ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - 1493
พอได้ยินว่าต้องการให้ปั่นจักรยานไปเองจากเย่นจิงถึงจินหลิง จากนั้นก็ให้อยู่เป็นคนขับรถที่จินหลิงนานหนึ่งปี ขงเต๋อหลงก็มีความคิดอยากจะถอดใจแล้ว
สำคัญคือระยะทางนี้เกือบ1200กว่ากิโลเมตร หากต้องปั่นจักรยานไปเองจริง จะไม่ทำคนเหนื่อยตายหรือ?
อีกทั้งยังเป็นเดือนที่หนาวที่สุด ต้องปั่นลงใต้ไปตลอดทาง แถมไม่อนุญาตให้ตนพักโรงแรมอีก เรียกร้องได้โหดร้ายเกินไปหน่อยหรือไม่?
ขงเต๋อหลงในใจรู้สึกไม่เป็นธรรมอย่างยิ่ง ไม่ทันระวัง น้ำตาก็ไหลกลิ้งลงมา
นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน…
คุณชายสามแห่งตระกูลขงอันยิ่งใหญ่ ปั่นจักรยานไปจินหลิงด้วยตัวเอง การเดินทางครั้งนี้ไม่เท่ากับเป็นการทรมานจนต้องเอาชีวิตไปทิ้งครึ่งหนึ่งหรอกหรือ?
ด้วยร่างกายที่ผอมบางนี้ของตัวเอง วันหนึ่งปั่นได้ห้าหกสิบกิโลก็เก่งแล้ว
1200กว่ากิโลเมตร ก็เท่ากับต้องปั่นยี่สิบวัน!
แต่นี่ใกล้จะเดือนสิบสองแล้วนะ!
เขาพูดอย่างสะอึกสะอื้นว่า “คุณเย่ หากผมปั่นจักรยานไปจินหลิงตอนนี้ พอผมไปถึงก็เป็นเดือนแรกของปีแล้ว ถึงเวลาน้องสาวผมยังต้องกลับมาฉลองปีใหม่ที่เย่นจิงอย่างแน่นอน ผมไปที่นั่นไม่ใช่เสียเวลาเปล่าหรอกเหรอ?”
เย่เฉินถามเสียงเย็นว่า “เดือนแรกถึงจะไปถึง? ก้นนายลงไปอยู่ที่ขาหรือไง? วันหนึ่งแปดสิบกิโล สิบห้าวันก็ถึงแล้ว! และท่าทางน่าจะสิ้นเดือนสิบสองพอดี”
ขงเต๋อหลงหน้าเบ้ วันหนึ่งปั่นจักรยานแปดสิบกิโลเมตร นี่เท่ากับจะเอาชีวิตกันแล้วไม่ใช่หรือ?
ปกติยังพอว่า ประเด็นคือตนเองเพิ่งจะทำการผ่าตัดเสร็จได้ไม่นาน พอเคลื่อนไหวมากเกินไป บาดแผลก็จะฉีกเล็กน้อยจนรู้สึกเจ็บ เกรงว่าการเดินทางครั้งนี้คงต้องพบกับความลำบากไปอีกนาน…
ขณะที่เขากำลังคิดจะเจรจาต่อรอง กู้เหว่ยเลี่ยงที่อยู่ด้านข้างก็กัดฟันด่าว่า “แกยังคิดจะต่อรองอีกใช่ไหม? เชื่อไหมว่าฉันสามารถทำให้แกกลับเย่นจิงไม่ได้อีกต่อไป?!”
ขงเต๋อหลงตกใจจนตัวสั่นเทิ้มไปทั่วร่าง พยักหน้าอย่างรีบร้อนแล้วพูดว่า “ฉันไม่ต่อรอง! ฉันไม่ต่อรอง! สิบห้าวันฉันต้องไปถึงจินหลิงอย่างแน่นอน!”
กล่าวจบ เขาก็มองไปที่เย่เฉินอีกครั้ง ก่อนจะกล่าวสะอึกสะอื้นว่า “คุณเย่ ให้ผมผ่านปีใหม่ไปก่อนค่อยออกเดินทางได้ไหม…ไม่อย่างนั้นพอผมถึงจินหลิงแล้ว ยังต้องลำบากลำบนกลับมาฉลองปีใหม่อีก…”
เย่เฉินยิ้ม ถามเขาว่า “ขงเต๋อหลง นายยังคิดจะกลับมาฉลองปีใหม่อีก?”
ขงเต๋อหลงกล่าวด้วยสีหน้างุนงง “ถึงเวลาน้องผมก็ต้องกลับมา แล้วผมไม่อาจอยู่ที่นั่นคนเดียวได้หรอกใช่ไหม?”
เย่เฉินกล่าวว่า “หลังนายถึงจินหลิง ขอบเขตในการเคลื่อนที่ของนายจะจำกัดอยู่แค่ในเขตปกครองของเมืองจินหลิงเท่านั้น ถึงเวลาฉันจะให้คนติดเครื่องGPSระบุตำแหน่งไว้ตรงข้อเท้านาย ขอเพียงนายออกไปจากจินหลิง ฉันก็จะส่งคนจับตัวนายกลับมา หลังจับกลับมาแล้ว ฉันจะไม่ตีและไม่ด่านาย ทุกครั้งที่จับมา ฉันจะเพิ่มระยะเวลาให้นายออกไปอีกหนึ่งปี หากนายหนีหลายครั้ง ก็อยู่จินหลิงไปตลอดชีวิตแล้วกัน!”
ขงเต๋อหลงหดคอ รีบร้อนกล่าวว่า “คุณเย่ คุณวางใจ หลังผมไปถึงแล้ว ผมจะไม่ไปจากจินหลิงแม้แต่คืบเดียว…”
พูดเสร็จ เขาก็ถามเย่เฉินอีกว่า “คุณเย่ ผมยังมีเรื่องอยากจะขอร้องคุณอีก คุณว่าผมโตมาจนป่านนี้ ทุกปีล้วนอยู่ด้วยกันกับพ่อแม่ คุณอย่าให้ปีนี้ผมต้องอยู่ฉลองปีใหม่ที่จินหลิงคนเดียวเลยนะ…”
เย่เฉินยังไม่ได้พูดอะไร กู้เหว่ยเลี่ยงก็เอ่ยปากก่อนแล้ว เขากัดฟันด่าเสียงลอดไรฟันว่า “ข่งเต๋อหลง! แกเบื่อชีวิตแล้วใช่ไหม? คอยแต่จะต่อรองกับคุณเย่เรื่อยเลย? คุณเย่ไว้หน้าแกแล้วไม่ใช่เหรอ?”
“ไม่ๆๆ …” ขงเต๋อหลงเลิกต่อต้านในท้ายที่สุด รีบร้อนโบกมือกล่าวว่า “ผมไม่ต่อรองแล้ว…ผมรอให้จบงานเลี้ยงก็จะเดินทางทันที ภายในหนึ่งปีจะไม่ออกไปจากจินหลิงแม้แต่ครึ่งก้าว…”
ที่ข้างกัน ตงซิ่วหัวที่รักลูกชายสุดจิตสุดใจ เห็นว่าในที่สุดลูกชายก็นับว่ารอดพ้นจากความเจ็บปวดและอันตรายจากการผ่าตัดอีกครั้งแล้ว ก็ค่อยถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกอย่างแท้จริง ก่อนจะรีบร้อนกล่าวปลอบว่า “ลูกรักวางใจ แม่จะให้คนไปซื้อจักรยานที่ดีที่สุด บ้านที่ดีที่สุดสักหลังในจินหลิง รถที่ดีที่สุดสักคันให้ลูกเดี๋ยวนี้เลย จะไม่ยอมให้ลูกลำบากอยู่ที่จินหลิงเด็ดขาด!”
ในที่สุดขงเต๋อหลงก็วางใจชงได้
แสดงว่าการลงโทษคราวนี้กลับกลายเป็นดียิ่ง
อย่างไรไปจินหลิน ขอเพียงตนเองเลี่ยงจากคมอาวุธของเย่เฉินได้ก็พอ วันเวลาที่เหลือยังสามารถใช้ชีวตเสพสุขอย่างเงียบๆ ได้