ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - 1638
เย่เฉินพูดอย่างจริงจัง:”ฉันมักจะรู้สึกมีอะไรบางอย่างผิดปกติ เมื่อสักครู่ขณะที่ฉันออกไปเดินเล่น ก็ได้ยินเสียงคนต่อสู้กันอยู่ด้านหลังฉัน และมีเสียงอาวุธปะทะกันด้วย เมื่อฉันหันกลับไปมอง แต่ก็ไม่เห็นอะไรเลย”
เฉินจื๋อข่ายครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่และพูด:”คุณชาย ฉันคิดว่าคุณคิดมากเกินไปแล้ว คุณอาจจะหูฝาดก็ได้”
“แต่มันมีเรื่องผิดปกติ”เย่เฉินพูดด้วยความประหลาดใจ:”การเคลื่อนไหวที่ฉันบังเอิญได้ยินนั้นวุ่นวายมากๆ ดูเหมือนหลายๆคนกำลังต่อสู้กันอยู่ จากนั้นก็ได้เสียงคนดิ้นรนและร้องอู้อี้เพราะเขาโดนปิดปาก เมื่อฉันเดินไปยังทิศทางที่เกิดเสียง พบว่าบนพื้นมีคราบเลือดและรองเท้าข้างหนึ่ง รองเท้าข้างนั้นประหลาดมากๆ…”
เฉินจื๋อข่ายพูด:”คุณชาย เลือดนั้นอาจจะเป็นของสัตว์ก็ได้ สำหรับรองเท้า รองเท้าข้างเดียวมันประหลาดตรงไหนเหรอ?”
เย่เฉินพูดอย่างเคร่งขรึมและจริงจัง:”ไม่รู้ว่าคุณจะเชื่อไหม? แต่หัวรองเท้าข้างนั้นมีมีดสั้นเล่มหนึ่งอยู่ แม่งเหมือนกับการดูหนังเลย แม่งแปลกประหลาดสุดๆ”
เฉินจื๋อข่ายอุทานขึ้นมาทันที:”อะไรนะ? หัวรองเท้ามีมีดสั้น? มันแปลกเกินไปไหม?!”
ในห้องของฟูจิบายาชิมาสะ เมื่อพวกเขาได้ยินเรื่องที่เย่เฉินพูด สีหน้าของพวกเขาสามคนดูตกใจมากๆ!
น้องรองพูดด้วยความหวาดกลัวว่า:”ศิษย์พี่ รองเท้าที่เขาพูดถึง น่าจะเป็นรองเท้านินจาของโอตะใช่ไหม!”
ฟูจิบายาชิมาสะเริ่มประหม่าและขมวดคิ้ว:”ฟังจากที่เขาพูด โอตะน่าจะโดนคนอื่นลอบทำร้าย?”
น้องสามก็พูดเสริมทันที:”เป็นไปได้มากว่าคนที่ทำร้ายเขาจะเป็นนินจาเหมือนกัน!”
อีกด้านหนึ่ง เฉินจื๋อข่ายถามเย่เฉิน:”คุณชาย คุณคิดว่าพวกเขาเป็นนินจาในตำนานของญี่ปุ่นหรือเปล่า?”
เย่เฉินพยักหน้าและเห็นด้วย:”ฉันคิดว่ามันเป็นไปได้เหมือนกัน!”
เฉินจื๋อข่ายถามด้วยความอยากรู้:”คุณบังเอิญพบนินจาต่อสู้กันหรือเปล่า?”
เย่เฉินบ่นพึมพำ:”ฉันรู้สึกว่ามันไม่ใช่เรื่องบังเอิญ ฉันรู้สึกคลุมเครือในใจ บางทีเรื่องนี้มันอาจจะเกี่ยวข้องกับฉันก็ได้”
“ใช่เหรอ?”เฉินจื๋อข่ายถามทันที:”ถ้าฟังจากที่คุณพูด มีคนจะทำร้ายคนและคิดว่าคุณเป็นเหยื่อ โดยไม่คาดคิดเลยว่าตัวเขาก็ตกเป็นเหยื่อของคนอื่นเหมือนกัน?”
เย่เฉินพูด:”ใครจะไปรู้ มันอาจจะเป็นแบบนั้น ดังนั้นฉันก็เลยรู้สึกว่านาโงยะค่อนข้างแปลก พวกเรารีบจัดการเรื่องของตัวเองให้เสร็จ และไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด!”
เฉินจื๋อข่ายพูดว่า:”คุณชาย ฉันจะไปจัดการเดี๋ยวนี้เลย วัตถุดิบสมุนไพรจะถึงสนามบินหลังเที่ยงคืน ทางฝั่งโรงยาสามารถเริ่มผลิตยาได้ตั้งแต่เช้าตรู่ ถ้าทดลองการผลิตไม่มีปัญหา พวกเราก็ไปจากสถานที่แปลกๆนี้ได้ทันที!”
“โอเค”เย่เฉินถอนหายใจและด่าด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา:”แม่งเอ๊ย ยุ่งยากจริงๆ ตั้งแต่มาญี่ปุ่นก็มีแต่เรื่องให้กลุ้มใจ ครั้งนี้ถ้าไม่รีบถอนตัว อาจจะตกเข้าไปอยู่ในวังวนการแย่งชิงอำนาจของหลายตระกูลใหญ่ในญี่ปุ่น”
เมื่อพูดจบ เย่เฉินก็โบกมือและพูด:”พอแล้ว คุณกลับไปได้แล้ว บอกให้ทุกคนระวังตัวหน่อย อย่าให้เกิดอะไรผิดพลาด!”
“ได้ครับ!”
เมื่อเฉินจื๋อข่ายพูดจบ ก็ออกจากห้องของเย่เฉินทันที
ฟูจิบายาชิมาสะในเวลานี้ รู้สึกสับสนและงุนงง
เขากับศิษย์น้องทั้งสองคน รู้สึกว่าคำพูดของเย่เฉินน่าจะเป็นเรื่องจริง
เหตุผลมีสี่ข้อ
ข้อหนึ่ง เป็นไปไม่ได้ที่เย่เฉินที่ต่อสู้กับฟูจิบายาชิโอตะแล้ว จะไม่ได้รับบาดเจ็บเลยแม้แต่นิดเดียว
ข้อสอง เป็นไปไม่ได้ที่เย่เฉินจะรู้ว่าในห้องมีเครื่องดักฟัง ดังนั้นเขาก็ไม่จำเป็นต้องพูดโกหกและแสดงละครในห้องของตัวเอง
ข้อสาม เย่เฉินพูดถึงรองเท้านินจาของฟูจิบายาชิโอตะ และพูดว่ามีมีดสั้นซ่อนอยู่ในรองเท้านินจา! เรื่องนี้มันเป็นความลับ เนื่องจากพวกเขาสามคนรู้สักนิสัยของฟูจิบายาชิโอตะเป็นอย่างดี ถ้าไม่สิ้นหวังหรืออยู่ในช่วงความเป็นความตาย ฟูจิบายาชิโอตะคงไม่ใช้อาวุธลับนี้อย่างแน่นอน!
ข้อสี่ เมื่อสักครู่เย่เฉินก็พูด เขาได้ยินเสียงของหลายๆคนต่อสู้กัน ฟูจิบายาชิโอตะไปเพียงคนเดียว ถ้าต้องต่อสู้กับคนหลายๆคน ก็เห็นได้ชัดว่าเขาโดนคนจำนวนมากลอบทำร้าย นี่เป็นเหตุผลที่เขาหายตัวไปอย่างกะทันหัน
ฟูจิบายาชิมาสะวิเคราะห์เรื่องราวทั้งหมด กัดฟันและพูด:”เรื่องทั้งหมดนี้ แสดงให้เห็นได้อย่างชัดเจน พวกเราตกเป็นเป้าหมายของนินจาอีกกลุ่มหนึ่งแล้ว!”
ศิษย์น้องรองของฟูจิบายาชิมาสะเอ่ยปากถาม:”ศิษย์พี่ คุณคิดว่านินจาพวกนั้นเป็นใคร?”
ฟูจิบายาชิมาสะครุ่นคิดชั่วครู่และพูดอย่างจริงจัง:”โดยปกติพวกเราไม่เคยล่วงเกินผิดใจกับตระกูลนินจาเลย ดังนั้นฉันเดาว่า นินจาที่ลงมือทำร้ายโอตะ น่าจะเป็นศัตรูของตระกูลทากาฮาชิ!”
ศิษย์น้องสามตบหน้าขาของตัวเอง:”แม่งเอ๊ย เป็นไปได้ไหมที่จะเป็นตระกูลอิโตะ?!”