ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - 1771
ถ้าไม่ได้ยินบทสนทนาของคุณอากับเฉินจื๋อข่ายระหว่างทางกลับบ้าน ป่านนี้เย่เฉินคงเชื่อไปแล้วว่าน้ำเสียงเป็นมิตรของผู้หญิงในสาย ส่งออกมาจากใจจริง
ดังนั้น เขาเองจึงแสร้งทำเป็นตกใจระคนดีใจ แล้วพูดยิ้มๆว่า “คุณอา คุณอาจริงๆเหรอครับ? ทำไมจู่ๆถึงโทรมาหาผมได้ล่ะครับ?”
ความจริงแล้วเย่ฉางหมิ่นไม่ได้อยากโทรหาเย่เฉินหรอก
เดิมทีเธอฝากคำสั่งไว้ที่เฉินจื๋อข่ายแล้ว ว่าให้แจ้งเย่เฉินว่าเธอนัดทานข้าวพรุ่งนี้ที่โรงแรมป๋ายจินฮ่านกง
แต่ว่า เมื่อสักครู่คุณท่านเย่เพิ่งโทรมาหาเธอโดยเฉพาะ ว่าให้เธอเป็นคนโทรไปหาเย่เฉินเอง
แบบนี้จะแสดงให้เห็นว่าเธอจริงใจมากกว่า อีกอย่าง เธอก็ไม่ได้เจอกับเย่เฉินมาหลายปีแล้ว โทรมาทำความคุ้นเคยล่วงหน้า ก็ถือว่าเป็นการอุ่นเครื่องรอ คงจะมีส่วนช่วยในแผนโน้มน้าวเย่เฉินที่กำลังจะเกิดขึ้นไม่มากก็น้อย
ด้วยเหตุนี้ เธอจึงพูดยิ้มๆว่า “เฉินเอ๋อ ไม่ได้เจอกันตั้งหลายปี อาคิดถึงแกมาตลอดเลย ฉันอยากไปเจอแกที่เมืองจินหลิงตั้งนานแล้ว ฉันได้ยินถังซื่อไห่บอกมาว่าเหมือนแกจะไม่ยอมกลับบ้าน เพราะฉะนั้นฉันเลยไม่ได้ไปรบกวนแก….”
ในขณะที่พูด เธอก็เอ่ยถามอย่างเป็นห่วงเป็นใยว่า “เฉินเอ๋อ หลายปีมานี้แกเป็นยังไงบ้าง?”
เย่เฉินรู้สึกขนลุก แต่กระนั้นก็ยังรักษาท่าทีมีมารยาทไว้ “ผมสบายดีครับ ขอบคุณคุณอาที่เป็นห่วง”
เย่ฉางหมิ่นถอนหายใจออกมา แล้วพูดยิ้มๆว่า “แกสบายดี อาก็สบายใจแล้ว”
เธอเอ่ยพูดขึ้นอีกกว่า “ใช่สิเฉินเอ๋อ ที่อาโทรมาหาแกวันนี้ เพราะว่าพรุ่งนี้อาจะไปหาแกที่เมืองจินหลิง ว่าจะนัดแกออกมากินข้าวด้วยกันสักหน่อย ไม่รู้ว่าแกพอมีเวลาไหม?”
เย่เฉินเอ่ยถามอย่างประหลาดใจว่า “พรุ่งนี้คุณอาจะมาที่เมืองจินหลิงเหรอ?”
“ใช่!” เย่ฉางหมิ่นเอ่ยพูด “จริงๆแล้ว อาว่าจะให้เฉินจื๋อข่ายแจ้งแกนั่นแหละ แต่ว่าพอมาคิดดูแล้ว เราสองอาหลานไม่ได้เจอกันมาตั้งหลายปี ดังนั้นอาเลยโทรมาหาแกเอง”
เย่เฉินพูดยิ้มๆ “ได้สิ พรุ่งนี้คุณอาจะมาถึงเมื่อไหร่ครับ เดี๋ยวผมเลี้ยงเอง”
เย่ฉางหมิ่นพูดกลั้วยิ้มว่า “งั้นพรุ่งนี้เย็นเราไปทานข้าวกันที่โรงแรมป๋ายจินฮ่านกง ฉันให้เฉินจื๋อข่ายจัดการไว้ให้แล้วล่ะ
“ครับ” เย่เฉินตอบตกลงอย่างไม่ลังเลและไม่หยุดคิด “งั้นเจอกันที่โรงแรมป๋ายจินฮ่านกงพรุ่งนี้ตอนเย็นนะครับ”
เย่ฉางหมิ่นพูดยิ้มๆว่า “ได้ๆๆ เจอกันพรุ่งนี้นะ!”
เมื่อเย่เฉินวางสายจากเย่ฉางหมิ่น รอยยิ้มบนใบหน้าก็ค่อยๆหดหายไป
เขาไม่เคยมีความรู้สึกดีๆให้กับคนนามสกุลเย่ทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นคุณปู่ คุณลุง หรือคุณอา
ในระหว่างที่ยังสืบหาสาเหตุการตายของพ่อกับแม่ไม่ได้ คนตระกูลเย่คือบุคคลต้องสงสัยในสายตาของเขาทั้งหมด
เมื่อกลับเข้ามาในห้อง เซียวชูหรันก็เตรียมน้ำอุ่นไว้ให้เขาแล้วเรียบร้อย
หลังจากที่เย่เฉินแช่น้ำเสร็จ ก็กลับมานอนบนเตียงเคียงข้างเซียวชูหรันเหมือนเคย
เซียวชูหรันเอ่ยถามเขาถึงเรื่องสนุกๆที่ญี่ปุ่น เหมือนเด็กที่กำลังรอฟังนิทาน
เย่เฉินจึงนำเรื่องราวของสามตระกูลที่เกิดขึ้นในโตเกียว มาเล่าใส่สีตีไข่ให้เซียวชูหรันฟัง
ทว่า เขากลับจงใจตัดเรื่องของตัวเองออก ไม่กล้าบอกให้เซียวชูหรันรู้ ว่าเขาเองก็มีส่วนเกี่ยวข้อง
เขาเพียงแค่บอกเซียวชูหรันว่า ลูกค้าที่ญี่ปุ่นของตัวเองมีส่วนเกี่ยวข้องกับตระกูลเหล่านี้ ดังนั้นเลยพอรู้ข่าวจากวงในมาบ้าง
เมื่อเซียวชูหรันได้ฟังเรื่องที่ไม่น่าเชื่อเหล่านี้ ก็อ้าปากเหวอ
องค์ประกอบต่างๆทั้งตระกูลใหญ่ นินจา การลอบสังหาร ฟังๆดูแล้วไม่เพียงแค่น่าเหลือเชื่อ แต่ยังดูแปลกใหม่อีกด้วย
ดังนั้น เซียวชูหรันจึงติดใจมาก วอแวให้เย่เฉินเล่าให้ฟังทั้งคืน