ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - 177 ทำให้ข้าวสารกลายเป็นข้าวสุก(1)
บทที่177 ทำให้ข้าวสารกลายเป็นข้าวสุก(1)
ไม่ว่าเป็นฉินกัง หรือว่าฉินเอ้าเสวี่ยน ยาวิเศษที่เย่เฉินกลั่นออกมา เพียงต้องการหนึ่งเม็ดเท่านั้น
สำหรับพวกเขาแล้ว สามารถได้มาหนึ่งเม็ดนั้น เป็นบุญคุณท่วมท้น
ได้ยาวิเศษมาครอบครอง ในอนาคตขอแค่ยังเหลือลมหายใจเฮือกสุดท้าย ก็สามารถช่วยชีวิตกลับมาจากเงื้อมมือของมัจจุราช สำหรับตระกูลของพวกเขาแล้ว มีความหมายมาก
แต่ว่า ใครกล้าที่จะร้องขอจนเกินตัว เย่เฉินให้พวกเขาถึงสองเม็ด!
ฉินเอ้าเสวี่ยนได้ยินคำพูดนี้ ถึงกับตะลึงงันเหมือนดั่งสายฟ้าฟาด
ดวงตาที่งดงามของเธอมองเย่เฉิน น้ำตาคลอเบ้า จากนั้นน้ำตาที่ใหญ่กว่าเมล็ดถั่วเขียวก็ไหลพรั่งพรู จนเย่เฉินเห็นแล้วอดไม่ได้ที่จะนึกสงสาร
ฉินเอ้าเสวี่ยนร้องไห้สะอึกสะอื้นถามว่า: “อาจารย์เย่……คุณ……ที่คุณพูด…..เป็นเรื่องจริงใช่ไหม?”
เย่เฉินหัวเราะตอบ: “ทำไมเหรอ?” คุณกลัวอาจารย์เย่หลอกคุณเหรอ?”
“มิกล้า มิกล้า!” ฉินเอ้าเสวี่ยนรีบส่ายหัวจนน้ำตากระเซ็นไปทั่ว ทำให้เย่เฉินรู้สึกถึงความน่ารักของเธอ
ฉินเอ้าเสวี่ยนมือเช็ดคราบน้ำตาพร้อมกับยิ้มด้วยความสุขใจพูดว่า: “ฉันก็แค่ไม่อยากเชื่อ…..ขอบคุณคุณมากจริง ๆ ! ขอบคุณมาก!”
พูดจบ ฉินเอ้าเสวี่ยนโค้งคำนับด้วยความขอบคุณ
เขาเชื่อว่า หากพ่อเธออยู่ที่นี่ ได้ยินเย่เฉินพูดว่าจะให้ถึงสองเม็ด จะต้องขอบคุณเช่นนี้เช่นกัน!
เย่เฉินเห็นท่าทางดีใจของเธอ ยิ้มเล็กน้อย พูดว่า: “ฉินเอ้าเสวี่ยน คุณกลับไปบอกพ่อคุณ คำพูดของเย่เฉิน หนักแน่นจริงจังม้าทั้งฝูงยังฉุดไปไม่ได้ หลังยาวิเศษกลั่นเสร็จแล้ว ผมจะให้เขาสองเม็ดแน่นอน แต่ว่าในอนาคตหากผมร้องขอให้ตระกูลฉินช่วยเหลือ เขาก็อย่าเล่นตลกกับผม เข้าใจไหม?”
ฉินเอ้าเสวี่ยนพยักหน้ารับคำทันที ดีใจลิงโลดพูดว่า: “เข้าใจแล้วอาจารย์เย่! ขอบคุณท่านมาก!”
พูดจบ ใบหน้างดงามของฉินเอ้าเสวี่ยนแดงระเรื่อเหมือนดั่งผลแอปเปิล พูดด้วยท่าทีเขินอายว่า: “อาจารย์เย่……ต่อไปคุณเรียกฉันว่าเอ้าเสวี่ยนก็ได้ค่ะ……”
เย่เฉินพยักหน้ารับคำ พูดว่า: “ได้ เอ้าเสวี่ยน คุณไม่ต้องคุกเข่าแล้ว ลุกขึ้นเถอะ”
ฉินเอ้าเสวี่ยนพูดตอบทันทีว่า: “เอ้าเสวี่ยนรับบัญชา!”
พูดจบ ค่อย ๆ ลุกขึ้นอย่างระมัดระวัง
เย่เฉินหัวเราะตอบว่า: “พวกเราไม่ใช่จอมยุทธในสมัยโบราณ อย่ากล่าวเกรงใจขนาดนั้น”
ฉินเอ้าเสวี่ยนรีบพูดว่า: “พ่อสั่งสอนฉันว่า จะต้องเคารพนบนอบให้เกียรติต่อผู้อาวุโส อาจารย์เย่ท่านมีความสามารถเหนือฟ้า เอ้าเสวี่ยนต้องเคารพและให้เกียรติ เมื่อครู่คือการแสดงความเคารพต่อท่าน!”
เย่เฉินยิ้มเล็กน้อย พูดว่า: “คุณนี่นะ ก่อนหน้านี้ดื้อรั้น เหมือนกับถูกเลี้ยงอย่างตามใจ คิดไม่ถึงว่าจะรู้ธรรมเนียมพิธีรีตอง ผมทึ่งในตัวคุณจริง ๆ”
ฉินเอ้าเสวี่ยนสุขใจเป็นยิ่งนัก ขณะเดียวกันก็เขินอายเล็กน้อย
ตนเองรู้ธรรมเนียมพิธีรีตรองซะที่ไหน
ก่อนหน้านี้ ตนเองยังเป็นหญิงสาวที่สะบัดสะบิ้งแสนงอนเอาแต่ใจ
ไม่เคยอ่อนน้อมต่อใคร เจอใครก็พูดกระฟัดกระเฟียด นั้นคือลักษณะนิสัยของตน
แต่ว่าตอนนี้ เธออยู่ต่อหน้าเย่เฉิน ต้องยอมรับทั้งกายและใจ รวมทั้งพ่อเธอยังฝากความหวังไว้กับตัวเธอมาก ดังนั้นอยู่ต่อหน้าเย่เฉิน ทำเป็นเหมือนลูกแมวน้อยเชื่องซุกซนแสนน่ารักทำให้คนหลงรักโดยไม่รู้ตัว
เย่เฉินมองดูเวลาก็สายมากแล้ว จึงพูดกับฉินเอ้าเสวี่ยนว่า: “เอ้าเสวี่ยน สมุนไพรผมรับไว้ แต่ว่าผมต้องออกไปซื้อกับข้าว ถ้าอย่างนั้นพวกเราออกไปพร้อมกันดีไหม?”
ฉินเอ้าเสวี่ยนเพิ่งนึกขึ้นได้ว่า ตนรบกวนเวลาของอาจารย์เย่มามากแล้ว รีบพยักหน้ารับคำ พูดว่า: “ขอโทษค่ะอาจารย์เย่ ที่เอ้าเสวี่ยนมารบกวนท่าน……”
เย่เฉินส่ายศีรษะเล็กน้อย พูดว่า: “คุณไม่ต้องคิดมาก กลับไปบอกพ่อของคุณ หลังจากกลั่นยาเสร็จ ผมจะติดต่อเขา”
“โอเคค่ะอาจารย์เย่!” ฉินเอ้าเสวี่ยนรีบโค้งคำนับอย่างนอบน้อม
เย่เฉินประคองรั้งหัวไหล่เธอไว้ จากนั้นเย่เฉินเอาสมุนไพรเข้าไปเก็บที่ห้องครัว แล้วออกไปพร้อมกับเธอ
ฉินเอ้าเสวี่ยนกล่าวขอบคุณอยู่หน้าประตู กล่าวอำลากับเย่เฉินอย่างอาลัยอาวรณ์ ขับรถกลับบ้าน
และเย่เฉิน ก็กลับไปสู่ท่าทีลูกเขยไร้ค่าเหมือนอย่างที่เคยทำ ลากรถเข็นที่ผงซักฟอกยี่ห้อหนึ่งแถมให้มาใช้เฉพาะไปซื้อกับข้าว เดินไปตลาดสดใกล้บ้าน