ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - 138หมอเทวดาซือเทียนฉี(2
บทที่ 138หมอเทวดาซือเทียนฉี(2)
“นับว่านายยังฉลาด”
ขณะนี้ ชายวัยกลางคนคนหนึ่งเดินออกมาจากบ้านและพูดว่า “หวั่นถิง หรงวี่ ปู่ของพวกคุณกำลังจะไม่ไหวแล้ว! ”
ซือเทียนฉีถามอย่างรีบร้อนว่า “คุณท่านซ่งอยู่ที่ไหน ให้ผมไปดูหน่อย!”
“อยู่ด้านหลัง เชิญตามผมมา” ซ่งหรงวี่รีบนำทางด้วยตนเอง พาคุณปู่และหลานสาวเดินไปที่สวนหลังบ้าน
ซ่งหวั่นถิงก็รีบดึงเย่เฉินตามไปด้วย
เมื่อทุกคนมาถึง เป็นห้องหรูหราและคลาสสิก เห็นชายชราที่กำลังจะตายนอนอยู่บนเตียงขนาดใหญ่ที่ทำจากไม้พะยูง
ใบหน้าของชายชราซีดเซียวขาวเผือด และคิ้วของเขาขมวดแน่นราวกับว่าเขากำลังเจ็บปวดอย่างมาก
ซือเทียนฉีรีบกล่าวขึ้นทันทีว่า “อาการของคุณท่านซ่งค่อนข้างวิกฤต ขออนุญาตให้ผมกับหลานสาวเริ่มการรักษาทันที”
ซ่งหรงวี่รีบตอบทันที ท่านซือ “เชิญท่านลงมือรักษาเลย!”
ซือเทียนฉีพยักหน้า แต่ไม่ได้ลงมือรักษาด้วยตนเอง เขายืนอยู่ข้างเตียง ชี้นำให้หญิงสาวคนนั้นเป็นคนลงมือรักษา
มีเข็มวางอยู่บนโต๊ะข้างเตียง ผู้หญิงคนนั้นถือเข็ม และฝังเข็มไปที่ร่างของคุณท่านซ่ง
เธอมีความเชี่ยวชาญในการฝังเข็มมาก มากกว่าแพทย์แผนจีนรุ่นเก่าที่ฝึกฝนการแพทย์มาเป็นเวลา 20-30ปี ไม่น่าแปลกใจที่แม้ว่าเธอจะอายุน้อย แต่คนในตระกูลซ่งก็วางใจที่จะให้เธอรักษา
หญิงสาวคนนี้หน้าตาค่อนข้างสะสวย ไม่เพียงแต่สวยและมีเสน่ห์ มีจิตวิญญาณความห้าวหาญอยู่หว่างคิ้ว ไม่ว่าจะเป็นรูปร่างหน้าตาและความเปล่งประกาย สามารถเรียกได้ว่าสวยไม่มีที่ติ
เย่เฉินมองดูอีก ความงามของผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่อยู่ที่รูปโฉม แต่เป็นผิวพรรณของเธอต่างหาก
เพราะเขาได้เห็นแล้วว่า ตอนที่ผู้หญิงคนนี้ฝังเข็ม เธอสามารถใช้พลังชี่แท้ได้เล็กน้อย ถือได้ว่าได้ฝึกฝนมาครึ่งทาง
ตามบันทึก《ตำราเก้าเสวียนเทียน》 ลัทธิเต๋าของจีนโบราณ ได้สืบทอดต่อกันมา 5 สาขา ได้แก่ วิธีการฝึกเซียน การแพทย์ โหราศาสตร์ ฮวงจุ้ย ดูดวง
ในแนวทางปฏิบัติของทั้งห้าสาขานี้ จะมีพลังชี่แท้ไม่มากก็น้อย สามารถพูดได้ว่าได้ผ่านการฝึกฝนมาแล้ว
เย่เฉินมอบแวบหนึ่งก็รู้ ซือเทียนฉีกับหลานของเขา ได้สืบทอดวิชามาจากสาขา “วิธีการฝึกเซียน”
วิธีการฝึกเซียน ทักษะทางการแพทย์เป็นหลัก เรียนทักษะแพทย์ก่อนแล้วจึงฝึกกำลังภายใน จากนั้นฝึกฝนทักษะและกำลังภายในไปพร้อมกัน
อย่างไรก็ตาม ซือเทียนฉีปูหลานจะเป็นการฝึกฝนทักษะและกำลังภายในไปพร้อมกัน แต่มันเป็นเพียงพลังปราณปกติ ซึ่งคนปกติทั่วไปใช้ได้คือพลังชี่แท้เท่านั้น
แต่ว่าเย่เฉินได้ผ่านขั้นพลังเรกิไปแล้ว ร่างกายนั้นเหนือกว่าคนปกติทั่วไป แม้แต่ห้าสาขาในลัทธิเต๋าก็ไม่สามารถเปรียบเทียบได้
ห้าสาขาในลัทธิเต๋าที่ฝึก “พลังชี่แท้”ถ้าเทียบกับ“พลังเรกิ”ในร่างของเย่เฉิน ถึงแม้ว่าชื่อเรียกจะต่างกันแค่คำเดียว แค่ความเป็นจริงนั่น มันแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
ถ้าใช้คำพูดง่าย ๆมาอธิบายก็คือ คือความแตกต่างระหว่างถ่านหินและเพชร แม้ว่าทั้งสองชนิดจะเป็นแร่ชนิดเดียวกัน แต่ถ่านหินใช้เป็นวัตถุดิบ มีข้อจำกัดและราคาต่ำ ในขณะที่เพชรมีประโยชน์มากกว่า เมื่อผ่านการเจียระไนแล้วความสวยงาม ประกายแวววาว มีความแข็งหาที่เปรียบไม่ได้ และราคาก็ทวีคูณพันเท่า
คนไม่น้อยของห้าสาขาในลัทธิเต๋า ฝึกด้วยความลำบากมาทั้งชีวิต เพียงเพื่อหวังจะฝึกให้ถึงขั้น“พลังเรกิ”
เพราะว่า ถ้ามี“พลังเรกิ”แล้ว ถึงแม้ว่าจะมีเพียงเล็กน้อย สามารถยกระดับการฝึกให้สูงขึ้น ในขณะเดียวกันก็บรรลุวัตถุประสงค์ในการยืดอายุชีวิต
แต่ 99 เปอร์เซ็นต์ ของลูกศิษย์ห้าสาขาในลัทธิเต๋า ถึงตายก็ฝึกไม่ถึงครึ่งหนึ่งของพลังเรกิ…….