประโยคหนึ่ง จะพูดกับประธานเหมย”
เหมยผิงสีหน้าเคร่งขรึม “คุณอยากพูดอะไร”
เขาคิดว่าคนไม่เอาถ่านอย่างเย่เฉิน ไม่กล้าทำอะไรเขาหรอก!
เย่เฉินวางมือทั้งสองบนโต๊ะ และโน้มตัวไปข้างหน้าเล็กน้อย ยิ้มแล้วกล่าวว่า
“สิ่งที่ผมอยากจะบอกคือ การเป็นคนนั้น จะเป็นคนไม่เอาถ่านก็ได้ เป็นคนไร้ความสามารถก็ได้ แต่ต้องไม่เป็นคนที่ไม่มีศีลธรรม เพราะคนที่ไม่มีศีลธรรม ก็จะไม่ใช่คนแล้ว จะเป็นสัตว์เดรัจฉาน!”
พูดจบ เขาใช้มือทั้งสองข้างยกถ้วยซุปโหลถัง และเทลงบนหัวของเหมยผิง
เหมยผิงร้องเสียงดัง โดนน้ำซุปลวกจนกระโดดขึ้นมา
เซียวชูหรันตกใจจนหน้าซีด หลังจากมึนงงไปชั่วขณะ จากนั้นรีบเรียกพนักงานบริการนำผ้าเช็ดปากมา
ซุปโหลถังที่ค่อนข้างร้อน ลวกจนทำให้ใบหน้าของเหมยผิงแดงเป็นแผ่น น้ำซุปที่ข้นไหลลงคอ และไหลเข้าไปในเสื้อผ้าของเขา ตอนนี้ทั้งตัวของเขาเหนียวเหนอะหนะไปหมด และยังมีใบผักแขวนอยู่บนกรอบแว่นของเขา
เหมยผิงแยกเขี้ยวยิงฟัน ร้องครวญครางไม่หยุด
ผู้จัดการรีบมาพร้อมกับพนักงานบริการสองสามคน เมื่อเห็นสถานการณ์เช่นนี้ก็ตกใจ และรีบสั่งให้พนักงานบริการช่วยเหลือ
เหมยผิงถอดแว่น แล้วตะโกนใส่เย่เฉินด้วยความโกรธ “แกมันรนหาที่ตาย!!”
เมื่อพูดจบ เขาแสดงสีหน้าที่ดุร้าย ชี้มือไปที่เย่เฉิน แล้วรีบหยิบโทรศัพท์แล้วโทรออกทันที
“ฮาโหล เสี่ยวเว่ย หาคนมาที่โรงแรมหยูนหลาย เรียกมาเยอะหน่อย มีหมาจน ๆไร้ดวงตาอยู่ตัวหนึ่ง ต้องการให้ฉันสั่งสอนมันหน่อย!”
เมื่อได้ยินเหมยผิงโทรศัพท์เรียกคนมา เซียวชูหรันรีบขอโทษเหมยผิง “ประธานเหมย ต้องขอโทษด้วย เมื่อสักครู่สามีฉันอารมณ์วู่วามไปหน่อย….”
“ไม่ต้องมาพูด เขาใช้ซุปร้อน ๆ ลาดหัวผม วันนี้ยังไงก็ต้องให้เขาคุกเข่าต่อหน้าผม” เหมยผิงพูดด้วยความโกรธ
เมื่อเห็นว่าเหมยผิงยังอยู่ในอารมณ์โกรธอยู่ เซียวชูหร้นก็รีบหันกลับมาและพูดกับเย่เฉิน “คุณออกไปก่อน ฉันจะอธิบายให้ประธานเหมยฟังเอง”
“ไม่ต้องไปสนใจเขา กลับไปกับผม” เย่เฉินกล่าว แล้วก็เอี่ยมมือไปดึงเซียวชูหรัน
เซียวชูหรันหน้ามุ้ย แล้วผลักเขาออกไปและพูดอย่างโกรธ ๆ “ประธานเหมยเป็นเจ้าของบริษัทเฉียนเฉิง เขามีอิทธิพลมากต่อแวดวงธุรกิจก่อสร้างในเมืองจินหลิง เขารู้จักผู้คนมากมายทุกระดับ! ฉันร่วมทำงานกับเขาได้หรือไม่มันก็ไม่สำคัญ บางเรื่องไม่ใช่ว่าคุณมีแรงเยอะ ก็จะสามารถแก้ปัญหาได้ ”
เย่เฉินพูดว่า “บริษัทเล็ก ๆที่ไม้ศักยภาพ ไม่อยู่ในสายตาผม”
“บริษัทเล็ก ๆ”
เซียนชูหรันถูกเขาทำให้โกรธจนเวียนหัว
บริษัทเฉียนเฉิงอยู่ในแวดวงธุรกิจก่อสร้างในเมืองจินหลิง ถึงจะด้อยยังไงก็ติดหนึ่งในห้า ซึ่งมีขนาดใหญ่กว่าบริษัทเซียวซื่อ
เธอกลัวว่าเย่เฉินจะทำให้ประธานเหมยขุ่นเคืองอีกครั้ง พูดด้วยใบหน้าที่เย็นชา “เย่เฉิน เรื่องนี้ฉันจะจัดการเอง คุณออกไปก่อน แล้วรอฉันอยู่นอกประตู!”