ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - 161แม้แต่อึก็ไม่คู่ควรที่จะได้กิน(1)
บทที่161 แม้แต่อึก็ไม่คู่ควรที่จะได้กิน(1)
สองคนที่เดินมา เดินมาหน้าสุด เป็นบุรุษชุดขาว
ชายคนนี้สวมชุดฝึกกังฟูผ้าไหมสีขาว ชุดพลิ้วไหวไปตามลม ไม่มีน้ำฝนซักหยดเปรอะบนตัวเขา
ส่วนอีกคนสวมชุดสีดำ ร่างกายกำยำ! ท่าทางน่าเกรงขาม
ราวกับว่ารอบตัวเขามีเกราะป้องกัน น้ำฝนโปรยลงมาก็กระเซ็นออกไปเอง
เย่เฉินชำเลืองตามอง มองออกว่าบุรุษทั้งสองคนเป็นผู้ฝึกวรยุทธ หนาซ้ำวรยุทธไม่ธรรมดา
ในเวลานั้นเอง จางเอ้อเหมาที่มองออกมาจากทางหน้าต่างรถ จู่ ๆ ก็มีท่าทางเหมือนกับเห็นผี คิดจะเปิดประตูวิ่งหนี
เย่เฉินท่วงท่าฉับไว รั้งคอเสื้อเขาไว้ พูดว่า: “เจ้าจะวิ่งไปไหน!”
“นักเลงสองหัวไม้เจิ้นหนาน……พวกเขาคือนักเลงสองหัวไม้เจิ้นหนาน!” จางเอ้อเหมาดิ้นเพื่อจะหลบหนีพร้อมกับแหกปากด้วยความตื่นตระหนกว่า: “อาจารย์เย่ท่านรีบปล่อยผม ให้ผมไป ผมไม่อยากตาย……”
บุรุษรูปร่างกำยำหัวเราะเสียงดังพูดว่า: “รู้จักพวกเราสองพี่น้อง นับได้ว่าเด็กเปรตอย่างเจ้าพอจะมีสมองอยู่บ้าง แต่ว่า ก่อนที่พวกเราสองพี่น้องจะทำภารกิจสำเร็จ พวกเจ้าทั้งสี่คนใครก็อย่าคิดจะหลบหนีไปไหน!”
“นักเลงสองหัวไม้เจิ้นหนานเหรอ?”
เย่เฉินกวาดสายตามองคนทั้งสอง ขมวดคิ้วคิดไปจำได้ว่าเคยมีภาพวิดีโอออกเผยแพร่
ปีก่อนมีข่าวดังติดอันดับค้นหายอดนิยม สถานีโทรทัศน์หลายช่องหมุนเวียนกันออกข่าว เขาเห็นภาพนี้โดยบังเอิญขณะทำอาหารอยู่ที่บ้าน
ในข่าวบอกว่ามีไอ้โม่งสองคนท่าทางโหดเหี้ยม ลักพาตัวลูกชายเศรษฐีอันดับต้น ๆ ของเมืองไห่ โดยเรียกค่าไถ่จำนวนมหาศาลถึง 80ล้าน
ผลสุดท้ายเศรษฐีผู้ใจกล้า ไม่เพียงไม่ให้ ยังใช้เงิน 100ล้าน เชิญผู้อาวุโสเฉินจากสมาคมศิลปะการต่อสู้แห่งภาคใต้ เพื่อช่วยชีวิตลูกชายของเขา
พลังการต่อสู้ของสมาคมศิลปะการต่อสู้แห่งภาคใต้เป็นหนึ่งในมณฑล อำนาจอิทธิพลขยายไปทั่วทางใต้ อิทธิพลกว้างขวาง หากถูกสมาคมประกาศออกหมายจับแล้ว ก็เปรียบเสมือนการวางวงล้อมและตาข่ายของกฎหมายยากที่จะหลบหนีได้พ้น
และผู้อาวุโสเฉินก็เป็นผู้ฝึกฝนศิลปะการต่อสู้จนชำนาญ ระดับฝีมืออยู่ในอันดับที่5 ของสมาคม ชื่อเสียงเลื่องลือ
ในเวลานั้นทุกคนต่างก็ตั้งตารอ เพื่อให้ไอ้โม่งโจรชั่วมาคุกเข่าขอความเมตตา
ผลปรากฏวาสผู้อาวุโสเฉินไล่ตามจับอยู่ราว 7วัน แม้แต่เงาของไอ้โม่งก็หาไม่เจอ!
ท้ายสุดเพื่อเป็นการรักษาหน้าของสมาคมไว้ เขาจึงได้เชิญคนของสมาคมทั้งหมดช่วยกันออกแรง ยังคงตามหาตัวไม่เจอ
หลังจากไอ้โม่งหลบหนีไป ยังตัดหูของลูกชายเศรษฐีคนนั้นเพื่อคุกคามเขา อีกทั้งเรียกค่าไถ่เพิ่มอีกเป็นจำนวน300ล้าน
เศรษฐีคนนั้นจำเป็นต้องให้เงิน 300ล้านแต่โดยดี ถึงจะช่วยลูกชายเขาออกมาได้
เห็นได้ชัดว่า ศักยภาพของนักเลงสองหัวไม้นั้นไม่ธรรมดา อีกทั้งพวกเขาก่ออาชญากรรมมานับไม่ถ้วน หากคนธรรมดาตกเป็นเป้าหมายของพวกเขา ยากที่จะหลบหนีจากเงื้อมมือของปีศาจร้ายนี้ไปได้!
การมาเยือนของนักเลงสองหัวไม้เจิ้นหนาน เป้าหมายก็คือต่งรั่งหลิน เพื่อต้องการชีวิตของต่งรั่งหลิน
ต่งรั่งหลินที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ถึงกับหน้าถอดสี: “ฉันมาที่เมืองจินหลิง อยู่อย่างสงบเสงี่ยม ไม่เคยทะเลาะเบาะแว้งกับใคร พวกเจ้าจะมาฆ่าฉันทำไม?”
ชายร่างกายกำยำหัวเราะพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า: “พวกข้ากับเจ้าไม่มีความแค้นต่อกัน อีกทั้งไม่รู้จักเจ้าด้วยซ้ำ เพียงแต่ว่ามีคนว่าจ้างพวกข้ามาให้ฆ่าเจ้าก็เท่านั้น!”
ต่งรั่งหลินถามกลับไปว่า: “ใครกัน? ที่ต้องการชีวิตของข้า?”
ชายกำยำหัวเราะและพูดว่า: “คนตายใยต้องถามให้มากความ?”
ในเวลานั้นเย่เฉินดึงตัวต่งรั่งหลินกับภรรยาเขาเซียวชูหรันไว้ด้านหลังเพื่อปกป้อง พูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยว่า: “มีอะไรเหรอ? อยู่ต่อหน้าข้ายังกล้าที่จะฆ่าคนอีกเหรอ? ถามข้าก่อนหรือยัง?”
บุรุษชุดขาวพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า: “เจ้าเป็นใคร? พวกเราสองพี่น้องสังหารคนมานับไม่ถ้วน นับประสาอะไรกับคนพเนจรอย่างเจ้า ไม่คู่ควรให้ข้าลงมือเสียด้วยซ้ำ!”
พูดจบ บุรุษชุดขาวพูดต่ออีกว่า: “แต่ว่า ในเมื่อวันนี้พวกเจ้าทั้งหมดอยู่ในเงื้อมมือของพวกข้าแล้ว งั้นชีวิตของพวกเจ้าก็สิ้นสุดเท่านี้เถอะ!”
เซียวชูหรันกับต่งรั่งหลินถึงกับหน้าซีดเผือด
คนเหล่านี้เป็นผู้มีวรยุทธ อีกทั้งมือทั้งสองข้างฆ่าคนมานับไม่ถ้วน ไอสังหารแผ่ซ่าน ทำให้คนเห็นแล้วหวาดกลัว
เย่เฉินพูดกับเซียวชูหรันว่า: “ชูหรัน รีบพารั่งหลินไปขึ้นรถ ทางนี้ปล่อยผมจัดการเอง!”