ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - 135 รักษาช่วยชีวิตคน(1)
บทที่135 รักษาช่วยชีวิตคน(1)
ในขณะนี้ เมื่อเผชิญหน้ากับคำถามของเซียวชูหรัน แม่ยายหม่าหรันก็พูดอย่างโกรธ ๆ “ไม่ว่าจะยังไง เลือดที่ไหลอยู่ในตัวลูกก็เป็นของตระกูลเซียว! นอกจากนี้ คุณย่าของลูกได้ขอโทษแม่แล้ว และเธอบอกว่าเลอะเลือนไปชั่วขณะ เพราะถูกเซียวไห่หลงยุยงจนทำให้เธอโกรธ และตอนนี้ก็ลงโทษเซียวไห่หลงอย่างหนักแล้ว ลูกยังไม่พอใจอะไรอีก? ”
เซียวชูหรันพูดด้วยความโกรธว่า “ถึงแม้ว่าจะขอโทษแล้วยังไงล่ะ คนอย่างคุณย่า ฉันเข้าใจเธอที่สุดแล้ว ถึงแม้ว่าเธอจะขอโทษ ก็ไม่จริงใจแน่นอน! เธอเพียงแค่หวังจะให้ฉันกลับไป เพื่อช่วยเธอทำโครงการร่วมธุรกิจกับตี้เหากรุ๊ปเท่านั้น”
หม่าหลันรีบเกลี้ยกล่อม “ลูกอย่าคิดว่าคุณย่าจะร้ายขนาดนั้น เราทั้งหมดก็คือครอบครัวเดียวกัน จะมีความบาดหมางยาวนานไปทำไม? ”
“ฉันกับตระกูลเซียวไม่ใช่ครอบครัวเดียวกัน เซียวชูหรันพูดด้วยความโกรธ และฉันก็ไม่สามารถกลับไปทำงานที่บริษัทเซียวชื่อได้อีก”
“ลูกพูดอย่างนี้ได้ยังไง” หม่าหลันพูดอย่างไม่พอใจ “คุณย่าของลูกรู้ถึงความผิดพลาด หรือว่าลูกต้องการให้ผู้อาวุโสแบกหน้ามาขอโทษลูกด้วยตัวเองเหรอ?”
หม่าหลันกล่าวอีกครั้งว่า “เพื่อแสดงความจริงใจ คุณย่าได้ให้สร้อยคอทองคำหนึ่งเส้น กับกำไลหยกอีกสองวงกับแม่…”
“แม่ แค่บอกว่าตรง ๆ ว่า แม่อยากได้เครื่องประดับที่คุณย่าให้ก็แค่นั้น”
ด้วยความโกรธเมื่อเซียวชูหรันพูดจบ ก็ไม่สนใจหม่าหลันอีกต่อไป หันหลังเดินกลับเข้าไปที่ห้องนอนทันที
เย่เฉินก็รีบตามไปทันที
หม่าหลันพูดอย่างโกรธ ๆ ในห้องนั่งเล่น “คุณดูลูกสาวคุณสิ”
โดยไม่คาดคิดเซียวฉางควนก็ไม่สนใจเธอ หันหลังเดินจากไป
ในห้องนอน เซียวชูหรันยังคงโกรธและบ่นกับเย่เฉินว่า “ฉันไม่คิดเลยว่า ตระกูลเซียว จะใช้เครื่องประดับเพื่อซื้อแม่ของฉัน ก็เพราะพวกเขารู้ว่าแม่ฉันเห็นเงินก็ตาโต? แม่นี่ช่างกระไร ตระกูลเซียวให้เครื่องประดับไม่กี่ชิ้น พูดดี ๆไม่กี่คำ เธอก็เลอะเลือนล่ะ และลืมไปเลยว่าก่อนหน้านั้นพวกเขาดูหมิ่นเธอยังไงบ้าง? ”
แม้ว่าในใจเย่เฉินจะรู้สึกไม่ดี แต่เขาก็ไม่ได้พูดเรื่องแย่ ๆของแม่ยาย เขาทำได้เพียงแค่พูดเกลี้ยกล่อม “ตอนที่พวกเราตัดขาดจากตระกูลเซียว ตอนนั้นแม่คุณไม่อยู่ด้วย เธอจึงไม่รู้ว่าตระกูลเซียวใช้วิธีเลวทรามต่ำช้าอย่างไง”
เซียวชูหรันกล่าวว่า “ยังไงเธอก็จะให้ฉันกลับไปทำงานที่ตระกูลเซียวอีก? ”
เย่เฉินกล่าวว่า “คุณพิจารณาเอง ไม่ว่าคุณจะตัดสินใจยังไง ผมก็จะสนับสนุนคุณทั้งนั้น”
เซียวชูหรันพยักหน้า กล่าวอย่างหนักแน่นว่า “ฉันอยากจะทำธุรกิจเอง!”
เย่เฉินยิ้มบาง ๆ “ผมก็คิดเช่นนี้เหมือนกัน หากคุณตั้งใจทำ คุณต้องประสบผลสำเร็จแน่นอน!”
ขณะที่พูด เย่เฉินคิดอยู่ในใจ ตัวเองจะหาเวลาเชิญ ฉินกางของตระกูลฉิน เฉินจื๋อข่ายของโรงแรมป๋ายจินฮ่านกง ท่านหงห้าที่คุมซอย ซ่งหวั่นถิงของตระกูลซ่ง หวังเจิ้นกางของตระกูลหวัง พวกเขาทั้งหมดออกมาทานข้าวพร้อมกัน เพื่อฝากฝังให้พวกเขาช่วยสนับสนุนธุรกิจของภรรยาเขา
ขณะที่กำลังคิดเรื่องนี้ ทันใดนั้นเย่เฉินก็ได้รับโทรศัพท์จากซ่งหวั่นถิง เธอกล่าวอย่างเคารพว่า “อาจารย์เย่ ฉันซ่งหวั่นถิง ไม่ทราบว่าคุณยุ่งอยู่ไหม?”
เย่เฉินกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ ว่า “ไม่ยุ่ง คุณซ่งมีธุระอะไรพูดมาได้เลยครับ”
ซ่งหวั่นถิงกล่าวว่า “อาจารย์เย่ ช่วงนี้คุณปู่ป่วย แต่ไม่สามารถเช็คได้ว่าเป็นโรคอะไร ไม่ทราบว่าคุณมีเวลาว่างมาดูอาการป่วยของคุณปู่ที่บ้านได้ไหม? ”
ซ่งหวั่นถิงกล่าวต่อไปว่า “คุณวางใจได้ เรื่องค่ารักษาเราจะตอบแทนอย่างงาม”
เย่เฉินคิด ซ่งหวั่นถิงเป็นถึงลูกสาวของตระกูลสูงในเมืองจินหลิง เธอสามารถช่วยสนับสนุนธุรกิจของภรรยาในอนาคตได้ ก็เลยตอบตกลงแล้วกล่าวว่า “งั้นก็เป็นคืนนี้ก็แล้วกัน”
ซ่งหวั่นถิงพูดอย่างซาบซึ้งทันทีว่า “ดีค่ะ คืนนี้ฉันไปรับคุณนะคะ!”
“ได้ครับ”
หลังจากวางสายจากซ่งหวั่นถิง เย่เฉินก็พูดกับเซียวชูหรันว่า “คืนนี้มีเพื่อนคนหนึ่งต้องการพบผม ผมไม่กินข้าวที่บ้านน่ะครับ”
เซียวชูหรันพยักหน้า และก็ไม่ได้ถามอะไร บอกเพียงว่า “คุณอยู่ข้างนอกอย่าช่วยคนอื่นดูฮวงจุ้ย ถ้าหากคนอื่นมองว่าคุณเป็นพวกต้มตุ๋น มันจะทำให้เดือดร้อนได้”
เย่เฉินยิ้มบาง ๆ แล้วกล่าวว่า “วางใจได้ ผมรู้ว่าควรจะทำอย่างไร”