ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - 1775
“กลับไปเยี่ยมบ้าน?”
เมื่อได้ยินสี่คำนี้ เย่เฉินก็ยิ้มขำออกมาอย่างอดไม่ได้
เมื่อเย่ฉางหมิ่นเห็นรอยยิ้มแกนๆของเขา ก็เอ่ยปากพูดขึ้นมาว่า “เฉินเอ๋อ แกจากบ้านตั้งแต่เด็กพอเติบโตแล้วก็ควรกลับบ้านบ้างนะ ตอนนี้แกโตขึ้นเยอะ ห่างจากบ้านมาตั้งหลายปี ก็ควรกลับไปเยี่ยมบ้านสักครั้ง”
เย่เฉินพยักหน้า ตอบกลับอย่างเห็นด้วยว่า“คุณอาพูดถูก จากบ้านมานานขนาดนี้ ก็ควรหาเวลากลับไปเยี่ยมบ้าง”
เขาพูดพร้อมกับยิ้มตาหยี “เอาอย่างนี้แล้วกันครับ ช่วงนี้ผมขอจัดการตารางเวลาก่อน ถ้ามีเวลาจะกลับไปเยี่ยมก็แล้วกัน”
ดูเหมือนเย่เฉินตอบตกลงข้อเสนอของเย่ฉางหมิ่น แต่ในความเป็นจริงไม่มีอะไรไปมากกว่าคำพูดถ่วงเวลา
คำว่าช่วงนี้ขอจัดการตารางเวลาก่อน ภาพรวมก็หมายความว่าคงอีกนานยังไม่มีเวลากำหนด ถึงยังไงความคิดเดียวที่เขามีอยู่ในตอนนี้ ก็คือจัดการวันนี้ให้มันจบๆไป
เย่ฉางหมิ่นรู้อยู่แล้วว่าเย่เฉินกำลังคิดอะไร จึงรีบเอ่ยพูดว่า “เฉินเอ๋อ แกอย่าต่อต้านคนในครอบครัวนักเลย ครอบครัวเป็นห่วงแกมาตลอด แกอย่าลืมสิ หลังจากที่คุณปู่แกรู้ว่าแกอยู่ที่เมืองจินหลิง ก็รีบมอบหมายให้ถังซื่อไห่ทำเรื่องยกตี้เหากรุ๊ปและเงินหกร้อยล้านให้แกทันที แค่เหตุผลนี้ก็เพียงพอให้แกกลับไปเยี่ยมคุณปู่แล้ว แกคิดว่าไง?”
เย่เฉินย้อนถามว่า “คุณอาครับ ถ้าผมกลับไปเยี่ยมบ้าน เรื่องนี้จะถือว่าต่างฝ่ายต่างแล้วต่อกันใช่ไหมครับ?”
ความไม่พอใจของเย่ฉางหมิ่นยิ่งทวีความรุนแรงขึ้น
ในมุมมองของเธอ เย่เฉินช่างไม่รู้จักผิดชอบชั่วดีจริงๆ
ตระกูลเย่อุตส่าห์ให้เธอวิ่งโล่มาเชิญเขากลับไป นี่ถือว่าไว้หน้าเขาสุดๆแล้วนะ นี่ถ้าเขาคิดอะไรได้สักนิด ก็น่าจะรีบตอบตกลง และนั่งเครื่องกลับไปกับเธอแล้ว
คิดไม่ถึงเลยว่า เขาจะวางท่ากับเธอ แถมยังบอกว่าให้ต่างฝ่ายต่างแล้วต่อกันอะไรนี่อีก
ดังนั้น เธอจึงเอ่ยพูดกับเย่เฉินด้วยสีหน้าที่เริ่มไม่สบอารมณ์ “เฉินเอ๋อ คุณปู่ลงทุนกับแกไปตั้งหลายพันหลายหมื่นล้าน ถึงแม้เงินจำนวณนี้จะไม่ได้ถือว่ามากมายอะไรสำหรับตระกูลเย่ แต่ถ้ามองแค่ตัวเลขเพียวๆ ก็ถือว่าเป็นเงินมหาศาล คุณปู่ลงทุนกับแกไปมากขนาดนี้ แกจะทำแค่กลับไปเยี่ยมเท่านั้นเหรอ?”
เย่เฉินมองมาที่เย่ฉางหมิ่น แล้วเอ่ยถามอย่างจริงจังว่า “คุณอา ตระกูลเย่ต้องการอะไรกับผมกันแน่ คุณอาไม่จำเป็นต้องปิดบังผมก็ได้ครับ เรามาเปิดอกพูดกันตรงๆเถอะ”
เย่ฉางหมิ่นลังเลอยู่พักใหญ่ จากนั้นก็พยักหน้าแล้วพูดว่า “ได้ ในเมื่อแกพูดมาแบบนี้ งั้นฉันไม่อ้อมค้อมแล้วนะ”
ขณะที่พูด เย่ฉางหมิ่นก็ยืดตัวตรง เอ่ยพูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึมว่า “เจตนาของปู่แก คืออยากให้แกกลับไปอยู่ที่ตระกูลเย่ และแกควรรีบสะสางเรื่องที่เมืองจินหลิงให้เรียบร้อย”
เย่เฉินเงยหน้าขึ้นมา เอ่ยถามอย่างสนใจว่า “สะสาง? สะสางอะไร?”
เย่ฉางหมิ่นเอ่ยพูด “ทั้งตี้เหากรุ๊ปและครอบครัวภรรยาของแกที่เมืองจินหลิง