ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - 1762
“อืม” ซูเฉิงเฟิงเอ่ยพูด “แกต้องจัดลำดับความสำคัญให้มันดีๆ อย่าคิดถึงแต่รั่วหลี ตอนนี้ตระกูลซูวุ่นวายเป็นอย่างมาก หลังจากกลับมา พวกเราต้องจัดประชุม ปรึกษาหาทางแก้ไขปัญหาในระยะนี้ ถ้าเราไม่รีบเพิ่มกำลังที่เสียหายไป บางตระกูลก็อาจจะเริ่มเคลื่อนไหวทำอะไรสักอย่าง!”
“ครับ ผมเข้าใจแล้ว!”
…
ในเวลาเดียวกัน
ณตระกูลเย่ ที่เมืองเย่นจิง
ข่าวใหญ่ของตระกูลซูในญี่ปุ่น จุดชนวนข้อถกเถียงของทุกคนในเมืองเย่นจิงภายในพริบตา
ตระกูลทั้งหมดช็อกกับข่าวนี้ เพราะไม่มีใครคาดคิดเลย ว่าตระกูลซูที่เป็นถึงวงศ์ตระกูลชั้นนำของประเทศ จะได้รับความเสียหายและประสบพบเจอกับความล้มเหลวที่ญี่ปุ่นมากมายขนาดนี้
ทว่า ข่าวนี้คือข่าวร้ายอันใหญ่หลวงสำหรับตระกูลซู แต่สำหรับตระกูลอื่น กลับเป็นข่าวที่น่ายินดีเป็นที่สุด!
อำนาจของตระกูลซูในเมืองเย่นจิงแข็งแกร่งมาก นอกจากตระกูลเย่ที่พอจะสูสีอยู่บ้าง ตระกูลอื่นๆก็ห่างไกลกับตระกูลซูราวกับฟ้ากับเหว
ตอนนี้อำนาจของตระกูลซูได้รับความเสียหายอย่างหนัก ความแตกต่างทางอำนาจระหว่างตระกูลซูกับตระกูลอื่นๆจึงย่นระยะลงเป็นธรรมดา ดังนั้นทุกคนจึงมีความสุขมากที่ได้เห็นตระกูลซูกลายเป็นตัวตลก
ซึ่งหนึ่งในนั้น แน่นอนว่าต้องมีตระกูลเย่ที่สะใจมากกว่าเสียยิ่งกว่าคนอื่น
เย่โจงฉวนเดินย่ำเท้าไปมาในห้องรับแขกของคฤหาสน์อย่างกระดี๊กระด๊า ปากก็พูดพึมพำว่า “พวกยอดฝีมือของตระกูลซู เป็นเหมือนเนื้อร้ายในร่างกายฉันมาตลอด โดยเฉพาะซูรั่วหลีอะไรนั่น อายุยังน้อย แต่กลับเก่งกาจจนน่าตกใจ เรื่องอะไรก็สามารถจัดการได้ ความสามารถสูงอย่างไม่สมเหตุสมผล เป็นเหมือนตะปูที่คอยทิ่มแทงฉัน คิดไม่ถึงเลยว่าจะไปเสียท่าที่ญี่ปุ่น! แบบนี้มันดีสุดๆไปเลย!”
“ใช่!” เย่ฉางโคงที่อยู่ข้างๆก็แสดงสีหน้าระริกระรี้ออกมา “คราวนี้ตระกูลซูเสียหายหนักมากจริงๆ คนเก่งระดับต้นๆก็ถูกญี่ปุ่นจัดการจนสิ้นซาก ช่วงเวลาหลังจากนี้ พวกเขาได้หางหดแน่ๆ!”
เย่โจงฉวนพยักหน้า เอ่ยถามเขาว่า “เสี่ยวเฟิงกับนางาฮิโกะ อิโตะคุยกันเป็นยังไงบ้าง?”
เย่ฉางโคงยักไหล่ “เสี่ยวเฟิงเจอกับนางาฮิโกะ อิโตะที่โรงพยาบาล แต่เหมือนระยะนี้นางาฮิโกะ อิโตะไม่ได้สนใจทำธุรกิจนี้ต่อเท่าไหร่ ดังนั้นเลยดูไม่ค่อยใส่ใจ”
เย่โจงฉวนเอ่ยพูด “ก็พอเข้าใจได้ ถึงยังไงก็เสียขาไปตั้งสองข้าง เรื่องแบบนี้ ขนาดคนทั่วไปยังรับไม่ได้ แล้วยิ่งนางาฮิโกะ อิโตะเป็นถึงมหาเศรษฐีอันดับต้นๆของญี่ปุ่น จึงพอเข้าใจได้ว่าทำไมช่วงนี้ยังสลดอยู่”
เย่ฉางโคงเอ่ยถามขึ้นมาอีกว่า “แบบนั้นควรให้เสี่ยวเฟิงกลับมา หรือว่าให้เขาอยู่ที่โตเกียวต่อเพื่อรอดูลาดเลาไปก่อน?”
เย่โจงฉวนครุ่นคิดอยู่สักพัก ก็เอ่ยขึ้นมาว่า “ให้อยู่ที่โตเกียวไปก่อน อีกสองวันค่อยไปหานางาฮิโกะ อิโตะใหม่ บางทีท่าทีของเขาอาจจะอ่อนลงบ้าง ตอนนี้เหลืออีกไม่กี่วันก็จะปีใหม่แล้ว ให้เสี่ยวเฟิงอยู่ที่โตเกียวจนกว่าจะถึงวันที่ยี่สิบเก้าแล้วค่อยกลับมา”
“ได้”เย่ฉางโคงพยักหน้า แล้วพูดว่า “พรุ่งนี้เช้าฉางหมิ่นจะไปเมืองจินหลิง ถ้าเฉินเอ๋อยอมกลับมาตอนปีใหม่เหมือนกัน ก็จะดีสุดๆไปเลย!”
เย่ฉางโคงหัวเราะเสียงใส แล้วพูดเสริมว่า “ถ้าเฉินเอ๋อยอมกลับมามันต้องดีอยู่แล้ว แต่ถ้าไม่ เราก็คงไปบังคับไม่ได้…”
เย่โจงฉวนเอ่ยพูดอย่างจริงจังว่า “ตระกูลเย่ไม่ได้มีลูกหลานมากมายขนาดนั้น ถ้าหากเฉินเอ๋อยอมกลับมา ไม่เพียงแค่สามารถเสริมกำลังให้ตระกูลเย่ได้ แต่จะสามารถล็อกเป้าหมายเกี่ยวดองให้เราได้ล่วงหน้า ไม่กล้าพูดหรอกว่าเขาจะลงเอยกับซูจือหยูแห่งตระกูลซูได้หรือเปล่า แต่อย่างน้อยกู้ชิวอี๋แห่งตระกูลกู้ก็น่าจะได้มาง่ายๆอย่างแน่นอน เกี่ยวดองกับตระกูลกู้ก็ไม่เลวเหมือนกัน อย่างน้อยถ้าทั้งสองตระกูลเกี่ยวดองกัน ก็สามารถข่มหัวตระกูลซูได้!”