ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - 1536
เย่เฉินพยักหน้า “สองสามหมื่นครับ”
“ไอ้หยา! ลูกเขยของแม่นี่ใจกว้างมากจริงๆ! ยังซื้อผ้าพันคอราคาแพงขนาดนี้ให้แม่อีกด้วย! ซึ่งเงินสองสามหมื่นน่ะ สามารถซื้อเสื้อขนมิงค์สักตัวใส่ได้เลยนะ!”
จากนั้น หม่าหลันก็เปิดกล่องของขวัญอีกกล่อง แล้วตะโกนอย่างตกใจออกมาว่า “ไอ้หยา! นี่เป็นเข็มขัดแอร์เมสรุ่นสุดคลาสสิกสำหรับผู้หญิงนี่นา! ลูกเขยคนดีเอ๊ย แม่ชอบเข็มขัดเส้นนี้มาหลายปีแล้ว และทำใจซื้อไม่ได้มาโดยตลอด คิดไม่ถึงว่าลูกจะช่วยทำให้ฝันของแม่เป็นจริง
เซียวฉางควนที่อยู่ข้างๆ ดูอิจฉาเล็กน้อย และอดไม่ได้ที่จะถามว่า “ลูกเขยคนดี ลูกไม่มีของขวัญอะไรมาให้พ่อบ้างเลยเหรอ?”
เย่เฉินยิ้มพร้อมกับพูดว่า “มีครับ ผมเตรียมหลายอย่างให้คุณพ่อเลยครับ”
ขณะที่พูดอย่างนั้น เย่เฉินก็ยื่นกล่องของขวัญแอร์เมสสองกล่องให้เขา
เซียวฉางควนก็ตบขาตัวเองไปทีหนึ่งอย่างดีใจ และพูดอย่างมีความสุขว่า “ไอ้หยา มีของพ่อจริงๆ ด้วย ช่างเป็นลูกเขยคนดีของพ่อจริงๆ!”
ทันทีที่เสียงเงียบลง เขาก็รีบพุ่งเข้าไป และรับกล่องของขวัญจากมือของเย่เฉิน
แล้วแกะกล่องแรกออก ก็พบว่าเป็นเข็มขัดผู้ชายเส้นหนึ่ง และหัวเข็มขัดเป็นตัวอักษร H สีทอง ที่ส่องแสงอันพร่างพราวภายใต้แสงอาทิตย์
เซียวฉางควนตบมืออย่างดีใจ “ไอ้หยา นี่เป็นเข็มขัดแอร์เมสแบบเดียวกับของประธานสวี่เจียยิ่นเลย! ในปีนั้นเข็มขัดของเขาเป็นที่นิยมไปทั่วทั้งประเทศเลยนะ!”
เย่เฉินพยักหน้า และยิ้มพร้อมกับพูดว่า “ปัจจุบันนี้เข็มขัดเส้นนี้ก็กลายเป็นสัญลักษณ์สำหรับผู้ชายที่ประสบความสำเร็จแล้วครับ”
เซียวฉางควนถอนหายใจ “ไอ้หยา ไอ้เซียวเอ๊ยแกก็เป็นคนที่ประสบความสำเร็จแล้วเช่นกันนะ เราอาศัยอยู่ในคฤหาสน์ใหญ่ของ Tomson Riviera ขับรถ BMW ซีรีส์ 5 และใส่เข็มขัดแอร์เมส จากนั้นก็ใส่สร้อยคอทองเส้นใหญ่ นาฬิกาทอง ซึ่งนั่นก็คือคนชนชั้นสูงผู้ร่ำรวยและมีเกียรตินั่นเอง!”
เซียวชูหรันพูดอย่างจนปัญญาว่า “พ่อคะ พ่อเคยเห็นชายวัยกลางคนไหนที่ยังสวมสร้อยคอทองเส้นใหญ่เพื่ออวดไปทั่วเมืองไหมล่ะคะ? นั่นมันเป็นรสนิยมของคนหนุ่มสาวที่เข้าสังคมกัน”
เซียวฉางควนหัวเราะแหะๆ “พ่อก็พูดไปอย่างนั้นแหละ”
พอพูดจบ เขาก็ส่งสายตาให้เย่เฉินแล้วพูดว่า “ลูกเขยคนดี เมื่อไหร่จะซื้อนาฬิกาทองให้พ่อล่ะ? ช่วงนี้พ่อถูกใจนาฬิกาโรเล็กซ์ ซับมารีเนอร์หน้าปัดสีเขียวเรือนหนึ่ง นาฬิกาเรือนนั้นทันสมัยและดึงดูดใจพ่อมากเลย!”
เย่เฉินนึกขึ้นได้ในทันนี้ “ เอ๊ะ ดูเหมือนก่อนหน้านี้หานเหม่ยฉิงจะมอบนาฬิกาโรเล็กซ์ เดย์โทนาให้คุณพ่อเซียวฉางควนไม่ใช่เหรอครับ! ราคาตั้งสามถึงสี่แสนหยวนเลย แต่เพราะพ่อตากลัวว่าถ้าหม่าหลันเห็นเข้าแล้วจะระแวงเอา เขาจึงไม่กล้าใส่มันมาโดยตลอด..”
“และตอนนี้ที่เขาพูดถึงนาฬิกาโรเล็กซ์ ซับมารีเนอร์หน้าปัดสีเขียวอีก คงจะประเมินไปแปดสิบเปอร์เซ็นต์แล้วว่าต้องการให้ผมยอมรับคำขอของเขา”
“ด้วยวิธีนี้ เขาก็จะสามารถใส่นาฬิกาโรเล็กซ์ ที่หานเหม่ยฉิงซื้อให้เขาไว้ที่มือได้อย่างเปิดเผย และถึงแม้ว่าหม่าหลันจะเห็นเข้า เขาก็จะสามารถบอกหม่าหลันได้ว่า ผมเป็นคนซื้อนาฬิกาเรือนนี้ให้เขา”
เมื่อนึกถึงจุดจุดนี้ เย่เฉินก็อดรู้สึกทอดถอนหายใจด้วยความหดหู่ไม่ได้ “พ่อตาคนนี้ เพื่อที่จะสามารถสวมใส่ของขวัญที่รักครั้งแรกมอบให้อย่างเปิดเผย เลยเตรียมการล่วงหน้าขนาดนี้ งั้นก็ช่วยเขาอย่างตรงไปตรงมาเลยละกัน!”
ดังนั้น เย่เฉินจึงพูดกับเซียวฉางควนอย่างตรงไปตรงมาว่า “คุณพ่อครับ คุณพ่อวางใจได้เลยครับ นาฬิกาโรเล็กซ์ เดย์โทนาใช่ไหมครับ เดี๋ยวผมจัดการให้เอง!”
เมื่อเซียวฉางควนได้ยินดังนั้น ก็ดีใจอย่างสุดขีดขึ้นมาทันที เขาวิ่งไปข้างหน้าแล้วจับมือเย่เฉินไว้ พร้อมกับพูดจากใจว่า “ลูกเขยคนดี ไม่มีใครรู้ใจพ่อตา เท่าลูกอีกแล้ว ”
พอพูดจบ ก็ขยิบตาให้กับเย่เฉิน และการแสดงออกก็เต็มไปด้วยความซาบซึ้งใจ
หม่าหลันที่อยู่ด้านข้างไม่พอใจ เธอพูดอย่างโมโหว่า “ไอ้ตาแก่เซียวฉางควนคนนี้ช่างไร้ยางอายจริงๆ คนไร้อนาคตอย่างแกน่ะคู่ควรที่จะใส่โรเล็กซ์ด้วยเหรอ? หยุดมาผลาญเงินของลูกเขยฉันได้แล้ว!
“ขณะที่พูด หม่าหลันก็ยิ้มให้เย่เฉินอย่างเร่งรีบและพูดว่า “ลูกเขยที่ดี ดูสิจนถึงตอนนี้แม่ก็ยังไม่มีนาฬิกาดีๆ สักเรือนเลย ถ้าไม่อย่างนั้นหลังจากลูกเดินทางกลับช่วยซื้อให้แม่สักเรือนดีไหม?”