ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - 1877
เย่เฉินกลับถึงห้องของตัวเองและเซียวชูหรัน ถึงได้รับสายวิดีโอคอลจากกู้ชิวอี๋ แล้วเอ่ยถามเธอขึ้นมา: “ฮัลโล หนานหนาน”
“พี่เย่เฉินคะ!” ในวิดีโอคอ กู้ชิวอี๋ที่สวมชุดนานกระโปรงได้โบกมือให้กับเย่เฉินด้วยความตื่นเต้นดีใจ
กู้ชิวอี๋ที่อยู่ในวิดีโอคอไม่ได้แต่งหน้า ผมยาวสีดำคลับพาดปกคลุมบ่าตามอำเภอใจ ลักษณะท่าทางที่ไม่ได้เต็มไปด้วยออร่าของดาราระดับต้น ๆ อยู่นั้น ยิ่งทำให้เธอดูเป็นสาวข้างบ้านที่สวยจนไม่อาจแยกแยะได้
เธอในเวลานี้ ได้เอ่ยถามอย่างมีความสุขใจวิดีโอคอล: “พี่เย่เฉินยุ่งอะไรอยู่เหรอคะ?”
เย่เฉินยิ้มกล่าว: “ก็ไม่ได้ยุ่งอะไรหรอก นี่ก็ใกล้จะถึงตรุษจีนแล้วไม่ใช่เหรอ? ก็เลยอยู่บ้านจัดเตรียมของที่ใช้ในวันตรุษจีนน่ะ”
กู้ชิวอี๋ยิ้มกล่าวอย่างมีความสุข: “อิ ๆ ฉันเองก็เหมือนกัน! ปีนี้พวกเรากลับไปฉลองตรุษจีนกันที่คฤหาสน์หลังเก่าที่ทะเลสาบโห้วไห่!”
กล่าวไป เธอก็ได้กดเปลี่ยนเป็นกล้องหลัง ถ่ายให้เห็นสภาพแวดล้อมโดยรอบ เป็นดั่งที่คิด เธอได้อยู่ที่เรือนสี่ประสานของตระกูลกู้
เย่เฉินอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามขึ้นมา: “หนานหนาน เรือนสี่ประสานของตระกูลเธอมีพื้นที่กว้างขวางแบบนั้น ฉลองตรุษจันกันแค่คนในครอบครัวสามคนมันจะไม่เงียบเหงาไปหน่อยเหรอ?”
“ไม่หรอกค่ะ!” กู้ชิวอี๋ยิ้มกล่าว: “ปีนี้มีครอบครัวของอารอง และอาสามมาร่วมฉลองตรุษจีนด้วย ทั้งหมดสามครอบครัวใหญ่ คึกคักไม่เบาเลยล่ะค่ะ”
เย่เฉินพยักหน้า นึกถึงอารองและอาสามของเธอขึ้นมา จึงอดไม่ได้ที่จะถาม: “หนานหนาน อารอง และอาสามของเธอ ระยะนี้มีท่าทางยังไงบ้าง? ไม่ได้หาเรื่องอะไรครอบครัวของพวกเธออีกใช่ไหม?”
กู้ชิวอี๋รีบกล่าวขึ้นมาทันที: “ไม่มีหรอกค่ะ! ครอบครังของอาสองและอาสาม ระยะนี้มีท่าทีที่ดีมากเลยล่ะค่ะ ไปที่บ้านอยู่บ่อยครั้ง ทุกครั้งที่ไปยังได้เอาของขวัญมาด้วยล่ะค่ะ!”
“อ้อใช่ วันนี้กลับมาฉลองตรุษจีนที่คฤหาสน์หลังเก่า ก็เป็นพวกเขาสองคนที่แนะนำพ่อของฉัน บอกว่าครอบครัวของพวกเราไม่ได้ร่วมฉลองตรุษจีนด้วยกันมานานมากแล้ว ดังนั้นจึงอยากจะฉลองร่วมกัน คุณพ่อของฉันก็เลยรับปากไป”
เย่เฉินรู้ว่า อารองของกู้ชิวอี๋กู้เย้นเจิ้ง และอาสามกู้เย้นกาง และลูกชายของพวกเขา ตอนนี้ยังอยู่ในห้วงความสูญเสียความสามารถในการมีบุตรอยู่ ระยะนี้ไม่ต้องคิดก็สามารถเดาออกได้ว่า พวกเขาจะต้องว่าง่ายเป็นพิเศษ
เพราะถึงยังไง พวกเขายังคาดหวังที่เอาอกเอาใจครอบครัวของกู้เย้นจง เพื่อให้ตัวเองได้รับการให้อภัย
ก่อนหน้านี้พวกเขาได้เซ็นสัญญากับกู้เย้นจงไปแล้ว ต่อไปจะเชื่อฟังกู้เย้นจงพี่ใหญ่คนนี้ทุกอย่าง ดังนั้นตอนนี้พวกเขาจึงไม่มีทางที่จะสร้างเรื่องอะไรขึ้นมาอีก
ดังนั้น แย่เฉินจึงได้กล่าวอย่างพอใจ: “งั้นก็ดี ถ้าหากอาทั้งสองคนของเธอยังยังมีเจตนาร้ายอยู่อีก เธอจะต้องบอกพี่ทันที”
กู้ชิวอี๋รีบพยักหน้า กล่าว: “พี่เย่เฉิน พี่รอเดี๋ยวนะคะ ฉันจะไปที่ห้องของคุณพ่อคุณแม่ พวกท่านมีเรื่องจะคุยกับพี่!”
เย่เฉินรีบเอ่ยกำชับ: “เธอใส่เสื้อผ้าเยอะหน่อย กระโปรงตัวนี้ดูก็รู้ว่าเอาไว้ใส่สำหรับฤดูร้อน เดี๋ยวจะหนาวจนเป็นหวัดเอาได้นะ”
กู้ชิวอี๋ยิ้มอย่างอ่อนหวานกล่าว: “ไม่หนาวหรอกค่ะ เพราะทั่วทั้งเรือนสี่ประสานมีระบบทำความร้อนกระจายอยู่ใต้พื้น พลังความร้อนเพียงพอ อุณหภูมิภายในห้องอยู่ที่ประมาณยี่สิบแปดองศา”
เย่เฉินถึงได้วางใจลง
สถานะของกู้ชิวอี๋ที่อยู่ในใจของเขานั้น ถ้าจะบอกว่าเป็นคู่หมั้น ที่พ่อแม่ของทั้งสองฝ่ายได้ตกลงกันไว้ สู้บอกว่าเป็นน้องสาวที่คอยติดตามอยู่ข้างกายตัวเองมาตั้งแต่ยังเด็กจะดีกว่า
ดังนั้น เย่เฉินถึงได้ห่วงใยเธอเป็นพิเศษ
กู้ชิวอี๋ที่อยู่ในวิดีโอคอได้วิ่งช้า ๆ ผ่านห้องโถงที่กว้างขวาง มาถึงห้องของกู้เย้นจงและหลินหว่านชิว
กู้เย้นจงในตอนนี้กำลังนั่งจิบชาอ่านหนังสืออยู่ที่โต๊ะอ่านหนังสือ หลินหว่านชิวได้จุดธูปไม้จันทน์เนื้อละเอียดหนึ่งกระถาง และนำกระถางธูปหอมไปวางไว้บนโต๊ะอ่านหนังสือของกู้เย้นจง ในตอนนี้เองกู้ชิวอี๋ก็ได้วิ่งเข้ามาอย่างรีบร้อน จึงได้กล่าวกำชับ: “หนานหนาน ระวังหน่อย เดี๋ยวหกล้มเอาได้นะ!”
กู้ชิวอี๋กล่าวด้วยความตื่นเต้น: “แม่คะ หนูกำลังวิดีโอคอลกับพี่เย่เฉินอยู่ล่ะ!”
ทันทีที่กู้เย้นจงได้ยินชื่อของเย่เฉิน ก็รีบวางหนังสือในมือลงทันที และกล่าวด้วยความตื่นเต้น: “ลูกกำลังวิดีโอคอลอยู่กับเย่เฉินเหรอ? เร็วเข้า ให้พ่อคุยกับเขาหน่อย!”
กู้ชิวอี๋รีบเอาโทรศัพท์วางลงบนโต๊ะทันที กล้องและหน้าจอต่างได้หันไปทางกู้เย้นจง
สีหน้าของกู้เย้นจงในตอนนี้ดีเป็นพิเศษ ท่าทางทั่วทั้งตัวก็ยังหนุ่มยังแน่น เมื่อเห็นเย่เฉินอยู่ในวิดีโอคอ เข้าก็รีบกล่าวขึ้นมาพร้อมกลับรอยยิ้มทันที: “เฉินเอ๋อ! ระยะนี้อยู่ที่เมืองจินหลิงเป็นยังไงบ้าง?”