ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - 1876
ในตอนนั้นเอง หม่าหลันก็ได้กล่าวโน้มน้าว: “โถ่เอ๊ยชูหรัน ลูกไม่รู้เรื่องฮวงจุ้นสักหน่อย ก็อย่างเข้าไปยุ่งวุ่นวายกับเย่เฉินเลย”
กล่าวไป หม่าหลันก็ได้ปั้นหน้าขึ้นมา และกล่าวด้วยท่าทางจริงจังเป็นพิเศษ: “แม่ไม่ได้คาดหวังให้ลูกช่วยเย่เฉินได้ในทางธุรกิจ แต่แม่ก็ไม่มีทางยอมให้ลูกเป็นตัวของเย่เฉิน! อนาคตครอบครัวของเรา จะต้องอาศัยเย่เฉินเพียงคนเดียวแล้ว!”
“แม่คะ…” ทันทีทันใดนั้นเซียวชูหรันถูกหม่าหลันกล่าวจนพูดไม่ออก
นับว่าเธอได้ดูออกแล้ว แม่ของตัวเองได้ล้มไปยืนอยู่ทางเย่เฉินเป็นที่เรียบร้อย ไม่ว่าตัวเองจะพูดอะไรก็ไม่มีประโยชน์ทั้งนั้น
ดังนั้น เธอจึงทอดถอนใจอย่างจนปัญญา: “เฮ้อ หนูไปที่บริษัทก่อนล่ะ…”
หม่าหลันรีบเอ่ยขึ้นมา: “ชูหรันทำไมลูกไม่รอให้แม่แกะกล่องของขวัญเสร็จก่อนแล้วค่อยไปล่ะ?”
เซียวชูหรันส่ายหน้ากล่าว: “หนูสายมากแล้ว ทุกคนยังรอหนูประชุมสรุปผลอยู่…”
หม่าหลันกล่าว: “ก็ได้ งั้นลูกไปก่อนเถอะ ถ้ามีของดีอะไร ถึงตอนนั้นเดี๋ยวแม่จะถ่ายรูปส่งไปให้ลูกดู!”
เซียวชูหรันอืมตอบรับ และหันไปกล่าวกับเย่เฉินและเซียวฉางควน: “ที่รักคะ คุณพ่อคะ ฉันไปก่อนนะคะ”
เย่เฉินพยักหน้า: “ระหว่างทางขับรถช้า ๆ ล่ะ ดูแลตัวเองด้วย”
เซียวชูหรันกล่าว: “วางใจเถอะ ฉันจะระวังนะคะ”
หลังจากที่เซียวชูหรันขับรถออกไป เย่เฉินถึงได้กลับไปที่ห้องโถงของคฤหาสน์
เซียวฉางควนและหม่าหลันในเวลานี้ต่างก็หอบกล่องของขวัญและเริ่มแกะขึ้นมา
หม่าหลันพึ่งจะแกะของขวัญกล่องหนึ่งออก ก็กรีดร้องออกมาด้วยความตื่นเต้นดีใจ: “พระเจ้า! คิดไม่ถึงว่าจะเป็นกระเป๋าชาแนลรุ่นลิมิเต็ด!”
ส่วนเซียวฉางควนนั้นแกะได้เหล้าหมาวถาย หลังจากที่สำรวจดูอย่างละเอียดแล้ว ถึงได้กล่าวด้วยความตกตะลึงจนตาค้าง: “สวรรค์ นี่เป็นเหล้าหมาวถายห้าดาวปี 58! ซึ่งมีอยู่น้อยมากบนโลกใบนี้ ในงานประมูลเมื่อหลายปีก่อนได้ปรากฏขึ้นขวดหนึ่ง ประมูลไปได้ในราคาสองล้านเก้าแสนเก้าหมื่นหยวน!”
“อะไรนะ?!” หม่าหลันกล่าวด้วยความตกตะลึง: “เหล้าหมาวถายขวดหนึ่ง ราคาสองล้านเก้าแสนเก้าหมื่นหยวน? บ้าไปแล้วเหรอเนี่ย!”
เซียวฉางควนเบ้ปากกล่าว: “ดูท่าทางที่ไม่เคยเห็นโลกภายนอกของคุณนั่นสิ! เหล้าหมาวถายราคาสองล้านเก้าแสนเก้าหมื่นหยวนก็ทำให้คุณตะลึงขนาดนี้แล้วเหรอ? ผมจะบอกคุณให้นะ ยังมีเหล้าหมาวถายชนิดหนึ่งที่มีแค่สิบขวดทั่วประเทศ มีชื่อว่าเหล้าหมาวถายฮั่นตี้ หนึ่งขวดมีมูลค่าหลายสิบล้าน!”
“เหล้าหมาวถายฮั่นตี้งั้นเหรอ?” หม่าหลันขมวดคิ้วพลางเอ่ยถาม: “หมายความว่ายัง? เป็นเหล้าหมาวถายที่ขุดออกมาจากพื้นดินที่แห้งแล้งเหรอ?!”
เซียวฉางควนกล่าวเยาะเย้ย: “คุณเรียนจบมหาลัยมาเสียเปล่าจริง ๆ เป็นฮั่นตี้ที่หมายถึงจักรพรรดิฮั่นอู่ตี้ ไม่ใช่ฮั่นตี้ที่หมายถึงพื้นดินที่แห้งแล้ง!” (ในภาษาจีนนั้นคำว่าพื้นที่แห้งแล้งและจักรพรรดิฮั่นอู่ตี้นั้นออกเสียงเหมือนกัน”
หม่าหลันอุทานออกมา: “ถุย! ดูถูกใครกันน่ะ? เป็นคุณเองที่ไม่พูดให้มันชัดเจน ฉันจะไม่รู้จักจักรพรรดิฮั่นอู่ตี้ได้ยังไง?”
เซียวฉางควนเถียงกลับไปทันที: “คุณต้องไม่รู้อย่างแน่นอนว่าใครคือจักรพรรดิฮั่นอู่ตี้ ถ้าวันนี้คุณสามารถบอกมาได้ว่าจักรพรรดิฮั่นอู่ตี้ชื่ออะไร ผมจะนับว่าคุณเคยเข้ามหาลัยมา!”
หม่าหลันพูดไม่ออกทันที
จักรพรรดิฮั่นอู่ตี้คือใคร เธอจำไม่ได้จริง ๆ …
เซียวฉางควนเห็นเธอมีท่าทางกระวนกระวาย จึงกล่าวเยาะเย้ย: “ทำไม? จำไม่ไม่ได้แล้วเหรอ? มหาลัยเรียนมาเสียเปล่าแล้วใช่ไหม?”
หม่าหลันกล่าวด้วยความโมโห: “ทำไมคุณพูดมากแบบนี้เนี่ย? ฉันจะบอกคุณให้นะเซียวฉางควน เหล้าที่อยู่ในมือของคุณมีมูลค่าถึงสามล้าน คุณจะดื่มไม่ได้อย่างเด็ดขาด! เก็บไว้ให้ดีรอจนราคาพุ่งสูงขึ้นในอนาคตแล้วค่อยขายออกไป!”
เซียวฉางควนกล่าวอย่างโมโห: “นี่เป็นของขวัญที่คนอื่นมอบให้ลูกเขย คุณมีสิทธิ์อะไรมายุ่งด้วย? ลูกเขยของผมบอกว่าจะดื่มก็ดื่มได้ ลูกเขยของผมบอกว่าจะขายก็ขายได้ ลูกเขยของผมบอกว่าให้ทุบมันเพื่อฟังเสียง คุณก็ทำได้เพียงมองดูเท่านั้น!”
“นี่คุณ…”
เย่เฉินเห็นทั้งสองคนทะเลาะกันขึ้นมาอีกครั้ง ก็ต้องส่ายหัวอย่างจนปัญญา
ในตอนนี้เอง จู่ ๆ โทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้นมา เป็นการโทรแบบวิดีโอคอ
คนที่โทรเข้ามานั้น เป็นกู้ชิวอี๋
ดังนั้น เขาจึงได้กล่าวกับสองสามีภรรยา: “คุณพ่อ คุณแม่ครับ ผมมีธุระนิดหน่อย ขอตัวกลับห้องก่อนนะครับ”
กล่าวจบ เขาไม่รอให้ทั้งสองคนตอบ ก็ได้เข้าไปในลิฟต์ทันที