ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - 1850
จางกุ้ยเฟินพูดว่า: “ก่อนหน้านี้พวกเราได้ดูห้องของคฤหาสน์หลังนี้มาบ้างแล้ว พบว่าห้องขนาดใหญ่และดี ต่างก็ถูกคนของตระกูลเซียวครอบครองหมดแล้ว ห้องที่พวกเราสามารถหาได้ก็เป็นห้องหัวมุม ในเมื่อพวกเราสามคนมีสิทธิเท่าเทียมกับทั้งครอบครัวของพวกเธอ งั้นพวกเราสามารถที่จะขอจัดสรรห้องใหม่ได้หรือเปล่า?”
“ใช่แล้ว!”ต่งหยู้หลิงก็ดึงสติกลับมา และพูดอย่างตื่นเต้น: “ฉันก็อยากอยู่ในห้องนอนขนาดใหญ่ที่หันหน้าไปทางทิศใต้ด้วย!”
คนคนนั้นก็ย่อมอยากจะทำให้เป็นเรื่องใหญ่ และพูดด้วยรอยยิ้มว่า: “ได้แน่นอนอยู่แล้ว พวกเธอจะจัดสรรภายในยังไงพวกเราไม่สน”
“งั้นดีมากเลย!”จางกุ้ยเฟินพูดในทันที: “ฉันจองห้องนอนใหญ่บนชั้นสาม! ห้องนอนนั้นเป็นของใครเหรอ? รีบย้ายออกมา ไม่อย่างนั้น อย่าโทษที่ฉันเอาข้าวของข้างในทิ้งออกไปหมด!”
นายหญิงใหญ่เซียวพูดอย่างโกรธเคืองว่า: “แกกล้าเหรอ! ห้องนอนใหญ่บนชั้นสามเป็นห้องของฉัน! ใครก็ห้ามแย่ง!”
จางกุ้ยเฟินแสยะยิ้มพูดว่า: “นังแก่ชั่วร้ายอย่างแก รีบไสหัวออกไปให้ไกลหน่อย! เมื่อกี้นี้ฉันไว้หน้าแกแล้ว พวกเราสามคนมาบากหน้ามาขออาศัยกับแกด้วยความจริงใจและอยากจะดูแลแกเหมือนแม่แท้ๆด้วยความจริงใจ! แต่คาดไม่ถึงว่า อีแก่อย่างแกจะไร้ความปรานีขนาดนี้ งั้นเราก็พูดกันด้วยกำลัง ห้องนอนชั้นสามฉันเอาแล้ว แกกล้าแย่ง ก็ไตร่ตรองพิจารณาดูว่าตัวเองมีความสามารถนั้นมั้ย!”
นายหญิงใหญ่เซียวก็สิ้นหวังอย่างที่สุดในทันที!
ไม่เพียงแต่สิ้นหวัง ยังเสียใจอย่างสุดซึ้ง!
ตอนนี้เธอถึงได้เข้าใจว่า สามคนนี้ก็คือผู้ช่วยที่อู๋ตงไห่จัดเตรียมไว้ให้ตัวเอง!
ถ้ารู้ก่อนว่าจะเป็นแบบนี้ เมื่อกี้นี้ตัวเองก็ไม่ควรที่จะร้องโวยวายใส่พวกเธอและยังจะขับไล่พวกเธอออกไปด้วย…
เดิมที แม้ว่าพวกเธอจะไม่สามารถที่จะออกหน้าออกตาได้ แต่ก็ยังเคารพต่อตัวเองมากพอ ก็ยังมีพละกำลังที่แข็งแรง สั่งการพวกเธอทำอะไรก็ใช้การได้
แต่ตอนนี้เป็นยังไงล่ะ!
ตัวเองทำให้พวกเธอทั้งสามคนขุ่นเคืองใจจะตายแล้ว!
ยิ่งไปกว่านั้นท้ายที่สุดก็ยังไล่ทั้งสามคนนี้ออกไปไม่ได้…
ตอนนี้จางกุ้ยเฟินยังจะแย่งห้องนอนของตัวเอง…
นี่เป็นการคิดจะทำร้ายผู้อื่นแต่ผลร้ายนั้นกลับย้อนมาหาตัวเองไม่ใช่เหรอ?!
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ ในใจของนายหญิงใหญ่เซียวเป็นทุกข์มากแค่ไหนก็เป็นทุกข์มากเท่านั้น…
เธอทำได้เพียงหน้าด้านพูดกับจางกุ้ยเฟิน: “โธ่เอ๊ย กุ้ยเฟิน! เมื่อกี้นี้เป็นเรื่องเข้าใจผิดกัน เธออย่าได้ถือสาฉันเลยนะ! ฉันแก่แล้ว แก่จนหลงจำอะไรไม่ได้ อยู่ได้อีกไม่กี่ปีแล้ว บางครั้งสมองเบลอเหลือเกิน พูดอะไรที่ไม่ค่อยน่าฟังออกมา เธออย่าได้เอาไปใส่ใจเลยนะ! ฉันก็ปฏิบัติต่อเธอเหมือนกับเป็นลูกสาวมาโดยตลอด!”
จางกุ้ยเฟินพูดด้วยใบหน้ารังเกียจว่า: “ตอนนี้พยายามตีสนิทกับฉันเหรอ? ไปแม่มึงนะสิ! แกไปทำอะไรมาตั้งนานเหรอ? ครั้งนี้ฉันมองอีแก่อย่างแกออกแล้ว! บทร้องในละครงิ้ว‘มีปัญหาก็จงอู๋เหยียน ไม่มีปัญหาก็เซี่ยหยิงชุน’(ความหมายคือบทคำร้องในละครเจ็งฮองเฮาความหมายคือฉีอ๋องที่เป็นสามีจะคิดถึงจงอู๋เหยียนที่ภรรยาก็ต่อเมื่อมีปัญหา เวลาไม่มีปัญหาก็เสพสุขอยู่กับเซี่ยหยิงชุนชายาอีกคนที่พอมีปัญหาก็ช่วยอะไรไม่ได้เลย) ก็ว่าให้คนเลวระยำสุนัขอย่างแก! จากนี้ไปทุกคนจะอยู่ใต้หลังคาเดียวกัน ทางที่ดีแกอย่าได้ยั่วโมโหฉัน ไม่อย่างนั้น ฉันทำให้แกตายทั้งเป็นได้ทุกเศษเสี้ยววินาที!”
เมื่อนายหญิงใหญ่เซียวได้ยินคำพูดนี้ กลัวจนสั่นเทาไปทั่วทั้งร่างกาย และอ้าปากพูดว่า: “เธอ…เธอก็ไม่กลัวที่จะเข้าไปอีกเหรอ?”
ในเวลานี้ ชายฉกรรจ์พูดเสริมในทันทีว่า: “พวกเธอไม่ต้องเป็นห่วง เกียรติยศของประธานอู๋ของพวกเราใหญ่มาก เรื่องเล็กแค่นี้เคลียร์ได้อย่างแน่นอน!”
เมื่อจางกุ้ยเฟินได้ยินคำพูดนี้ ก็รู้สึกเหมือนกับฉีดยาใจมาหนึ่งเข็มในทันที และแสยะยิ้มพูดว่า: “งั้นก็ขอโทษด้วยนายหญิงใหญ่เซียว ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ห้องใหญ่บนชั้นสามเป็นของฉัน!”
นายหญิงใหญ่เซียวแทบจะอกแตกตาย ห้องนอนใหญ่บนชั้นสาม เป็นห้องนอนที่ดีที่สุดในคฤหาสน์ ตอนที่ย้ายเข้ามา เธอก็ชื่นชอบห้องนั้น ยิ่งไปกว่านั้นอยู่อาศัยก็สะดวกสบายมาก ห้องอื่นเปรียบไม่ได้อย่างแน่นอน
ที่สำคัญ นายหญิงใหญ่ละโมบความเป็นสุขตลอดชีวิต ห้องนอนดีขนาดนี้ เธอตั้งใจอยู่จนตาย ตอนนี้มองดูจะถูกจางกุ้ยเฟินแย่งไป ก็ย่อมวิตกกังวลเป็นอย่างมาก ร้องไห้พูดว่า: “กุ้ยเฟิน! เธอดูฉันก็อายุขนาดนี้แล้ว ไม่แน่อาจจะตายในสักวันหนึ่ง เธอก็ปล่อยให้ฉันตายอยู่ในห้องที่ดีหน่อย ชาติหน้าฉันก็สามารถที่จะเกิดใหม่ในที่ดีๆ!”
จางกุ้ยเฟินก้าวไปข้างหน้าตบหน้าของนายหญิงใหญ่เซียวหนึ่งฉาด และตะโกนอย่างเย็นชาว่า: “แกแมร่งอย่ามาพูดจาเหลวไหลที่นี่! ตอนนั้นแม่ของฉันดื่มยาฆ่าแมลง โรงพยาบาลบอกว่าช่วยชีวิตไม่ได้แล้ว พวกเราก็รับเธอกลับบ้าน สุดท้ายเธอตายอยู่ในบ้านกระเบื้องหลังเก่าที่บ้านเกิด ตามที่แกพูด ชาติหน้าแม่ของฉันก็จะไม่ได้ไปเกิดในที่ดีๆเหรอ?!”