ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - 1768
“ที่รัก ส่วนนี่ผมซื้อมาให้คุณ ลองเปิดดูสิว่าถูกใจหรือเปล่า!”
เซียวชูหรันเอ่ยระคนตกใจว่า “ซื้อให้ฉัน? ที่รัก กว่าคุณจะหาเงินมาได้ ปกติฉันไม่ค่อยเห็นคุณซื้ออะไรให้ตัวเองเลย ออกไปข้างนอกทีไรก็ซื้อของมาฝากฉันตลอด…”
หม่าหลันที่อยู่ข้างๆรีบพูดขึ้นมาว่า “ยัยโง่ ที่เย่เฉินทำอย่างนี้ก็เพราะแคร์แก รักแก เอ็นดูแกไง นี่คือตัวอย่างของผู้ชายดีๆ!แกดูตาแก่ขี้งกพ่อของแกสิ เคยซื้ออะไรมีราคาให้ฉันบ้าง?”
เซียวเฉิงควานเอ่ยพูดอย่างฟึดฟัด “คนถือเงินในครอบครัวก็มีแต่คุณทั้งนั้น แม้แต่เศษเงินผมก็ไม่ได้ แล้วจะไปซื้อของให้คุณได้ยังไง?”
หม่าหลันถุยน้ำลายออกมา “ถุ้ยเถอะ! ถ้าเป็นสามีคนอื่นต่อให้ไม่มีเงินขนาดไหน ก็จะทำทุกวิถีทางเพื่อหาซื้อของให้ภรรยาตัวเอง แล้วคุณล่ะ? เอาแต่อ้างว่าไม่มีเงิน หลายปีมานี้ คุณไม่เคยเก็บเงินส่วนตัวไว้เลยเหรอ?”
เซียวเฉิงควานหยิบสูทที่เย่เฉินซื้อให้เขาขึ้นมา แล้วส่งเสียงหึๆพูดออกมาว่า “ผมไม่เถียงเรื่องไร้สาระแบบนี้กับคุณหรอก ผมกลับไปลองใส่สูทที่ลูกเขยซื้อมาให้ที่ห้องดีกว่า พรุ่งนี้สมาคมศิลปะจีนมีกิจกรรมพอดีเลย ผมจะใส่สูทใหม่ตัวนี้ไปเข้าร่วมเสียหน่อย”
ด้านเซียวชูหรันก็กำลังเปิดกล่องออกอย่างระมัดระวัง
เมื่อเธอเห็นแหวนเพชรเป็นประกายระยิบระยับวางอยู่ในกล่องเครื่องประดับ ก็ใช้มืออุดปากเอาไว้อย่างตกใจ
หม่าหลันตาเบิกโพลงขึ้นหลายเท่า อุทานอย่างตกใจว่า “แม่เจ้า! เพชรใหญ่มาก อย่างน้อยก็ต้องสามกะรัตไหม?!”
เย่เฉินพูดยิ้มๆว่า “คุณแม่นี่รอบรู้เรื่องสินค้าจังเลยนะครับ เพชรในแหวนวงนี้ 3.2 กะรัตครับ”
“โอโห!!!”
หม่าหลันรู้สึกหัวเหน็บชาขึ้นมาในทันที อุทานว่า “ใหญ่ขนาดนี้เลยเหรอ?!คงไม่ใช่ว่าราคาล้านกว่าๆนะ?!”
เย่เฉินเอ่ยพูดขึ้นมาว่า “ถ้าตีเป็นเงินจีนก็ประมาณแปดแสนกว่าครับ”
“แปดแสนกว่า?!” หม่าหลันลูบอกตัวเอง พูดออกมาว่า “ลูกเขยของฉัน นี่เก่งสุดๆไปเลย แหวนเพชรราคาแปดแสนยังซื้อมาได้ นิสัยรวยจริงๆ! ยอดเยี่ยมสุดๆไปเลย!”
เซียวหรันที่อยู่ข้างๆเอ่ยพูดอย่างช็อกๆว่า “เย่เฉิน คุณทำงานทุกวัน เงินก็กว่าจะหามาได้ ทำไมต้องซื้อของแพงๆให้ฉันด้วย….แหวนแพงขนาดนี้ ฉันไม่กล้าใส่ออกไปไหนหรอก มันสิ้นเปลืองนะแบบนี้….”
เย่เฉินเอ่ยพูดอย่างจริงจังว่า “ที่รัก เราแต่งงานกันมานานแล้ว ผมไม่เคยซื้อแหวนให้คุณเลย คุณคิดซะว่าแหวนวงนี้เป็นแหวนแต่งงานย้อนหลังก็แล้วกัน!”
เซียวชูหรันประทับใจน้ำตาเอ่อคลอ
เธอมองมาที่เย่เฉิน พูดเสียงกลั้นสะอื้นว่า “ถ้าซื้อแหวนแต่งงาน ซื้อราคาสามหมื่นก็พอแล้ว คุณไม่จำเป็นต้องซื้อแพงขนาดนี้ก็ได้……”
เธอพูดพร้อมกับเช็ดน้ำตา จากนั้นก็พูดต่อว่า “อีกอย่างคุณดูคุณสิ….ทุกครั้งมีแต่ซื้อของให้ฉันกับพ่อแม่ฉัน แต่ไม่เคยซื้อของให้ตัวเองเลย ฉันจะไปรู้สึกดีกับมันได้ยังไง…”
เย่เฉินหัวเราะออกมาเล็กน้อย หยิบแหวนออกมา พร้อมกับกุมมือของภรรยาเอาไว้ เอ่ยพูดอย่างจริงใจว่า “ชูหรัน การที่ได้แต่งงานกับคุณ คือความสุขของผม ผมขอบคุณที่หลายปีมานี้คุณไม่เคยทิ้งผมไปไหน แหวนวงนี้ คือสิ่งของที่คนเป็นสามีอย่างผมติดค้างคุณ ตอนนี้ผมชดเชยให้คุณแล้ว คุณต้องรับมันเอาไว้นะ!”
“ใช่ๆ!” หม่าหลันเอ่ยสนับสนุนอยู่ข้างๆ “ลูกรัก แกดูสิเย่เฉินเขาดีและใส่ใจแกขนาดนี้เลยนะ!แกต้องอยู่กับเย่เฉินให้มีความสุข รีบๆมีลูกด้วยกันสักที!”
เซียวชูหรันที่ตอนแรกยังซาบซึ้งกับคำสารภาพสุดลึกซึ้งของเย่เฉิน ในตอนที่ได้ยินมารดาพูด กลับเบิกตาโพลงหน้าแดงแปร๊ด
ในตอนนี้เอง เย่เฉินก็สวมแหวนลงบนนิ้วนางข้างซ้ายของเธออย่างระมัดระวัง พูดกลั้วยิ้มว่า “ที่รัก การอยู่ข้างกันคือคำสารภาพที่ยาวนานที่สุด ขอบคุณที่ตลอดหลายปีมานี้อยู่เคียงข้างผมนะ!”