ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - 1796
“หน็อยแน่แก!” หม่าหลันพุ่งเข้าไปด้วยความโกรธจนระงับอารมณ์ไม่อยู่ แล้วนั่งคร่อมที่ท้องของเย่ฉางหมิ่น ทั้งปากทั้งมือทำงานพร้อมกัน ตบหน้าของเย่ฉางหมิ่นอย่างรุนแรง ตบไปพลางด่าไปพลาง “หล่อนเห็นฉันโง่เหรอ? ฉันเคยเห็นแบบนี้เกินกว่าหนึ่งครั้ง หล่อนก็ยังกล้ามาหลอกฉัน!”
เวลานี้ ในใจหม่าหลันคิดถึงโรงพยาบาลที่เซียวฉางควนเข้ารักษาตัวในครั้งนั้น เธอต้องการเช็คที่เซียวชูหรันลูกสาวส่งค่าเช่าบ้าน หลังเย่เฉินมอบเช็คให้เธอ เธอก็เอาเช็คไปจ่ายค่ารักษาพยาบาล
คิดไม่ถึงว่าเช็คใบนั้นจะมีจำนวนถึงร้อยล้าน!
ตอนนั้นเธอเก็บคำถากถางของพนักงานการเงินของโรงพยาบาลไว้อย่างดี แถมยังขู่เธอว่าจะแจ้งตำรวจจับเธอ
สุดท้ายเธอก็กลับไปคิดบัญชีกับเย่เฉินด้วยความโกรธจนระงับอารมณ์ไม่อยู่ ถึงรู้ว่าที่แท้เช็คใบนั้น เป็นของที่เย่เฉินซื้อมาจากร้านอุปกรณ์ในพิธีศพ คิดจะเผาไปให้พ่อแม่ที่ล่วงลับไปของเขา
ดังนั้น ตอนนี้เย่ฉางหมิ่นก็หยิบเช็คร้อยล้านออกมาเช่นกัน หน้าตาเหมือนกับเช็คร้อยล้านในตอนนั้นของเย่เฉินเปี๊ยบ
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ เธอย่อมจะโกรธจนระงับอารมณ์ไม่อยู่!
ยิ่งไปกว่านั้น ที่น่าแค้นยิ่งกว่าคือ เย่ฉางหมิ่นผู้สมควรตายคนนี้ ถึงกับเน้นย้ำคำว่าธนาคารซิตี้แบงค์ต่อหน้าเธอตลอดเวลา!
ชั่วชีวิตนี้ของหม่าหลัน ที่เธอเกลียดชังที่สุดก็คือธนาคารซิตี้แบงค์!
เพราะว่าสำหรับเธอแล้ว ประสบการณ์ที่น่าเวทนาที่สุดในชีวิตนี้ เป็นเพราะบัตรAmerican Expressของปลอมใบนั้นของธนาคารซิตี้แบงค์ชักนำมา
หลังจากนั้น เธอก็ถูกขังอยู่ในสถานกังขัง ซ้ำยังถูกนายหญิงใหญ่เซียวกับเซียวเวยเวยรวมถึงจางกุ้ยเฟินที่รูปร่างบึกบึนคนนั้นทารุณกรรมอยู่หลายวัน
เวลาสั้นๆ เพียงไม่กี่วันนั้น แน่นอนว่าเป็นหลุมดำในชีวิตนี้ของหม่าหลัน
ดังนั้น เธอเห็นเย่ฉางหมิ่นไม่เพียงใช้เช็คร้อยล้านของคนตายมาหลอกตนแล้ว ยังกล้าเอาคำว่าธนาคารซิตี้แบงค์มาพูดหลอกหลอนอยู่ที่นี่อีก ความโกรธในใจจึงลุกโหมท่วมฟ้าไปนานแล้ว!
เวลานี้เย่ฉางหมิ่นถูกหม่าหลันทุบตีจนหน้ามืดพะอืดพะอมไปหมดแล้ว เพียงไม่กี่ครั้งก็ถูกหม่าหลันตบจนแก้มบวมปูดแดงเห่อ เจ็บจนยากจะทานทน
แม้เธอจะร้องโอดโอยออกมา แต่เวลานี้บอดี้การ์ดของเธออยู่ที่นอกประตูร้าน จึงไม่ได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวของสถานที่อยู่ลึกที่สุดด้านใน ดังนั้นจึงช่วยเธอไม่ได้โดยสิ้นเชิง
ซึ่งแม้เย่ฉางหมิ่นจะถูกตบจนมึนงงไปหมด แต่ในใจเธอชัดเจนดี ตอนนี้จะล้วงโทรศัพท์ให้บอดี้การ์ดเข้ามาช่วยตนก็เป็นเรื่องเพ้อเจ้อไปแล้ว ดังนั้นจึงได้แต่สู้กับหม่าหลันลูกเดียวแล้ว!
ด้วยเหตุนี้ เธอจึงยื่นมือออกไปคว้าผมของหม่าหลันราวกับคนเสียสติทันที หลังจับผมกำหนึ่งของหม่าหลันไว้ได้ ก็ออกแรงดึงอย่างสุดชีวิต!
หม่าหลันคิดไม่ถึงว่าผู้หญิงคนนี้ที่ถูกตนเองข่มอยู่ตลอด จะถึงกับลอบโจมตีผมของตัวเอง!
จู่ๆ ก็รู้สึกว่าความเจ็บแผ่ลามมาที่หนังศีรษะทีละรอกๆ เจ็บจนเธอร้องเสียงดังออกมาหลายครั้ง มือก็ทุบตีเย่ฉางหมิ่นสุดชีวิต
ตีไปพลางด่าไปพลาง “นังโง่โสโครก แกกล้าดึงผมฉัน ฉันจะสู้กับแก!”
เย่ฉางหมิ่นย่อมไม่ยอมแสดงออกว่าตนด้อยกว่า อาศัยว่าผมกลุ่มนั้นยังอยู่ในมือ ดึงทึ้งอย่างสุดชีวิต กระชากเส้นผมกลุ่มนั้นหลุดลงมาจากบนศีรษะของหม่าหลันโดยไม่ทันตั้งตัว!
คราวนี้ทำเอาหม่าหลันกุมศีรษะไว้ด้วยความเจ็บร้องเสียงดังลั่นออกมา เย่ฉางหมิ่นเห็นว่านี่เป็นโอกาส จึงผลักหม่าหลันที่อยู่บนตัวล้มลงไปกับพื้น พร้อมกับพุ่งเข้าไป ขึ้นคร่อมอยู่บนท้องหม่าหลันแทน แล้วฟาดไปที่หน้าของเธออย่างรุนแรง!
“แม้แต่ฉันก็กล้าตบ ฉันจะตบให้หญิงปากร้ายอย่างแกตายไปเลย!”
เวลานี้เย่ฉางหมิ่นบ้าคลั่งไปแล้ว หากมอบดาบให้เธอเล่มหนึ่ง เธอสามารถฆ่าหม่าหลันตายคาที่ได้เลย
เวลานี้ พนักงานบริการด้านนอกได้ยินเสียงการเคลื่อนไหว จึงรีบร้อนวิ่งเข้ามา พอเปิดประตูมาเห็น ก็ตกใจจนสะดุ้งโหยงทันที ด้วยเหตุนี้จึงวิ่งไปที่ห้องเถ้าแก่อย่างรีบร้อน ผลักประตูเปิดก็พูดอย่างกระหืดกระหอบว่า “เถ้าแก่ แย่…แย่แล้วค่ะ! ผู้…ผู้หญิงสองคนนั้น…อยู่ในห้อง…กำลัง…กำลังตีกันอยู่ค่ะ…”