ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - 162แม้แต่อึก็ไม่คู่ควรที่จะได้กิน(2)
บทที่162 แม้แต่อึก็ไม่คู่ควรที่จะได้กิน(2)
เซียวชูหรันไม่ยินยอมพูดว่า: “ฉันไม่ไป! ฉันจะอยู่กับคุณที่นี่!”
เย่เฉินพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยว่า: “รีบไป อยู่ที่นี่กลับทำให้ผมเป็นกังวล! บางทีอาจจะทำร้ายผมเสียด้วยซ้ำ”
เซียวชูหรันจึงพยักหน้ารับคำ ฉุดต่งรั่งหลินกลับไปในรถ
ต่งรั่งหลินที่ถูกเธอดึงจนตัวเซ จนมีหินสีขาวก้อนหนึ่งตกจากกระเป๋าเสื้อลงไปที่พื้น
และในขณะเดียวกัน เย่เฉินกลับหัวเราะขึ้นมา พูดว่า: “มดน้อยสองตัว กล้าที่จะโอหังอวดดีต่อหน้าข้า? พวกเจ้าทั้งสองเบื่อชีวิตแล้วใช่ไหม?”
ชายร่างกำยำหัวเราะอย่างเย้ยหยันพูดว่า: “รนหาที่ตาย ใครเป็นมดน้อยกันแน่ เจ้าลองดูก็รู้”
พูดจบ ชายร่างกำยำออกหมัดโจมตีไปที่ศีรษะของเย่เฉิน หมัดนั้นทรงพลัง ราวกับว่าจะทุบศีรษะของเย่เฉินให้แหลกละเอียด
เย่เฉินมองดู พูดด้วยเสียงเรียบเฉยว่า: “ไอ้พวกไม่รู้จักที่ตาย”
พูดจบ ใช้เท้าเตะใส่ไปที่ชายร่างกำยำ เตะเข้าไปที่ตรงกลางเป้าของเขาอย่างแม่นยำ
ร่างของชายฉกรรจ์คนนั้นแม้จะรวดเร็ว แต่ว่าไม่เร็วกว่าเย่เฉินเลยสักนิด!
ในชั่วพริบตา เขาก็ไม่เห็นเลยว่าเย่เฉินหายไปไหนแล้ว จากนั้นรู้สึกว่าตรงหว่างเกิดอาการปวดอย่างบอกไม่ถูก
“โอ้ย!”
ชายร่างกำยำร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด สองมือกุมไปที่หว่างขา คุดคู้นอนกองลงกับพื้น
ตรงหว่างขาของเขา ค่อย ๆ มีเลือดสดๆ ไหลออกมา
ชายร่างกำยำเจ็บปวดแทบจะสิ้นสติ แผดเสียงออกมาอย่างเจ็บปวดว่า: “พี่ใหญ่…… พี่ใหญ่……ไอ้จู๋ผม……แหลกหมดแล้ว”
บุรุษชุดขาวคาดไม่ถึงว่าเย่เฉินสามารถหลบการโจมตีน้องชายเขาได้ อีกทั้งที่น่าตกใจก็คือ เขาไม่เพียงแต่หลบการโจมตีได้ หนำซ้ำยังโจมตีน้องชายเขาจนได้รับบาดเจ็บ!”
เขาถึงกับหน้าถอดสี จ้องมองเย่เฉินด้วยความประหลาดใจ
ตัวเขาเองก็เป็นผู้ฝึกวรยุทธเช่นกัน สามารถรับรู้ได้ว่าเกิดอะไรขึ้น
ชี่แท้ กังฟูภายในที่พลังไร้เทียมทาน!
อย่างน้อยผู้ฝึกยุทธต้องฝึกฝน 10กว่าปีขึ้นไปถึงจะทำได้
แต่ว่าชายหนุ่มที่อยู่ต่อหน้าเขาอายุราว 20กว่าปีเท่านั้น คาดไม่ถึงว่าจะเป็นมีผู้มีวิชาสูงส่ง ถ้าหากตนเองประมือกับเขาแล้ว เกรงว่าอย่างมากก็รับมือได้แค่ครึ่งกระบวนท่า
ขณะนั้นเย่เฉินใช้พื้นรองเท้าเหยียบบนใบหน้าของชายร่างกำยำ ใช้พลังเหยียบหัวเขาจมลงไปในดินโคลน หัวเราะอย่าขบขันและพูดว่า: “เมื่อกี้เป็นเจ้าไม่ใช่เหรอที่พูดจาโอหังกับข้า? ตอนนี้ไอ้จู๋แหลกละเอียดเป็นผู้ชายไม่ได้แล้ว ขอสอบถามว่าความรู้สึกการเป็นขันทีเป็นอย่างไรบ้าง?”
เศษหินบนพื้น ทำให้แก้มของชายร่างกำยำถลอกจนเลือดออกอยู่หลายแผล เขาอดทนต่อความเจ็บปวดและการลบหลู่ ตะโกนออกมาอย่างคลุ้มคลั่งว่า: “พี่ใหญ่ รีบฟันไอ้เด็กบ้านี่ที! ฟันมัน!!!”
เมื่อครู่ถูกเย่เฉินถีบจนไอ้จู๋จนแหลกละเอียด ตอนนี้เขาเป็นบ้าไปแล้ว ถ้าไม่ใช่ว่าเขาเป็นผู้ฝึกยุทธมาอย่างลึกซึ้ง และเป็นคนธรรมดา เขาคงตายไปนานแล้ว!
เวลานี้ เขาไม่สนใจกระจู๋ของเขา เขาคิดแต่เพียงจะฆ่าเย่เฉินให้ตาย!
มองดูใบหน้าเย่เฉินคนที่เหยียบใบหน้าน้องชายตน และถูกลบหลู่ สีหน้าของบุรุษชุดขาวดูอึมครึมเหมือนน้ำจะหยดออกมา
ด้วยความโมโห เขายื่นมือออกไปเพื่อที่จะสู้กับเย่เฉิน แม้ว่าจะไม่รู้ฝีมือที่แท้จริงของเขา แต่คิดแต่เพียงว่าจะฆ่าเขาเพื่อล้างแค้นให้กับน้องชาย
เขาจึงแผดเสียงร้องระเบิดโทสะ พูดว่า: “เจ้าเด็กน้อย ข้าจะถลกหนังของเจ้า กินเลือดกินเนื้อเจ้าสด ๆ !”
สีหน้าเย่เฉินยังคงนิ่งเฉยหัวเราะแกมหยอกว่า: “กินเลือดสด ๆ ของข้าเหรอ? ขอโทษที่ต้องพูดตามตรง อาศัยพลังยุทธกากๆของเจ้านี่เหรอ แม้แต่อึก็ไม่คู่ควรที่จะได้กินหรอก!”
“เจ้า……”
บุรุษชุดขาวเดือดดาลจนแทบจะเป็นบ้า!
นักเลงสองหัวไม้เจิ้นหนานในวงการก็พอมีชื่อเสียงอยู่บ้าง ไม่เคยถูกเหยียดหยามถึงขนาดนี้!
เขากัดฟันกรอด แผดเสียงร้องด้วยความคลุ้มคลั่งว่า: “ข้าขอสู้ตายกับเจ้า!”