ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - 1409
พวกกู้เย้นเจิ้งกับกู้เย้นกาง ตอนกำลังเข้ามา แม้จะมองเห็นเย่เฉินแล้ว แต่ก็ไม่ได้เห็นเขาอยู่ในสายตา
วันนี้ที่พวกเขามาที่นี่ เป้าหมายทั้งหมดต่างมุ่งไปที่ตัวคนทั้งสามของตระกูลกู้ กับเย่เฉิน รวมถึงคนรับใช้คนอื่นต่างมองเห็นเป็นอากาศธาตุทั้งสิ้น
แต่ว่าพวกคิดไม่ถึงว่าชายหนุ่มคนนี้ถึงกับกล้าหาเรื่องพวกเขาอยู่ที่นี่ อีกทั้งยังบอกว่าพวกเขาเป็นอันธพาล ทำให้ไฟโกรธลุกท้วมขึ้นมาทันที
ตระกูลกู้ในเย่นจิง อำนาจเป็นรองเพียงตระกูลซูและตระกูลเย่เท่านั้น ทรัพย์สินโดยรวมก็มากกว่าระดับล้านล้าน แม้กู้เย้นเจิ้ง กู้เย้นกางสองคน จะได้ทรัพย์สินกันคนละ25%ของตระกูลกู้ แต่ทุกคนที่นำออกไป ก็ล้วนแต่เป็นระดับมหาเศรษฐีทั้งนั้น คนที่ได้ยินจนชินหูเหล่านั้นที่อยู่บนป้ายจัดอันดับมหาเศรษฐีตอนนี้ล้วนไม่มีค่าให้พูดถึงทั้งสิ้น
ดังนั้น พวกเขาจะรับได้อย่างไร ที่ถูกเด็กรุ่นหลังไร้ชื่อคนหนึ่งมาร้องตะโกนใส่พวกเขาอยู่ที่นี่
ดังนั้นกู้เย้นเจิ้งจึงโกรธเป็นฟืนเป็นไฟขึ้นมาทันที ชี้เย่เฉินพลางตวาดเสียงเย็นว่า “ไอ้หนู แกรู้ไหมว่าฉันเป็นใคร? พูดจาแบบนี้กับฉันกู้เย้นเจิ้ง แกไม่อยากมีชีวิตยืนยาวแล้วใช่ไหม?”
เย่เฉินยิ้มเย็นพลางกล่าวว่า “ฉันย่อมรู้อยู่แล้วว่าแกเป็นใคร อันธพาลไงล่ะ แกคืออันธพาลหมายเลขหนึ่ง หมอนั่นที่อยู่ข้างกายแกคืออันธพาลหมายเลขสอง ยังมีไอ้เด็กอมมือคนนั้นที่ตะโกนเมื่อกี้อีก แน่นอนว่าคืออันธพาลหมายเลขสาม ส่วนคนที่เหลือหากใครอยากให้จัดลำดับล่ะก็ ก็รีบเอ่ยปากให้เร็วหน่อย เดี๋ยวจะไล่ตามหมายเลขก่อนหน้านี้ไม่ทัน!”
กู้เย้นเจิ้ง กู้เย้นกางล้วนเป็นทายาทของตระกูลกู้ ได้รับการเลี้ยงดูอย่างประคบประหงมออกมาตั้งแต่เล็ก ทั้งสองต่างเป็นแบบอย่างที่ดีของบุคคลที่มีพฤติกรรมเยี่ยงสัตว์ที่ถูกเลี้ยงดูออกมาภายใต้การสั่งสอนของบุคคลอัจฉริยะ
แล้วก็นั่นแหละ คนเช่นนี้มักดูมีการศึกษาสูง ลงมือกับคนอื่นน้อยมาก ไม่พูดจาหยาบคาย อันที่จริงภายในกลับเลวทรามสิ้นดี
สำหรับกู้เย้นเจิ้งแล้ว เมื่อก่อนหากมีคนดื่มเหล้าให้กับเขาบนโต๊ะอาหาร ระดับความสูงที่อีกฝ่ายยกแก้วเหล้า สูงกว่าแก้วเหล้าของเขาเพียงเล็กน้อย เวลานั้นใบหน้าเขาจะเจือยิ้มน้อยๆ ทำราวกับไม่สนใจ แต่พอหลังจากทานอาหารเสร็จแล้วก็จะสั่งให้บอดี้การ์ดบังคับรถของอีกฝ่ายให้หยุดทันที จากนั้นก็จะลากอีกฝ่ายลงจากรถ แล้วทำลายมือทั้งสองทิ้ง
นี่แค่เรื่องเล็กน้อยเท่านั้น อันที่จริงเมื่อริมฝีปากบนล่างของกู้เย้นเจิ้งอ้าออกครั้งหนึ่งหุบลงครั้งหนึ่ง ก็ไม่รู้ว่าทำให้คนอื่นครอบครัวล่มจมถึงขั้นบ้านแตกสาแหรกขาดมากี่คนแล้ว
เวลานี้ เย่เฉินทำตัวไม่เคารพพวกเขาเช่นนี้ ทำให้พวกเขาทุกคนโกรธจนแทบทนไหว!
ทว่าเขาเองก็ไม่รู้ที่มาของเย่เฉิน ดังนั้นในใจจึงสงสัยอยู่บ้างไม่มากก็น้อย คนผู้นี้เป็นแขกของบ้านกู้เย้นจง ย่อมจะรู้จักอิทธิพลของตระกูลกู้ กลับยังกล้าพูดจาเช่นนี้กับตัวเอง หรือเขาจะไม่รู้เบื้องหลังของตัวเองบ้างเชียวหรือ?
กู้เย้นกางเองก็คิดเช่นเดียวกัน หากอีกฝ่ายรู้ฐานะของตัวเองดี แล้วยังกล้าพูดจาสามหาวเช่นนี้ออกมา อย่างนั้นก็แสดงว่าจะต้องมีความสามารถแน่นอน
แต่กู้เหว่ยกวงที่อายุยังน้อยไม่ได้รู้จักข้อบกพร่องของตัวเองเช่นนี้
เขาด่าออกมาอย่างโมโหว่า “แม่แกสิ ไอ้สารเลวอย่างแกเป็นใคร? รู้ไหมว่าแกกำลังพูดกับใครอยู่? พวกเราเป็นคนตระกูลกู้เชียวนะ! แกอยากตายใช่ไหม?”
เย่เฉินมองเขาแวบหนึ่ง กล่าวเสียงเย็นชาว่า “เมื่อกี้แกเห่าใส่หนานหนานใช่ไหม? ดี ในเมื่อชอบเป็นหมาเที่ยวกัดคนแบบนี้ อย่างนั้นทำไมไม่ฝึกหมอบบนพื้นแล้วเห่าออกมาสองทีล่ะ หากฝึกจนทำให้ฉันพอใจ ฉันอาจจะปล่อยแกไปสักครั้งก็ได้!”