ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - 1402
พูดจบ เขาก็อดสะอื้นไห้ออกมาไม่ได้ “หลายปีมานี้ ลุงตามหาเธอตามที่ต่างๆ ไม่เจอมาตลอด ลุงเลยนึกว่าเธอจากโลกนี้ไปแล้ว…”
พูดมาถึงตรงนี้ กู้เย้นจงก็เม้มปากแน่น แต่น้ำตากลับไหลออกมาราวกับทำนบแตก
เขาฝืนกลั้นอยู่นาน น้ำตากบตาจนสายตาพร่ามัว จนท้ายที่สุดก็ปล่อยเสียงร้องไห้โฮออกมา “พี่เย่ วิญญาณพี่ที่อยู่บนสวรรค์ มองดูลูกชายของพี่สิ ลูกชายพี่กลับมาแล้ว ในที่สุดเขาก็กลับมาแล้ว ในที่สุดผมก็มีหน้าไปพบพี่ได้เสียที…”
กู้เย้นจงอารมณ์กำลังตื่นเต้น ร้องไห้อยู่ไม่เท่าไหร่ ก็ไอออกมาอย่างรุนแรง หลินหว่านชิวที่อยู่ด้านข้างรีบเช็ดน้ำตาออกจากเบ้าตา ทางหนึ่งตบหลังสามีอย่างระมัดระวัง ทางหนึ่งพูดเสียงสะอึกสะอื้นว่า “เหล่ากู้ เฉินเอ๋อกลับมาแล้วนี่เป็นเรื่องน่ายินดี คุณอย่าร้องไห้สิ ตอนนี้สุขภาพของคุณไม่สู้ดี ทนรับอารมณ์แปรปรวนมากขนาดนี้ไม่ไหวหรอก”
หลังจากที่กู้เย้นจงผ่อนคลายลงบ้างแล้ว ถึงค่อยพยักหน้าทั้งน้ำตา ก่อนจะดึงมือเย่เฉินไว้ พูดอย่างจริงจังว่า “เฉินเอ๋อ รีบนั่งเร็ว เล่าให้ลุงฟังหน่อย หลายปีมานี้เธอผ่านอะไรมาบ้าง”
กล่าวจบ เขาถึงค่อยตระหนักได้ถึงอะไรบางอย่าง รีบมองไปทางลูกสาวกู้ชิวอี๋ทันที โพล่งถามออกมาว่า “หนานหนาน แกกับพี่เย่เฉินแก ไปเจอกันได้ยังไง?!”
กู้ชิวอี๋ตาแดง กล่าวอย่างสะอึกสะอื้นว่า “พ่อ หนูขอโทษ เรื่องนี้หนูปิดบังพ่อกับแม่มาตลอด ที่จริงตอนที่หนูไปรับงานโฆษณาที่จินหลิงเมื่อคราวก่อน ก็ได้พบพี่เย่เฉินแล้ว ที่หนูยังไม่ได้บอกพวกพ่อทันที ก็เพราะคิดจะรอให้พี่เย่เฉินมาที่บ้านก่อนเพื่อเซอร์ไพรส์พวกพ่อสองคน”
กู้เย้นจงพยักหน้าติดๆ กัน ก่อนจะเอ่ยอย่างทอดถอนใจว่า “เซอร์ไพรส์! นี่มันเซอร์ไพรส์จริงๆ! เป็นเซอร์ไพรส์ที่ยิ่งใหญ่มากด้วย!”
พูดจบ สองมือเขาก็จับมือของเย่เฉินไว้ เอ่ยขึ้นอย่างจริงจังว่า “เฉินเอ๋อ ไม่ว่าหลายปีมานี้เธอจะผ่านอะไรมา กลับมาได้ก็ดีแล้ว กลับมาหนนี้ก็อย่ากลับไปจินหลิงอีกเลย การหมั้นหมายของเธอกับหนานหนานในปีนั้น เป็นลุงกับน้าหลินตกลงกันกับพ่อแม่ของเธอเอง ไม่ว่าเธอจะผ่านอะไรมา หนานหนานก็คือคู่หมั้นของเธอ ตอนนี้เธอกลับมาแล้ว สุขภาพของลุงก็ทรุดลงทุกวัน พวกเธอสองคนก็รีบอาศัยตอนที่กระดูกแก่ๆ อย่างลุงยังไม่ถูกฝังลงดิน จัดพิธีแต่งงานกันได้แล้ว!”
พอเย่เฉินได้ยินเช่นนี้ สีหน้าท่าทางก็พลันเปลี่ยนเป็นลำบากใจและละอายใจทันที
หลินหว่านชิวที่อยู่ด้านข้างเห็นเช่นนี้ ก็รีบพูดโพล่งออกมาว่า “เฉินเอ๋อ เธอไม่จำเป็นต้องกดดันทางจิตใจใดๆ หลังเธอกับหนานหนานแต่งงานกัน บ้านหลังนี้ก็คือบ้านของเธอ ไม่ว่าเธอจะกลับตระกูลเย่ก็ดี ไม่กลับตระกูลเย่ก็ช่าง เธอก็คือลูกเขยของตระกูลกู้เรา!”
คำพูดของหลินหว่านชิวค่อนข้างมีนัยแอบแฝง แต่ความหมายเย่เฉินเข้าใจดี เธอจะบอกว่า ไม่ว่าตัวเขาจะมีเงินหรือไม่มีเงิน ก็ไม่ต้องสนใจ ตระกูลกู้ก็คือบ้านของเขา
ได้ยินเช่นนี้ เย่เฉินก็อดเลี่ยงไม่ได้ที่จะเปรียบเทียบหลินหว่านชิวกับแม่ยายหม่าหลันขึ้นมา สองคนนี้ช่างต่างกันราวกับพระจันทร์กับหิ่งห้อยโดยแท้
กู้ชิวอี๋ที่อยู่ด้านข้างพูดขึ้นมาอย่างกระอักกระอ่วนว่า “พ่อ แม่ พี่เย่เฉิน เขา…ตอนนี้เขา…แต่งงานแล้ว…”
“หา?” พอสองสามีภรรยาได้ยินเช่นนี้ ก็พากันตกตะลึงพรึงเพริด!
เย่เฉินเองก็อึดอัดใจอย่างมากเช่นกัน จึงกล่าวอย่างจริงจังว่า “ขอโทษลุงกู้ น้าหลินด้วยครับ เรื่องนี้เป็นผมเองที่ทำผิดต่อหนานหนาน ผิดต่อสัญญาในปีนั้นของพวกคุณทั้งสองที่ทำกับพ่อแม่ของผม…”
กู้เย้นจงถอนหายใจออกมา ตบๆ ที่บ่าของเย่เฉิน เอ่ยขึ้นอย่างจริงจังว่า “เฉินเอ๋อ แม้ลุงจะไม่รู้ว่าหลายปีมานี้เธอผ่านอะไรมาบ้าง ซึ่งลุงพอจะเดาออกว่าหลายปีมานี้เธอจะต้องผ่านชีวิตมาอย่างยากลำบากแน่ ปีนั้นเธอ 8 ขวบก็เริ่มระหกระเหินอยู่ข้างนอก มีเรื่องราวมากมายล้วนแต่ไม่อาจทำตามใจตัวเองได้แทบทั้งสิ้น เรื่องนี้พวกเราอย่าเพิ่งคุยกันก่อน เธอเล่าให้ลุงฟังอย่างละเอียดที ว่าหลายปีมานี้เธอมีชีวิตผ่านมายังไงบ้าง”
“ใช่แล้ว” หลินหว่านชิวก็พยักหน้าเช่นกันแล้วกล่าวว่า “เรื่องหมั้นหมายสามารถหารือกันได้ พวกเรารีบกินข้าวกันก่อน กินไปคุยไป!”